xs
xsm
sm
md
lg

สะพัดเขย่าเก้าอี้ “ผบ.ตร.” ข้อหาหัวแข็งกับนักโทษ...?

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

(แฟ้มภาพ)พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.
สน.พระอาทิตย์ / สามยอด



ก้าวขึ้นมานั่งเก้าอี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือ ผบ.ตร.แค่เพียง 7 เดือน และยังเหลืออายุราชการอีกถึง 17 เดือน หรือเกือบปีครึ่ง จะครบเกษียณราชการวันที่ 30 กันยายน 2557 แต่ตอนนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว กำลังต้องเผชิญกับการลุ้นระทึกเสียแล้ว หลังจากมีข่าวสะพัดความไม่มั่นคงบนเก้าอี้ผู้นำสีกากี

ตลอดช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เกิดกระแสลือดังกระหึ่มปล่อยออกมาถึงการเปลี่ยนการทำหน้าที่ “ผบ.ตร.”ของพล.ต.อ.อดุลย์ เลยเถิดเป็นขั้นเป็นตอนเป็นเรื่องเป็นราวถึงขนาดพูดกันว่า
หาก พล.ต.อ.อดุลย์ ถูกพักงาน ก็จะมีชื่อ พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร.อาวุโสลำดับ 1 ขึ้นมารักษาการแทนจนเกษียณวันที่ 30 ก.ย.2556 แล้วค่อยมาพิจารณากันใหม่จะให้ พล.ต.อ.อดุลย์ กลับมาสู่ตำแหน่งเดิมเลยหรือไม่

เหตุผลแรงระส่ำการเลื่อยขาเก้าอี้ ผบ.ตร.ครั้งนี้ รองรับให้มีความน่าเชื่อถือด้วยเหตุความไม่พอใจจากนักโทษหนีคดี ทักษิณ ชินวัตร ผู้มีอำนาจตัวจริง!!!

สาเหตุความไม่พอใจของทักษิณต่อ พล.ต.อ.อดุลย์ มีการหยิบยกอ้างอิงกันหลายเรื่องหลายราวผสมปนเปกันไป ตั้งแต่เรื่องการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(ผู้ว่าฯ กทม.) ที่ว่ากันว่าทักษิณมองว่า พล.ต.อ.อดุลย์ ไม่ได้ให้ความช่วยเหลือเท่าที่ควร จนทำให้คนที่ตัวเองหมายมั่นปั้นมือส่งลงไปชนิดมั่นใจว่าน่าจะได้รับการเลือกตั้งกลับพ่ายแพ้ ทั้งๆ ที่เป็นคนสีกากีด้วยกันเองแท้ๆ

โครงการก่อสร้างสถานีตำรวจ (ทดแทน) 396 แห่ง ก็เป็นอีกหนึ่งชนวนเหตุ เพราะมีความพยายามที่จะหยิบมาใช้ให้กลายเป็นประเด็นทางการเมือง พุ่งเป้าไปยังนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม เนื่องจากมองเห็นลู่ทางการเอาผิดในการทำหน้าที่ ในฐานะผู้กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งแม้กฎหมายอาจจะถึงขั้นเอาผิดจนถึงที่สุดหรือไม่ก็ไม่สำคัญ เพราะเมื่อถึงจุดนั้นภาพการร่วมทุจริตก็จะติดตัวคู่อริไปแล้ว

แต่ว่ากันว่าในมุม พล.ต.อ.อดุลย์ ในฐานะที่เป็นผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มองว่าความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน จนทำให้เกิดความเสียหายกับหน่วยงาน และสร้างความเดือดร้อนให้กับตำรวจไม่มีสถานที่ทำงาน สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนไม่มีสถานที่แจ้งความร้องทุกข์ ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องมีผู้รับผิดชอบ

พล.ต.อ.อดุลย์ จึงส่งสัญญาณไปยังผู้มีอำนาจจะขอปรับเปลี่ยน พล.ต.ท.สุพร พันธุ์เสือ ผู้บัญชาการสำนักงานส่งกำลังบำรุง (ผบช.สกบ) นรต.รุ่น 30 รุ่นเดียวกับ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.พรรคเพื่อไทย ออกจากตำแหน่ง เพื่อให้การดำเนินการเอาผิดโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจครั้งนี้ไม่มีข้อครหาว่าพุ่งเป้าเล่นงานเฉพาะฝ่ายการเมืองอย่างเดียว ซึ่งเบื้องแรกก็ได้รับสัญญาณไฟเขียว แต่พอเรื่องการเปลี่ยนตัวดังขึ้นก็มีการวิ่งเข้าหานักโทษแดนไกลมากขึ้น ก็ทำให้สัญญาณไฟเขียวถูกเปลี่ยนเป็นไฟแดง

โดยเฉพาะมีการกระซิบข้างหูถึงการเปลี่ยนตัว พล.ต.ท.สุพร ครั้งนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ ยังเสนอชื่อเพื่อนร่วมรุ่น พล.ต.ท.สุชีพ หนูนาง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจสอบภายใน (สตส.) ไปคุมงานสำนักงานส่งกำลังบำรุงแทน ยิ่งทำให้ขาปั่นสุ่มไฟวาดภาพอนาคตให้นักโทษเห็น หากปล่อยเป็นเช่นนี้อาจจะเกิดปัญหาในอนาคต เพราะงาน สกบ.เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการงบประมาณมหาศาลในโครงการต่างๆ ถ้าคนที่มานั่งเป็นหัวแล้วคุมไม่ได้ ก็อาจส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการ

การใส่ไคร้กล่าวหา พล.ต.อ.อดุลย์ จะส่งคนมาป้องกัน การสวาปามสูบเลือดสูบเนื้อคนสีกากีจึงถูกปลุกปั่นขึ้น ยาวไปถึงเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายระดับนายพลนอกฤดู ที่ พล.ต.อ.อดุลย์ ต้องการแต่งตั้งเพียงเฉพาะตำแหน่งที่เปิดใหม่ หรือตำแหน่งที่ว่างจากผู้ที่ลาออกหรือเสียชีวิต เพื่อไม่ให้องค์กรเกิดแรงระส่ำจนการทำงานสะดุด แต่ก็ดูจะตรงข้ามกับแนวคิดของผู้มีอำนาจที่ต้องการให้มีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งยกกระบิ จนมีวลีหนึ่งที่หลุดออกมาในทำนองที่ว่า จะให้ผู้นำแต่ละหน่วยมีเฉพาะพวกคนแก่ๆ หรือไร และยิ่งถูกหยิบมาตอกย้ำกล่าวหา พล.ต.อ.อดุลย์ ไม่จริงใจตามคำอ้าง เมื่อจะมีการยัดไส้มติ นรต.29 รุ่นของ พล.ต.อ.อดุลย์ เอง ที่จะให้ พล.ต.ท.พจน์ ไทยกล้า จเรตำรวจ (สบ8) เทียบเท่า ผบช.ลาออกจากตำแหน่ง แล้วให้เพื่อนร่วมรุ่น พล.ต.ต.โกศล พัวเวส รอง ผบช.ภ.2 ขึ้นติดยศ พล.ต.ท.ก่อนเกษียณราชการปลายกันยายน 2556 นี้

จนมีสายการเมืองวิ่งเต้นที่จะเสนอชื่อ “รอง ผบช.”รายหนึ่ง เข้ามาขึ้น พล.ต.ท.แทนตำแหน่งว่างหาก พล.ต.ท.พจน์ ลาออก ซึ่งเมื่อ พล.ต.อ.อดุลย์ เห็นท่าไม่ดีเก้าอี้ที่เพื่อนๆ คุยกันไว้จะให้ พล.ต.ท.พจน์ เสียสละให้เพื่อนไม่เป็นดังคิด อาจมีรายการหมาคาบไปรับประทาน จึงมีการส่งสัญญาณยังไม่ให้ พล.ต.ท.พจน์ ลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้ฝ่ายการเมืองอย่างมาก

ตอกย้ำด้วยมาตรการแข็งกร้าวที่ พล.ต.อ.อดุลย์ หยิบยื่นดาบส่งต่อไปให้ชุดเฉพาะกิจกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ดำเนินการเด็ดขาดกับแหล่งอบายมุขต่างๆ ชนิดห้ามขยับ จนทำให้น้ำเลี้ยงทางการเมืองของบางกลุ่มบางคนต้องสะดุด
ทั้งหมดทั้งมวลจึงถูกนำมาผูกเป็นเรื่องเป็นราว ปล่อยข่าวเขย่า “เก้าอี้ ผบ.ตร.”ให้ระส่ำ ตามสไตล์สายเลือดสีกากีเก่า ทุบให้น่วมแล้วก็จะอ่อนไปเอง

หาก พล.ต.อ.อดุลย์ ถูกพักงาน ก็จะมีชื่อ พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร.อาวุโสลำดับ 1 ขึ้นมารักษาการแทนจนเกษียณวันที่ 30 ก.ย.2556 แล้วค่อยมาพิจารณากันใหม่จะให้ พล.ต.อ.อดุลย์ กลับมาสู่ตำแหน่งเดิมเลยหรือไม่
กำลังโหลดความคิดเห็น