ตรงเป้า/สามยอด
ร้อนระอุยิ่งกว่าอุณหภูมิเดือนเมษา กระแสข่าวการเปลี่ยนตัวผู้บัญชาการตำรวจนครบาล หรือ ผบช.น.ที่มี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นั่งกุมบังเหียน หลังกำลังตำรวจคอมมานโด กองปราบปราม บุกเข้าทลายบ่อนการพนันขนาดใหญ่ในพื้นที่นครบาล ถึง 2 แห่ง จับกุมนักพนันหลายร้อยคน ยึดอุปกรณ์การเล่น และเงินของกลางนับสิบล้านบาท
แม้ก่อนหน้านี้ข่าวคราวเก้าอี้ของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ จะสั่นคลอนบ้าง ตามห้วงเวลาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่การแห่โลงศพเหยื่อที่ถูกข่มขืนไปหน้าบ้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในซอยโยธินพัฒนา ซึ่งมีกระแสลือว่า นายกฯยิ่งลักษณ์ ไม่พอใจที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ไม่แก้ไขปัญหาให้ชาวบ้าน จนผู้เสียหายทนไม่ไหวต้องแห่โลงศพมาร้องนายกรัฐมนตรีถึงบ้านพัก
หรือช่วงเสร็จสิ้นการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.จากพรรคเพื่อไทย พรรคซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาลแท้ๆ กลับพ่ายแพ้ ต่อม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.จากพรรคประชาธิปัตย์ พรรคการเมืองฝ่ายค้าน จนเกิดเสียงสะท้อนความไม่พอใจและตั้งคำถามว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ จริงจังแค่ไหนในการช่วยศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้
แต่กระแสพายุที่โหมกระหน่ำ “แจ๊ด” ก็ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ไม่มีอะไรในก่อไผ่นอกจากหน่อไม้ เพราะความไม่พอใจต่างๆ เหล่านั้น ไม่สามารถแปรเปลี่ยนมาเป็นเหตุและผลที่เพียงพอในการปรับเปลี่ยนหรือดำเนินการใดๆ กับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ได้
กระทั่งเมื่อมาเจอกับกรณีตำรวจนอกหน่วยบุกเข้ามาจับกุมบ่อนการพนันในพื้นที่ครั้งนี้ ซึ่งเข้าตำราเกลือจิ้มเกลือ เพราะครั้งหนึ่งในช่วงที่มีการจับกุมบ่อนการพนันขนาดใหญ่ แม้จะจับกุมไม่ได้คาหนังคาเขา เพียงแค่มีคลิปเปิดเผยออกมา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี พี่เลิฟที่ประคองหลัง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ มาตลอด ก็ออกมาแยกเขี้ยวใส่ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ช่วงนั้นที่เป็น ผบ.ตร.ถามหาความรับผิดชอบ พอเรื่องมาเกิดกับความรับผิดชอบของน้องเลิฟเสียเอง ร.ต.อ.เฉลิม ก็ดูจะยากที่จะตะแบง
มิหนำซ้ำ เรื่องยังมาเกิดขึ้นในช่วงจังหวะที่ “บิ๊กอู๋” พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ลงนามคำสั่งจัดทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับผู้บังคับการ (ผบก.)-รองผู้บัญชาการ (รอง ผบช.) นอกวาระประจำปี หรือแต่งตั้งนายพลนอกฤดู
ซึ่งบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายจะนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ช่วงบ่าย 3 โมง วันที่ 4 เม.ย.2556 มี “สารวัตรเหลิม” นั่งหัวโต๊ะประธานการประชุม
ตามวาระการะชุม ก.ตร.แม้จะเป็นคิวนอกฤดูแทนตำแหน่งว่างระดับ พล.ต.ต.เก้าอี้ “ผบก.-รอง ผบช.” แต่สปอตไลท์ก็ถูกส่องโฟกัสขยับสูงไปที่เก้าอี้ “ผบช.” หรือระดับ พล.ต.ท.โดยเฉพาะเก้าอี้ “ผบช.น.” ที่คาดหมายกันว่าน่าจะมีการเสนอโยกย้ายสลับตำแหน่ง ด้วยเหตุผลความบกพร่องที่ตำรวจนอกหน่วยจับกุมบ่อนการพนันขนาดใหญ่ในพื้นที่ ควบคุมนักพนันได้มากกว่า 100 คน เงินของกลางนับสิบล้าน
แผนการสลับปรับเปลี่ยนเก้าอี้ “ผบช.น.” จึงเปิดขึ้น!!!
ตามการคาดหมาย พล.ต.ท.คำรณวิทย์ แม้จะถูกมองว่าผู้มีอำนาจไม่ปลื้ม แต่ก็คงไม่ถึงขนาดถูกเด้งเข้ากรุไปนั่งตบยุง เพราะความผิดไม่ได้ร้ายแรง เพียงแค่บกพร่องในการควบคุมดูแล รวมทั้งลูกพี่เหลิม ก็น่าจะประคองน้องเลิฟ ไม่ให้เสียเชิงด้วยการโยกจากเก้าอี้ ผบช.น.ไปเป็น ผบช.ภ.1
ถ้าเป็นไปตามนี้ ก็เชื่อว่าทั้ง ร.ต.อ.เฉลิม ลูกพี่ และ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ลูกน้อง ก็น่าจะพอใจและน่าจะพอใจมากๆ ด้วย เพราะถามใจกันจริงๆ “แจ๊ด” ก็คงอยากมมาคุม บช.ภ.1มากกว่านครบาล ซึ่งมีความวุ่นวายมากมมาย และพื้นที่ภาค 1 ถือเป็นบ้านของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ทุกตรอก ซอก ซอย รู้จักทั้งคนทั้งพื้นที่หมด แหล่งต่างๆ ก็แค่น้องๆ นครบาล รวมทั้งก็มีข่าวมาตลอดหากถอดเสื้อเครื่องแบบสีกากีออก “แจ๊ด” ก็จะลงเล่นการเมืองในพื้นที่ปทุมธานี
เก้าอี้ “ผบช.น.”จะเป็นใคร???
พล.ต.ท.นเรศ นันทโชติ ผบช.ภ.1 ถูกคาดหมายจะสลับเก้าอี้กับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ มานั่งเป็น ผบช.น.ซึ่งแน่นอนว่าได้รับแรงหนุนจากนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เนื่องจากเป็นเพื่อนสนิท และ พล.ต.ท.นเรศ ก็มีผลงานเข้าตา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พี่ชายนายกฯปู ช่วงที่เป็นผู้การฯอยุธยา รวมทั้ง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ก็น่าจะหนุนเต็มที่ เพราะ พล.ต.ท.นเรศ เคยเป็นนายเวรให้กับ พล.ต.อ.พรศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ อดีต ผบ.ตร.เพื่อนร่วมรุ่น นรต.18 ของ พล.ต.อ.ประชา ซึ่งรู้มือกันอยู่
เช่นเดียวกับ พล.ต.อ.อดุลย์ ก็น่าจะพอใจ พล.ต.ท.นเรศ เพราะบุคลิกเคร่งขรึม ไม่โฉงฉ่าง ไม่แข็งกร้าว น่าจะเหมาะมานั่งเก้าอี้แม่ทัพเมืองหลวง โดยเฉพาะในช่วงที่สถานการณ์บ้านอาจจะต้องเผชิญกับการชุมนุมใหญ่ๆ หนักๆ อีกครั้ง หลังจากมีแนวโน้มรัฐบาลจะผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เข้าสภาในอีกไม่กี่วันข้างหน้า การได้ พล.ต.ท.นเรศ มาคุมม็อบก็น่าจะดีกว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ที่ภาพชัดเจนมีวันนี้เพราะพี่ให้ไปแล้ว นอกจากนี้ด้วยสายเลือด ตชด.เก่าของ “บิ๊กอู๋” ซึ่งขยับมาแนวเดียวกับลูกพี่เก่า พล.ต.ท.นเรศ ก็น่าจะทำให้ทุกอย่างลงตัวเหมาะเจาะ
อีกหนึ่งตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้ามในการก้าวเข้ามานั่ง ผบช.น.ก็คือ พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผบช.สตม.ซึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพ็ชร อดีตภรรยาพ.ต.ท.ทักษิณ รวมทั้งได้รับความไว้วางใจจาก พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างมาก ถึงขนาดมีข่าวสามารถยกหูสายตรงได้ตลอด ก็มีชื่อส่งเข้าประกวด เพราะ พล.ต.ท.ภาณุ เคยอยู่พื้นที่นครบาลมาอย่างยาวนาน การจะกลับเข้ากรุงอีกครั้งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
ไม่ว่าจะออกสูตร พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ไป บช.ภ.1 พล.ต.ท.นเรศ มาเป็น ผบช.น.หรือพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ไป ผบช.ภ.1 พล.ต.ท.ภาณุ โยกเป็น ผบช.น.สลับ พล.ต.ท.นเรศ มาเป็น ผบช.สตม.
ทุกล็อกที่เกิดขึ้นทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ นายกฯยิ่งลักษณ์ รองฯเฉลิม พล.ต.อ.อดุลย์ ซึ่งเกี่ยวข้องกันกับเก้าอี้เหล่านี้ ต่างก็สมประโยชน์กันทุกฝ่าย
อย่างไรก็ตาม ในมุมกลับกัน ทุกล็อกที่ตั้งไว้ก็มีโอกาสพับเก็บลิ้นชักรอเวลาที่เหมาะสมในโอกาสต่อไปได้อีกเช่นกัน
หากการบุกขึ้นเกาะฮ่องกงของ ร.ต.อ.เฉลิม พี่เลิฟ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เจรจาต้าอวยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ แบบสมประโยชน์ลงตัว เก้าอี้ “ผบช.น.” ที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์นั่งอยู่ก็อาจจะแข็งปั๋งเสริมใยเหล็กอีกครั้งหนึ่ง