xs
xsm
sm
md
lg

ถอดรหัส! โรงพักฉาว เลิกสัญญา-โร่ฟ้องศาล

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

 พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ ที่ปรึกษา บ.พีซีซีฯ
โครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน 396 แห่ง ที่มีปัญหาการก่อสร้างล่าช้า จนเป็นเหตุให้ตำรวจได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากไม่มีสถานที่ทำงาน ขณะที่ประชาชนไม่ได้รับความสะดวกในการติดต่อราชการ ที่สำคัญโครงการนี้ส่อเค้าว่ามีการทุจริตในการจัดจ้าง จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง

ขณะเดียวกันก็มีความพยายามเชื่อมโยงเรื่องนี้ให้เป็นประเด็นการเมือง โดยเฉพาะนักการเมืองซีกรัฐบาลที่ออกมาจี้ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ สอบสวนเอาผิดกับผู้รับผิดชอบโครงการ โดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งขณะนี้สำนวนการสอบสวนอยู่ในมือของ ป.ป.ช.เรียบร้อยแล้ว

ในส่วนของสัญญาก่อสร้างที่มีการจับตากันว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะตัดสินใจอย่างไร หลังจากเมื่อวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งวันครบกำหนดตามสัญญา พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ได้มีการอนุมัติให้ขยายเวลาการส่งมอบงานออกไปเป็นระยะเวลา 30 วัน โดย ผบ.ตร.ระบุเหตุผลที่มีการยืดสัญญาให้กับผู้รับเหมาในครั้งนี้ ว่า โครงการนี้เป็นโครงการใหญ่ ใช้งบประมาณกว่า 5 พันล้านบาท ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กำหนดไว้ว่าเมื่อเป็นโครงการใหญ่ต้องให้โอกาสผู้ประกอบการได้แก้ตัวระยะหนึ่ง

แต่กระนั้นในทางปฏิบัติ พล.ต.อ.อดุลย์ ได้สั่งการให้ สำนักงานส่งกำลังบำรุง (สกบ.) เตรียมแผนดำเนินการเพื่อประกวดราคาจัดจ้างก่อสร้างสถานีตำรวจใหม่ทั้ง 396 แห่งไว้แล้วทั้งหมด จึงพออนุมานได้ว่าหากครบกำหนดเวลาที่มีการขยายให้ หากทาง บ.พีซีซีฯ ไม่สามารถส่งมอบงานให้ได้ตามสัญญา โอกาสที่จะได้รับการขยายเวลาอีกครั้งจึงแทบเป็นไปไม่ได้เลย

ขณะที่ล่าสุดวันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันครบกำหนดสัญญา พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ออกมาแถลงข่าวยกเลิกสัญญาอย่างเป็นทางการกับ บ.พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ซึ่งเป็นผู้รับเหมาโครงการนี้ เนื่องจากไม่สามารถก่อสร้าง และส่งมอบงานให้แล้วเสร็จตามสัญญา ทั้งที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ให้โอกาสผู้รับเหมาโดยการขยายระยะเวลาการส่งมอบออกไป 30 วัน จากเดิมที่จะครบกำหนดในวันที่ 14 มี.ค. 2556

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 15 เม.ย. พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ ที่ปรึกษา บ.พีซีซีฯ ได้เปิดแถลงข่าวเพื่อย้ำจุดยืนของทาง บ.พีซีซีฯ ที่ต้องการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติให้โอกาสอีกครั้ง โดยการขยายระยะเวลาการก่อสร้างออกไปอีก 600 วัน ซึ่งทาง บ.พีซีซีฯ ให้คำมั่นว่าจะขอเวลาเพียง 6 เดือน ในการก่อสร้างสถานีตำรวจล็อตแรก 10 แห่ง พร้อมส่งมอบ จากนั้นจะทยอยก่อสร้างในส่วนที่เหลือให้แล้วเสร็จ และเพื่อให้เกิดความมั่นใจ บ.พีซีซีฯ พร้อมจะเพิ่มเงินประกันอีกกว่า 500 ล้านบาท พร้อมย้ำว่าหากทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังยืนกรานที่จะบอกเลิกสัญญา ทาง บ.พีซีซีฯ ก็จะยื่นฟ้องต่อศาลเพื่อเรียกค่าเสียหายทางแพ่งอย่างแน่นอน แต่ทว่าความพยายามที่เป็นเสมือนการดิ้นรนเฮือกสุดท้ายของฝ่ายผู้รับเหมาก็ไร้ผล

ด้าน พล.ต.ต.ปิยะ ชี้แจงถึงเหตุผลที่ต้องบอกเลิกสัญญากับผู้รับเหมารายนี้ ว่า บ.พีซีซีฯ ไม่สามารถส่งมอบงานให้ครบและเสร็จสมบูรณ์ทั้งหมดตามสัญญา ตลอดจนทำงานไม่ได้เนื้องานตามระยะเวลาที่กำหนดในสัญญา และไม่ปรากฏความคืบหน้าในการดำเนินการก่อสร้าง โดยมีผลงานการดำเนินการก่อสร้างทั้งโครงการเพียง ร้อยละ 12 เท่านั้น ขณะเดียวกันพบว่ามีการทำผิดเงื่อนไขของสัญญา โดยมีการจ้างช่วง พร้อมยืนยันว่าที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการตามกระบวนการขั้นตอนของกฎหมาย และไม่หนักใจหากฝ่ายผู้รับเหมาจะยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหาย

“คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านกฎหมายฯ ได้ประชุมร่วมกับผู้บังคับบัญชาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งพนักงานอัยการได้ตรวจสอบเอกสารแล้วสรุปเห็นว่าบริษัทผู้รับจ้างผิดสัญญา ไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามสัญญาจ้างได้ โดยมีหลักฐานประจักษ์ชัดว่าไม่สามารถดำเนินการได้ตามกำหนดเวลา และยังไม่มีการส่งมอบงานที่แล้วเสร็จสมบูรณ์ทั้งหมดตามสัญญาจ้างได้ ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับความเสียหาย ดังนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงมีสิทธิที่จะบอกเลิกสัญญาได้ตามเงื่อนไขของสัญญาจ้าง และระเบียบที่เกี่ยวข้อง และให้มีผลตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย. 56 และทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติขอใช้สิทธิต่างๆ ตามเงื่อนไขในสัญญาดังกล่าวต่อไปตามเสนอ” โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติระบุ

สำหรับขั้นตอนต่อไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็จะได้เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติให้เปลี่ยนแปลงจากการดำเนินการโครงการเดียวเป็น 396 โครงการ โดยกระจายให้แต่ละตำรวจภูธรจังหวัดเป็นผู้ดำเนินการจัดจ้าง ซึ่งเมื่อ ครม.อนุมัติหลักการแล้ว แต่ละตำรวจภูธรจังหวัดก็ไปดำเนินการจัดจ้างตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2549 ต่อไป โดย พล.ต.อ.วรพงศ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. ในฐานะประธานคณะกรรมการ ได้ประชุมวางแผนงานและคำนวณงวดเงินเสนอต่อ ครม.ซึ่งคาดว่าจะเสนอ ครม.ให้อนุมัติได้ในเวลา 30 วัน

ขณะที่ พ.ต.ท.สันธนะ พร้อมทีมกฎหมาย ที่มารับฟังการแถลงข่าวได้ออกมาตอบโต้อย่างทันควัน โดยระบุว่า สาเหตุของความล่าช้าในการก่อสร้างมาจากการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่งมอบพื้นที่ล่าช้า บางแห่งใช้เวลาส่งมอบพื้นที่ถึง 600 วัน ขณะยังมีอีก 5 แห่ง ที่ยังไม่สามารถส่งมอบพื้นที่ได้ จึงไม่ยุติธรรมหากจะโทษ บ.พีซีซีฯ เพียงฝ่ายเดียว ขณะเดียวกันกรณีนี้มีการเมืองเข้ามาแทรกแซง เพื่อหวังใช้ บ.พีซีซีฯ เป็นเครื่องมือในการจัดการกับนักการเมืองฝั่งตรงข้าม อย่างไรก็ตามเมื่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้ว่าจ้างประกาศยกเลิกสัญญาทาง บ.พีซีซีฯ ก็จะใช้สิทธิโดยจะยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง กว่า 1 พันล้านบาท

“การบอกเลิกสัญญาแสดงให้เห็นว่าทางบริษัทถูกดึงไปเป็นเครื่องมือกลั่นแกล้งทางการเมือง โดยมีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้ามาคอยจัดการเชื่อมโยงกับเหล่าผู้มีอำนาจในรัฐบาลไปก่อนหน้านี้ และเมื่อทาง สตช.ยกเลิกสัญญากับบริษัท พีซีซีฯ ทำให้ความเสียหายเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ ซึ่งครบองค์ประกอบในการดำเนินการตามความผิดมาตรา 157 บ.พีซีซีฯ จึงกลายเป็นเหยื่อที่ถูกดึงเป็นเครื่องมือในการจัดการคู่ขัดแย้งทางการเมือง โดยมีคนจากแดนไกลสั่งให้ยิงมิสไซล์ลูกนี้มาใส่เรา เพื่อหวังผลทางการเมือง” ที่ปรึกษา บ.พีซีซีฯ ระบุ

ในที่สุดสัญญาโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทนที่มีปัญหายืดเยื้อมานานก็ได้ข้อยุติ แม้จะไม่วิน-วิน ทั้ง 2 ฝ่าย หรือจบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง เพราะกรณีนี้ผู้รับเหมาถูกบอกเลิกสัญญา และถูกเรียกค่าเสียหายจากความล่าช้าของการก่อสร้าง ซึ่งก็แน่นอนว่าฝ่ายผู้รับเหมาเองก็จะมีการยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติเช่นเดียวกัน แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการดำเนินการจัดจ้างใหม่ ที่มีการกระจายอำนาจ และมีความโปร่งใส เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของตำรวจที่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีสถานที่ทำงาน และให้มีสถานีตำรวจที่พร้อมให้บริการประชาชนได้โดยเร็วที่สุด ส่วนเรื่องคดีความใครเป็นฝ่ายผิดหรือถูก คงต้องกระบวนการยุติธรรมเป็นผู้ตัดสิน
กำลังโหลดความคิดเห็น