สตช.ยกเลิกสัญญากับ บ.พีซีซี ระบุทำผิดสัญญาโดยไม่สามารถส่งมอบงานโครงการสร้างโรงพัก 396 แห่งให้เสร็จสมบูรณ์ทั้งหมดตามสัญญา ยัน สตช.ปฏิบัติตามสัญญาถูกต้องทุกขั้นตอน ลั่นหากทาง บ.พีซีซีจะฟ้องก็เป็นสิทธิที่สามารถทำได้ ส่วนค่าเสียหายต่างๆ ของ สตช.อยู่ระหว่างรวบรวมรายละเอียด ด้าน บ.พีซีซีโวยถูกกลั่นแกล้ง ขู่ฟ้องเรียกค่าเสียหายไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 17 เม.ย. พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกตร. พร้อมด้วยพ.ต.อ.สมศักดิ์ จิตติรัตน์ รองผู้การกองกฎหมาย สำนักงานกฎหมายและคดี และพล.ต.ต.กิติศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ผบก.กองโยธาธิการ สำนักงานส่งกำลังบำรุง แถลงบอกเลิกสัญญาจ้างบริษัท พีซีซี เดเวล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ทำการก่อสร้างสถานีตำรวจ(ทดแทน) จำนวน 396 แห่งอย่างเป็นทางการ ซึ่งครบกำหนดที่ตร.ให้ส่งมอบงานในวันนี้ว่า ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยสำนักงานส่งกำลังบำรุงได้ทำสัญญาจ้าง บริษัท พีซีซีฯ ทำการก่อสร้างสถานีตำรวจ (ทดแทน) จำนวน 396 แห่งในวงเงิน 5,848,000,000 บาท โดยเริ่มทำงานวันที่ 26 มี.ค.54 และครบกำหนดแล้วเสร็จวันที่ 17 มิ.ย.55 แต่เนื่องจากเกิดเหตุภัยพิบัติทางธรรมชาติและเหตุอุทกภัยจึงได้ขยายระยะเวลาให้กับบริษัท พีซีซีฯ ผู้รับจ้างออกไป 3 ครั้งตามมติ ครม. ซึ่งครบกำหนดวันที่ 14 มี.ค.56 โดยเมื่อครบกำหนดในวันดังกล่าว สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงได้มีหนังสือแจ้งบริษัท พีซีซีฯ ให้ส่งมอบงาน แต่โครงการดังกล่าวเป็นโครงการขนาดใหญ่และกระจายไปในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงได้ให้โอกาสบริษัท พีซีซีฯ ส่งมอบงานที่แล้วเสร็จสมบูรณ์ตามสัญญาภายในวันที่ 17 เม.ย.56 และแจ้งให้ทราบว่าหากพ้นกำหนดแล้ว บริษัท พีซีซีฯ ไม่สามารถส่งมอบงานให้แล้วเสร็จสมบูรณ์ตามสัญญาฯ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะบอกเลิกสัญญาจ้างกับบริษัท พีซีซีฯ ซึ่งล่าสุดสำนักงานส่งกำลังบำรุงและคณะกรรมการตรวจการจ้างฯ ในภาคต่างๆ ได้รายงานผ่านผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นจนถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า จนถึงขณะนี้บริษัท พีซีซีฯ ยังไม่สามารถส่งมอบงานให้ครบและเสร็จสมบูรณ์ทั้งหมดตามสัญญา ตลอดจนทำงานไม่ได้เนื้องานตามระยะเวลาที่กำหนดในสัญญา และไม่ปรากฏความคืบหน้าในการดำเนินการก่อสร้าง โดยมีผลงานการดำเนินการก่อสร้างทั้งโครงการเพียง ร้อยละ 12 เท่านั้น สำนักงานส่งกำลังบำรุงจึงเสนอสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พิจารณาอนุมัติบอกเลิกสัญญาจ้างการก่อสร้างดังกล่าว
“คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านกฎหมายฯ ได้ประชุมร่วมกับผู้บังคับบัญชาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งพนักงานอัยการได้ตรวจสอบเอกสารแล้วสรุปเห็นว่าบริษัทฯ ผู้รับจ้างผิดสัญญา ไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามสัญญาจ้างได้ โดยมีหลักฐานประจักษ์ชัดว่าไม่สามารถดำเนินการได้ตามกำหนดเวลา และยังไม่มีการส่งมอบงานที่แล้วเสร็จสมบูรณ์ทั้งหมดตามสัญญาจ้างได้ ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับความเสียหาย ดังนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงมีสิทธิที่จะบอกเลิกสัญญาได้ตามเงื่อนไขของสัญญาจ้าง และระเบียบที่เกี่ยวข้อง โดยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้อนุมัติบอกเลิกสัญญาจ้าง และให้มีผลตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย.56 และทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติขอใช้สิทธิต่างๆ ตามเงื่อนไขในสัญญาดังกล่าวต่อไปตามเสนอ ทั้งนี้ จะได้มีหนังสือแจ้งบอกเลิกสัญญาฯ ไปยังบริษัท พีซีซีฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป” โฆษกตร. กล่าว
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวด้วยว่า สำหรับขั้นตอนต่อไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็จะได้เสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)อนุมัติให้เปลี่ยนแปลงจากการดำเนินการโครงการเดียวเป็น 396 โครงการ โดยกระจายให้แต่ละตำรวจภูธรจังหวัดเป็นผู้ดำเนินการจัดจ้าง ซึ่งถ้าครม.ได้อนุมัติหลักการแล้ว แต่ละตำรวจภูธรจังหวัดก็ไปดำเนินการจัดจ้างตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2549 ต่อไป โดยขณะนี้พล.ต.อ.วรพงศ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. ในฐานะประธานคณะกรรมการฯ ได้ประชุมเรื่องดังกล่าว เพื่อวางแผนงานและคำนวณงวดเงินเสนอต่อครม. ซึ่งคาดว่าระยะเวลาจะเสนอครม.ให้อนุมัติได้ในเวลา 30 วัน ส่วนการดำเนินการก่อสร้างใหม่จะเกิน 600 วัน หรือไม่ขึ้นอยู่กับการคำนวณเนื้องานของสถาปนิก
ผู้สื่อข่าวถามว่า เงื่อนไขอะไรที่ทางตร.ใช้บอกเลิกสัญญา พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า เงื่อนไขหลักในการตัดสินใจบอกเลิกสัญญา คือ การไม่สามารถส่งมอบงานที่เสร็จสมบูรณ์ได้ตามสัญญา และเนื้องานตามระยะเวลาที่กำหนดมีความคืบหน้าเพียง 12 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น รวมถึงมีพฤติการณ์ของการจ้างช่วงต่อจากผู้รับเหมารายอื่นด้วย โดยที่ผ่านมาบริษัท พีซีซีฯ ได้ขอขยายระยะเวลาออกไปตลอด แต่การขยายเวลาต้องเป็นไปตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งที่ผ่านมาการขอขยายเวลาก็เป็นตามมติครม.และมีเหตุผลเพียงพอ แต่ห้วงเวลาที่ผ่านมาประมาณ 755 วัน บริษัท พีซีซีฯ ดำเนินการก่อสร้างสถานีตำรวจได้แค่ร้อยละ 12 เท่านั้น และหลังจากวันที่ 14 มี.ค. งานมีความคืบหน้าเพิ่มขึ้นแค่ 1 เปอร์เซ็นต์ การบอกเลิกสัญญาครั้งนี้ตร.จึงมั่นใจว่าได้ทำตามสัญญาอย่างถูกต้องตามที่สำนักส่งกำลังบำรุงและคณะกรรมการตรวจการจ้างรายงานมา ส่วนที่บริษัท พีซีซีฯ ต่อสู้ว่าทางตร.ส่งมอบพื้นที่ให้ล่าช้าและบางพื้นที่ยังไม่มีการส่งมอบพื้นที่นั้น ก็เป็นข้อต่อสู้ของบริษัท แต่เราจะสรุปตามผลงานและงวดงานเป็นหลัก
เมื่อถามว่า ค่าเสียหายและค่าปรับทั้งหมดเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ โฆษก.ตร. กล่าวว่า ฝ่ายกฎหมายจะดำเนินการในส่วนนี้ ซึ่งกำลังรวบรวมอยู่อาจจะต้องใช้เวลา และหากบริษัท พีซีซีฯ จะฟ้องเรียกค่าเสียหาย ตร.ก็พร้อมสู้คดีและจะฟ้องเรียกค่าเสียหายและค่าส่วนต่างตามเงื่อนในสัญญาจ้างที่ระบุไว้ในระเบียบสำนักนายกฯ รัฐมนตรี ซึ่งมีรายละเอียดในการปฏิบัติมากพอสมควร
เมื่อถามย้ำว่า ทางบริษัท พีซีซีฯ อ้างว่าที่ยกเลิกสัญญา เพราะมีการเมืองแทรกแทรก พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวปฏิเสธว่า ไม่มีทราบว่ามีการเมืองแทรกแซง ซึ่งทางบริษัท พีซีซีฯ จะพูดอย่างไรเราก็เคารพสิทธิของเขา แต่ตร.ทำตามกฎหมายทุกขั้นตอน และเราเป็นผู้เสียหายด้วยซ้ำ ขอยืนยันว่าที่ตร.ตัดสินใจบอกเลิกสัญญา เพื่อประโยชน์ของทางราชการ เพราะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเดือดร้อนและประชาชนลำบาก ซึ่งเป้าหมายของเราต้องการให้การก่อสร้างโรงพักเสร็จเร็วสุด เพื่อใช้การได้ ส่วนการก่อสร้างแฟลตตำรวจก็ยังดำเนินการได้ตามสัญญา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการแถลงข่าวพ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ ที่ปรึกษา บริษัท พีซีซีฯ และคณะได้ร่วมฟังการชี้แจงด้วย โดยระหว่างโฆษกตร.แถลง พ.ต.ท.สันธนะแสดงสีหน้ายิ้ม และคณะติดตามได้ถ่ายภาพผู้สื่อข่าวที่มาร่วมฟังแถลงด้วย ซึ่งภายหลังพ.ต.ท.สันธนะ ได้นั่งแถลงข่าวที่ลานด้านหน้าข้างอาคาร 1 ตร. ต่อสื่อมวลชนว่า หลังจากทาง ตร.ได้บอกยกเลิกสัญญา ในฐานะตัวแทนของบริษัทพีซีซีฯ ขอชี้แจงว่าที่ผ่านมาไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับทางการเมือง ไม่ได้เลือกอยู่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และทางด้านผู้บริหารของพีซีซีฯ ก็ไม่ได้มีความสนิทสนมกับใครเป็นพิเศษตามที่ถูกกล่าวหา ทั้งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ หรือนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย นอกจากนี้ การแข่งขันประกวดราคาก็เป็นไปตามขั้นตอนของทีโออาร์ ซึ่งบริษัท พีซีซีฯ มีความมั่นคงและมีศักยภาพในการก่อสร้างสถานีตำรวจเรื่อยมาจนพร้อมที่จะส่งมอบงานในอีก 6-8 เดือนข้างหน้านี้ แต่การบอกเลิกสัญญาแสดงให้เห็นว่าทางบริษัทถูกดึงไปเป็นเครื่องมือกลั่นแกล้งทางการเมือง โดยมีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้ามาคอยจัดการเชื่อมโยงกับเหล่าผู้มีอำนาจในรัฐบาลไปก่อนหน้านี้ และเมื่อทาง ตร.ยกเลิกสัญญากับบริษัท พีซีซีฯ ทำให้ความเสียหายเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ ซึ่งครบองค์ประกอบในการดำเนินการตามความผิดมาตรา 157
"ขณะนี้พีซีซีฯ กลายเป็นเหยื่อที่ถูกดึงเป็นเครื่องมือในการจัดการคู่ขัดแย้งทางการเมือง โดยมีคนจากแดนไกลสั่งให้ยิงมิสไซต์ลูกนี้มาใส่เรา เพื่อหวังผลทางการเมือง" ที่ปรึกษาบริษัทพีซีซีฯ กล่าว
นอกจากนี้ พ.ต.ท.สันธนะ กล่าว โดยย้ำว่าบริษัท พีซีซีฯ ถูกกลั่นแกล้ง และกล่าวหาว่ามีการเมืองอยู่เบื้องหลัง ซึ่งไม่เป็นความจริง โดยหลังจากนี้จะดำเนินการฟ้องร้องทางแพ่ง เรียกค่าเสียหายไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท
พ.ต.ท.สันธนะ กล่าวต่อว่า แม้วันนี้จะยังไม่ได้หนังสือบอกยกเลิกอย่างเป็นทางการจากผู้ว่าจ้าง แต่ถือว่าตนได้รับทราบการบอกเลิกสัญญาแล้ว และหลังจากนี้ทีมกฎหมายของบริษัทจะเตรียมหลักฐานทั้งหมด เพื่อดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและผบ.ตร. ในฐานะเป็นผู้ลงนามยกเลิกสัญญา หากทาง ตร.ฟ้องร้องมาก่อน ทางบริษัทก็จะฟ้องแย้งกลับไป โดยบริษัทจะขอหวังพึ่งบารมีจากศาลยุติธรรม อย่างไรก็ตาม หากจะบอกยกเลิกสัญญาสร้างสถานีตำรวจ (ทดแทน) 396 แห่งทั่วประเทศ ก็ขอให้บอกยกเลิกสัญญาโครงการก่อสร้างแฟลตตำรวจ 163 แห่งไปในคราวเดียวกันเลย เพราะถือว่ามีผู้จ้างและผู้ว่าจ้างรายเดียวกัน แต่ทำไมถูกบอกเลิกเพียงแค่หนึ่งโครงการ ส่วนที่มีการกล่าวหาว่าทางบริษัทก่อสร้างสถานีตำรวจเสร็จไม่ทันตามระยะเวลาที่กำหนดนั้น ขอชี้แจงว่าบริษัท พีซีซีฯ ไม่ได้รับความร่วมมือจากผู้ว่าจ้างทั้งเรื่องของงวดงาน และการส่งมอบพื้นที่จนได้รับความเสียหายทางธุรกิจ ส่งผลให้งานไม่เสร็จตามกำหนด ซึ่งการก่อสร้างที่ดำเนินการอยู่ตอนนี้ก็เป็นไปตามงวดงาน และมีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 26.2% ที่ถือว่าเหมาะสมและสอดคล้องกับจำนวนเงินที่ได้เบิกจ่ายมา