ศาลสั่งจำคุก 85 ปี “แรมบ้า” หรือเอ็ม พญาไท ร่วมกับเมีย ข่มขืนพนักงานสาว อดีต นศ.ปริญญาโท และถ่ายภาพขณะมีเพศสัมพันธ์ ศาลชี้พยานหลักฐานแน่นหนา เชื่อกระทำผิดจริง แต่ให้จำคุกไว้ 50 ปี ตามกฎหมายกำหนด ส่วนเมียเจอคุก 10 ปี ฐานสนับสนุนให้สามีกระทำผิด
ที่ห้องพิจารณา 910 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (29 มี.ค.) ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.4407/2552 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ฟ้อง นายสุรชัย หรือคณิศร ธนะชาติ อายุ 37 ปี หรือแรมบ้า หรือเอ็ม พญาไท และนางธนวรรณ อุดมมีชัย หรือคล้ายแพร อายุ 46 ปี ภรรยา เป็นจำเลยที่ 1-2 ตามลำดับ ในความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา, ความผิดต่อเสรีภาพ หมิ่นประมาท และ พ.ร.บ.อาวุธปืน
โจทก์ฟ้องระบุความผิดว่า เมื่อวันที่ 19 เม.ย. - 10 ส.ค. 2551 เวลากลางวัน จำเลยทั้งสองร่วมกันข่มขืนใจ น.ส.เอม (นามสมมติ) อายุ 25 ปี ผู้เสียหาย อดีต นศ.สาวปริญญาโท มหาวิทยาลัยชื่อดัง ให้กระทำการหรือจำยอมทำงานเป็นพนักงานของห้างหุ้นส่วนจำกัด อินเตอร์เนชั่นแนล ดีเทคทีฟฯ ของจำเลยทั้งสอง โดยไม่ยอมให้ผู้เสียหายลาออก โดยจำเลยที่ 1 นำอาวุธปืนออกมาเล็งขู่เข็ญบังคับผู้เสียหาย ส่วนจำเลยที่ 2 พูดข่มขืนใจ ขู่ขืนใจ ขู่เข็ญผู้เสียหายและทำให้ผู้เสียหายปราศจากเสรีภาพในร่างกาย
รวมทั้งได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายหลายครั้งอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง ขู่เข็ญผู้เสียหายว่าจะเอารูปถ่ายผู้เสียหายที่จำเลยที่ 1 แอบถ่ายขณะมีเพศสัมพันธ์กับผู้เสียหายออกเผยแพร่ และใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหาย หน่วงเหนี่ยวกักขัง และจำเลยที่ 1 ได้นำเครื่องบันทึกภาพวีดีโอบันทึกภาพการร่วมประเวณีดังกล่าวไว้ด้วย ต่อมาวันที่ 20 ส.ค. 2551 จำเลยทั้งสองร่วมกันหมิ่นประมาทผู้เสียหายโดยการโฆษณาการกระจายภาพร่วมประเวณีดังกล่าว เหตุเกิดที่แขวงสีกัน เขตดอนเมือง แขวงคลองสองต้นนุ่นเขตลาดกระบัง แขวง-เขตสะพานสูง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ เขตหลักสี่ กทม., ต.หน้าไม้ อ.ลาดหลุมแก้ว ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี, อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ต.สร้างถ่อ อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี เกี่ยวพันกัน จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานแล้วเห็นว่า คดีนี้ผู้เสียหายซึ่งเป็นประจักษ์พยานเบิกความยืนยัน มีเหตุผลเชื่อมโยงเป็นลำดับตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยากที่จะปรุงแต่งที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียและอับอายแก่ตัว ที่กระทบต่อชีวิตครอบครัว รวมทั้งหน้าที่การงานของผู้เสียหาย หลังเกิดเหตุได้นำเรื่องไปเล่าให้มารดาฟังและหลบหนีจำเลยที่ 1 ไปอยู่กับลุงที่ จ.ราชบุรี ทั้งโจทก์ยังมีบันทึกเสียงและภาพ การสนทนาทางโทรศัพท์ที่จำเลยที่ 1 พูดข่มขู่ผู้เสียหาย พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนัก มั่นคงน่าเชื่อถือ ส่วนข้อต่อสู้ของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น เชื่อว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง
พิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามมาตรา 276 วรรค 1 และวรรค 2 , มาตรา 309 วรรคแรก, มาตรา 310 วรรคแรก, มาตรา 326, มาตรา 371 และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดหลายกรรม ให้ลงโทษทุกกรรม จำคุก 1 ปี ฐานข่มขืนใจผู้อื่นฯ, ข่มกระทำชำเราผู้อื่น 3 กระทงๆ ละ 9 ปี เป็น 27 ปี, ข่มขืนกระทำชำเราโดยใช้อาวุธปืน 2 กระทงๆ ละ 15 ปี รวม 30 ปี ฐานกักขังหน่วงเหนี่ยวผู้อื่นและกระทำชำเรา ซึ่งถือเป็นการกระทำกรรมเดียวให้ลงโทษฐานข่มขืนเป็นโทษบทหนักสุด จำคุก 9 ปี, ฐานกักขังหน่วงเหนียวและข่มขืนโดยใช้อาวุธปืน จำคุก 15 ปี ความผิดฐานหมิ่นประมาท 3 กระทงๆ ละ 1 ปี รวม 3 ปี และฐานพยายามหมิ่นประมาท จำคุก 6 เดือน รวมโทษจำคุกทั้งสิ้น 85 ปี 6 เดือน อย่างไรก็ตาม ตามกฎหมายแล้วคงจำคุกจำเลยที่ 1 ไว้ทั้งสิ้น 50 ปี ฐานพกพาอาวุธมีดปรับ 100 บาท ฐานกระทำผิด พ.ร.บ.อาวุธปืนปรับ 2,000 บาท คำให้การของจำเลยที่ 1 เป็นประโยชน์ลดโทษให้กึ่งหนึ่งเฉพาะโทษปรับ คงปรับทั้งสิ้น 1,050 บาท ส่วนจำเลยที่ 2 จำคุก 10 ปี ฐานสนับสนุนจำเลยที่ 1 กระทำความผิด
นางรัศมี ไวยเนตร ทนายความผู้เสียหาย กล่าวว่า คำพิพากษาของศาลถือว่าเป็นไปตามที่ฝ่ายโจทก์นำสืบแล้ว โดยผู้เสียหายเบิกความไปตามข้อเท็จจริง ไม่ได้กลั่นแกล้งจำเลยแต่อย่างใด ขณะคดีที่เกิดขึ้นดังกล่าว ไม่ว่าจะเกิดกับผู้ใดก็ไม่อยากให้สังคมมองหญิงสาวที่ถูกกระทำด้วยความสงสัย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายสุรชัย หรือคณิศร ธนะชาติ แรมบ้า หรือเอ็ม พญาไท เคยถูกศาลอาญาสั่งจำคุกหลังก่อเหตุทำร้ายร่างกาย น.ส.อารีวรรณ จตุทอง อดีตรองนางสาวไทย รวมทั้งยังได้ก่อเหตุระทึกขวัญใช้อาวุธปืนยิงถล่ม สน.พญาไท เพราะไม่พอใจที่ลูกน้องถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พญาไทจับกุมตัวในข้อหาพกพาอาวุธปืนมาแล้ว และถูกจำคุกเป็นเวลา 6 ปีเศษ