ผบช.น.ประชุมเน้นย้ำเกี่ยวกับมาตรการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่จะถึงในวันที่ 3 มีนาคม นี้ พร้อมติดกล้องวงจรปิดในตัวตำรวจนครบาลที่ดูแลความเรียบร้อยในจุดเลือกตั้งเพื่อป้องกันการทุจริต
เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (1 มี.ค.) ที่ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยการเลือกตั้ง กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ศรส.ลต.น.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยการเลือกตั้ง กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผอ.ศรส.ลต.น.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยการเลือกตั้ง กองบัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผอ.ศรส.ลต.น.) พล.ต.ต.ฉันทวิทย์ รามสูต รอง ผบช.น.รับผิดชอบงานด้านความมั่นคง พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รองผบช.น.รับผิดชอบงานด้านสืบสวน และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ได้ประชุมเน้นย้ำเกี่ยวกับมาตรการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่จะถึงในวันที่ 3 มีนาคม นี้ โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เปิดเผยว่า ในวันที่ 3 มีนาคมนี้ ก็จะมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.แล้ว ทาง บช.น.อยากฝากถึงให้พี่น้องประชนและสื่อมวลชนทุกคนไว้วางใจว่า บช.น.มีความพร้อมในการที่จะดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยอย่างเต็มกำลังความสามารถและเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม โดยนอกจากศูนย์ปฏิบัติการหลักซึ่งตั้งอยู่ที่ บช.น.แล้ว ทุกกองบังคับการตั้งแต่บก.น.1-9 ยังมีศูนย์ปฏิบัติการประจำของแต่ละ บก.ด้วย อีกทั้งมีรองผู้บัญชาการ 3 ท่าน ที่จะทำหน้าที่รับผิดชอบในด้านต่างๆ อาทิ พล.ต.ต.ปริญญา รับผิดชอบงานสืบสวนจะดูในส่วนของการวางกำลังชุดสืบสวนนอกเครื่องแบบ ที่จะไปประจำทุกหน่วยเลือกตั้ง พล.ต.ต.ฉันทวิทย์ ดูแลในส่วนของการจัดกำลังพล และ พล.ต.ต.อดุลย์ รับผิดชอบในเรื่องการประชาสัมพันธ์และแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเป็นระยะๆ ตามคำสั่ง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.อย่างไรก็ตามช่วงบ่ายวันนี้จะมีการจัดอบรมเกี่ยวกับข้อกฎหมายและขั้นตอนการปฏิบัติเกี่ยวกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ให้กับกำลังพลที่จะเดินทางมาช่วยอีก 1 พันนาย เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจและปฏิบัติไปในทิศทางเดียวกัน โดยกำลังที่เข้ามาเสริมดังกล่าวจะให้ทำหน้าที่เป็นผู้สังเกตการณ์ประจำหน่วย นอกเหนือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประจำหน่วยเลือกตั้งหน่วยละ 2 นาย
ผบช.น.กล่าวด้วยว่า นอกจากกำลังตำรวจที่จะช่วยกันปฏิบัติหน้าที่แล้ว ตนยังได้สั่งซื้ออุปกรณ์ที่ใช้ในการนับจำนวนคนเข้ามาอีก 1 หมื่นชิ้น โดยจะมอบให้กับตำรวจที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง เพื่อใช้นับจำนวนคนที่มาใช้สิทธิ ตัวเลขจะต้องตรงกันกับจำนวนรายชื่อผู้ที่มาลงคะแนน หากพบความผิดพลาดคลาดเคลื่อนก็จะต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียด แม้ว่าทางกกต.จะมีการใช้วิธีการดังกล่าวแล้ว แต่ทางตำรวจก็จะใช้ด้วย นอกจากนี้ยังมีกล้องวงจรปิดติดตั้งไว้กับตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อจับภาพเหตุการณ์บริเวณโดยรอบหน่วยเลือกตั้งอีกด้วย ซึ่งภาพเหตุการณ์ต่างๆ จะส่งจะตรงมาที่ ศรส.ลต.น.อยู่ในสายตาของเจ้าหน้าที่ตลอด
“ขณะเดียวกันผมได้เชิญเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายของ กกต.และ กทม.มาประจำที่ ศรส.ลต.น. และ ศปก.บก.น.1-9 ด้วย หากมีการกระทำที่เข้าข่ายการทุจริต จะมีการหารือกันระหว่างพนักงานสอบสวนที่เตรียมการไว้ และฝ่ายกฎหมายของ กกต.และ กทม.ซึ่งเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) เองก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการตรวจสอบบัตรเลือกตั้งที่มีความผิดปกติหรือซ้ำซ้อน โดยใช้หลักการทางนิติวิทยาศาสตร์ เช่นการตรวจลายนิ้วมือ เข้ามาช่วยหากใครที่คิดจะทุจริตขอให้เลิกคิด ทั้งนี้หากพบว่ามีการกระทำความผิดในหน่วยเลือกตั้งใด ผมจะเดินทางไปตรวจสอบด้วยตนเอง พร้อมทั้งเชิญสื่อมวลชนไปด้วยเพื่อทำการแถลงข่าวทันที ขอให้ผู้สมัครแต่ละคนวางใจได้ แต่เบื้องต้นมีสำนักงานเขตจำนวน 3 แห่งที่แจ้งความประสงค์ว่าจะไม่ขอกำลังตำรวจเข้าไปดูแล ได้แก่ เขตบางพลัด เขตตลิ่งชัน และเขตคันนายาว ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่าเป็นเพราะอะไร จะมีนัยยะใดแอบแฝงหรือไม่ แต่ถึงไม่ขอผมก็จะส่งตำรวจไปอยู่ดี เพราะเป็นหน้าที่” พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ระบุ
ด้าน พล.ต.ต.อดุลย์ กล่าวว่า ภายหลังที่ ผบช.น.ได้สั่งการจัดตั้งศูนย์เพื่อเตรียมพร้อมแล้ว ในการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในวันที่ 3 มี.ค.2556 จะมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดอยู่ที่ตัวของตำรวจ กับประจำหน่วยเลือกตั้งโดยจะติดไว้บนบ่าด้านซ้าย ภาพและเสียงทั้งหมดจะส่งต่อมายัง ศอรส.ลต.น.เพื่อบันทึกภาพผู้ที่จะทุจริตการเลือกตั้ง และสามารถใช้เป็นหลักฐานเอาผิดได้ด้วยเมื่อมีการดำเนินดีเกิดขึ้นด้วย เบื้องต้นมีการนำกล้องดังกล่าวมาใช้จำนวน 10 ตัว แต่ไม่ขอเปิดเผยจุดที่จะให้ตำรวจลงไปปฏิบัติหน้าที่ นอกจากนี้ยังมีกล้องอีก 5 ตัวติดอยู่ที่รถโมบายเคลื่อนที่เร็วของตำรวจด้วย การส่งสัญญาณจะใช้ระบบ 3จี ถือเป็นครั้งแรกที่นำระบบเทคโนโลยีเข้ามาช่วยงานตำรวจในการดูแลการเลือกตั้ง
พล.ต.ต.อดุลย์ กล่าวอีกว่า สำหรับความผิดเรื่องการย้ายคนต่างพื้นที่เข้ามาในทะเบียนบ้านในพื้นที่ สน.ทุ่งสองห้อง นั้น เบื้องต้นได้รับรายงานดังนี้ พบเหตุต้องสงสัยว่าอาจมีการย้ายบุคคลเข้ามาในทะเบียนบ้านเลขที่ 20 หมู่ 2 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร เพื่อประโยชน์ในการเลือกตั้งโดยมิชอบ สืบเนื่องเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2556 กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 (บก.น.2) ได้ทำการตรวจสอบบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งของบ้านเลขที่ 20 หมู่ที่ 2 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร ที่ปิดประกาศหน้าเต็นท์สำนักงานเขตหลักสี่ พบว่ามีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง รวม 17 ราย ซึ่งมีรายชื่อที่มีความผิดปกติ 6 รายที่ไปซ้ำกับบุคคลอื่น คือ 1.นางหวิง สายดี เลขประจำตัวประชาชน 3-1005-07128-59-1 ลำดับในบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งลำดับที่ 12 เป็นบุคคลที่รายชื่อซ้ำกับ นางหวิง สายดี เลขประจำตัวประชาชน 3-1307-00232-99-4 ที่เสียชีวิตไปแล้ว แต่มีข้อมูลเกี่ยวกับวันเดือนปีเกิด ชื่อบิดามารดาตรงกัน
นอกจากนี้ ลำดับที่ 2 นายม่อม กลิ่นรำพึง เลขประจำตัวประชาชน 3-1004-07128-60-4 ลำดับในบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งลำดับที่ 13 เป็นบุคคลมีรายชื่อซ้ำกับ นายม่อม กลิ่นรำพึง (ไม่พบเลขประจำตัวประชาชน) ที่เสียชีวิตไปแล้ว แต่มีข้อมูลเกี่ยวกับวันเดือนปีเกิด ชื่อบิดามารดาตรงกัน ลำดับที่ 3 นางสงวน กลิ่นรำพึง เลขประจำตัวประชาชน 3-1005-07128-61-2 ลำดับที่ในบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งลำดับที่ 14 เป็นบุคคลมีรายชื่อซ้ำกับนางสงวน กลิ่นรำพึง เลขประจำตัวประชาชน 3-1005-00761-12-8 ซึ่งมีข้อมูลเกี่ยวกับวันเดือนปีเกิด ชื่อบิดามารดาตรงกัน ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ทำหนังสือสอบถามไปยังผู้อำนวยการเขตหลักสี่ ผู้อำนวยการเลือกตั้งกรุงเทพฯ และสำนักงาน กกต.ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับบัญชีรายชื่อเลือกตั้งในบ้านเลขที่ดังกล่าวแล้ว พร้อมทั้งพยายามติดต่อนางสุภัค สุขบุญแดง ที่มีชื่อเป็นเจ้าบ้านมาให้ข้อมูล แต่ยังไม่สามารถติดต่อได้ จึงออกหมายเรียกให้เข้ามาพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 2มี.ค.2556เพื่อสอบปากคำหาสาเหตุต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.ปริญญา กล่าวว่า ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง ได้มีการจัดกำลังชุดสืบสวนลงพื้นที่ไปตรวจสอบ เพื่อป้องกันการทุจริตเลือกตั้ง และจัดชุดสืบสวนลงพื้นที่ประจำทุกหน่วยเลือกตั้งทุกเขตในพื้นที่กรุงเทพฯ นอกจากนี้ยังมีชุดเคลื่อนที่เร็วซึ่งพร้อมปฏิบัติหน้าที่หากมีการจับกุมผู้กระทำความผิด หรือมีการร้องขอกำลังจากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด
ด้าน พล.ต.ต.ฉันทวิทย์ กล่าวว่า เบื้องต้นกำลังตำรวจที่จะทำหน้าปฏิบัติการดูแลความสงบเรียบร้อยมีจำนวนทั้งสิ้น 14,096 นาย กำลังตำรวจ 13,096 นาย จะประจำอยู่ที่หน่วยเลือกตั้ง 6,548 หน่วย ส่วนกำลังอีก 1,000 นาย ที่จะเคลื่อนกำลังเข้ามาและรับการอบรมที่โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี นั้น จะอยู่โดยรอบบริเวณหน่วยเลือกตั้ง เพื่อสังเกตผู้ที่จะทุจริตจการเลือกตั้ง ส่วนชุดเคลื่อนที่เร็วแต่ละโรงพัก จะมีด้วยกัน 2 ชุด เพื่อสนับสนุนกำลังที่ประจำในหน่วยเลือกตั้ง และเข้าระงับเหตุหากมีการกระทำความผิดเกิดขึ้น และนำตัวมาส่งให้กับพนักงานสอบสวนในแต่ละพื้นที่ที่เกิดเหตุดังกล่าว ส่วนข้อกฎหมายและข้อห้ามต่างๆ ได้มีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนไปแล้ว ขอให้ทุกฝ่ายวางใจในการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ว่าจะสามารถดูแลความสงบเรียบร้อยได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรมตามนโยบายของผู้บังคับบัญชา