ศาลไต่สวนคดีพลทหารณรงค์ฤทธิ์ ถูกยิงเสียชีวิตหน้าอนุสรณ์สถานแห่งชาติ ช่วงม็อบแดงชุมนุมเผาเมือง ด้านพ่อผู้ตายยื่นศาลระบุไม่ขอใช้ทนายความเสื้อแดง เผยได้รับการเยียวยาจากกองทัพบกต้นสังกัดลูกชายจนเป็นที่พอใจแล้ว ศาลนัดไต่ส่วนครั้งต่อไป 15 ก.พ.นี้
วันนี้ (14 ก.พ.) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดไต่สวนคำร้องชันสูตรการเสียชีวิตในคดีที่อัยการฝ่ายคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนชันสูตรการเสียชีวิตของพลทหารณรงค์ฤทธิ์ สาละ กองพันทหารราบที่ 2 กองพลทหารราบที่ 9 จังหวัดกาญจนบุรี ผู้ตาย เพื่อไต่สวนและทำคำสั่งแสดงว่าผู้ตายเป็นใคร ตายที่ไหน เมื่อใด รวมถึงสาเหตุและพฤติการณ์ที่ตาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม.150 จากเหตุการณ์ที่ผู้ตายถูกยิงเสียชีวิต ขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่ชุดลาดตระเวนเคลื่อนที่เร็ว เพื่อระงับเหตุการณ์การปะทะกันของเจ้าหน้าที่ทหาร-ตำรวจ กับกลุ่มคนเสื้อแดงที่บริเวณอนุสรณ์สถานแห่งชาติ (ดอนเมือง) เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2553
โดยวันนี้อัยการผู้ร้องได้นำพยานเข้าเบิกความจำนวน 2 ปาก ปากแรก คือ นายธวัชชัย สาละ บิดาของพลทหารณรงค์ฤทธิ์ โดยเมื่อเริ่มการไต่สวน นายธวัชชัยได้ยื่นคำร้องขอถอดทีมทนายความของตนในคดีนี้ทั้งสองคนออกจากการเป็นทนายความ โดยระบุว่าไม่ประสงค์จะดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและทางอาญาต่อผู้ที่ทำให้บุตรชายเสียชีวิต เนื่องจากที่ผ่านมาได้รับเงินเยียวยาจากรัฐบาล และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี จำนวน 2 แสนบาท และได้รับเงินช่วยเหลือเป็นรายเดือนจากกองทัพบกอีกเดือนละ 6 พันบาทแล้ว
ต่อมาอัยการได้นำพยานซึ่งเป็นผู้ได้รับบาดเจ็บในเหตุการณ์ เข้าเบิกความสรุปว่า ระหว่างการเผชิญหน้าระหว่างผู้ชุมนุมซึ่งมีเพียงหนังสติ๊กและขวดน้ำ กับเจ้าหน้าที่ทหารที่มีอาวุธปืนยาวลูกซอง และเอ็ม16 ประจำกาย ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจมีเพียงโล่ โดยระหว่างที่ตนจะเข้าไปช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บออกจากพื้นที่ เห็นทหารแต่งชุดลายพรางมีผ้าพันคอสีฟ้าใช้อาวุธปืนยิงมาที่ตนระยะห่างไม่ถึง 20 เมตร กระสุนถูกที่กราม 2 นัด กดทับเส้นประสาท หมอยังไม่สามารถผ่าตัดออกได้ ภายหลังเบิกความเสร็จสิ้นในช่วงเช้าแล้ว อัยการนำพยานที่เป็นผู้ได้รับบาดเจ็บเข้าเบิกความในช่วงบ่ายต่ออีก 2 ปาก เสร็จสิ้นแล้วศาลนัดสืบพยานครั้งต่อไปวันที่ 15 กุมภาพันธ์นี้ เวลา 09.00 น.
ด้านนายเจษฎา จันทร์ดี ทนายความ นปช.กล่าวว่า ยังไม่ได้พูดคุยกับนายธวัชชัยว่าทำไมถึงยื่นคำร้องขอถอนทนายความออกจากคดีนี้ แต่ก็ต้องเคารพสิทธิของนายธวัชชัย หลังจากนี้อาจจะโทรศัพท์ไปพูดคุยกับนายธวัชชัยว่ามีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ ถ้าหากเปลี่ยนใจก็พร้อมจะกลับมาช่วยเหลือทำคดีต่อไป แต่ขณะนี้ปล่อยให้ทางอัยการเป็นผู้ทำคดีเพียงฝ่ายเดียว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้มีเจ้าหน้าที่ทหารกลุ่มหนึ่งเข้าร่วมรับฟังการไต่สวนคดีและเดินทางกลับพร้อมกับนายธวัชชัย บิดาของพลทหารณรงค์ฤทธิ์