ศาลแพ่งเลื่อนไต่สวน คดีฟ้องยึดทรัพย์ “สุพจน์ ทรัพย์ล้อม” อดีตปลัดคมนาคม 64 ล้านบาท ไป 25 มี.ค.นี้ เนื่องจากเจ้าของทรัพย์สินอีก 6 ราย ได้ยื่นคำร้องคัดค้านเพิ่มเติม พร้อมส่งบัญชีรายการทรัพย์สินใหม่
ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (11 ก.พ.) ศาลนัดไต่สวนครั้งแรก คดียึดทรัพย์ หมายเลขดำที่ ปช.1/2555 ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นคำร้องให้ศาลมีคำสั่งทรัพย์สินของนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดคมนาคม จำนวน 64,998,587 ล้านบาทเศษ ตกเป็นของแผ่นดิน เนื่องจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบทรัพย์สินแล้วชี้มูลความผิดว่านายสุพจน์มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ โดยไม่สามารถชี้แจงที่มาของทรัพย์สินต่างๆ
อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลานายปรีชา เปรมปราโมท์ ผู้รับมอบอำนาจจากผู้มีชื่อเป็นเจ้าของทรัพย์สินที่มีการยื่นฟ้องอีก 6 ราย ได้ยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลเพิ่มเติม พร้อมส่งบัญชีรายการแสดงทรัพย์สินฉบับใหม่ให้กับศาล
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีดังกล่าวยังไม่มีการประกาศให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินรับทราบตามกฎหมายกำหนด จึงเห็นควรให้เลื่อนการไต่สวนและกำหนดแนวทางการดำเนินคดีออกไปก่อน เป็นวันที่ 25 มี.ค.นี้ เวลา 13.30 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ นายสุพจน์ อดีตปลัดคมนาคมไม่ได้เดินทางมาศาลแต่อย่างใด ขณะที่คดีปล้นบ้านนายสุพจน์เมื่อปี 2554 ซึ่งเป็นที่มาของการถูกตรวจสอบทรัพย์สินนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบพยานโจทก์ของศาลอาญา โดยคดีดังกล่าวพนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 และนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ร่วมกันเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายสิงห์ทอง หรือ เสธ.ไก่ ใจชมชื่น, นายเสาร์แก้ว นามวงค์, นายสมบูรณ์ หรือบูรณ์ ริยะเทน, นายบุญสืบ หรือสืบ โจมกัน, นายวุฒิชัย หรือวุฒิ พันธวารี, นายวณัญกฤต หรือจ่อย บุตรกันหา, นายประพันธ์ เรียงเครือ, นายชยธัช หรือเอก จันนะชัย และน.ส.วาสนา สาเพิ่มทรัพย์ เป็นจำเลยที่ 1-9 คดีหมายเลขดำ อ.347/2555 ในความผิดฐานร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธ โดยใช้ยานพาหนะ, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขัง กระทำให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพฯ, ร่วมรับของโจร และร่วมกันพาอาวุธติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 310, 340, 357, 365 และ 371 กรณีเมื่อวันที่ 12 ก.พ. - 23 พ.ย. 2554 เวลากลางคืน จำเลยกับพวกร่วมกัน บุกรุกเข้าไปในบ้านของนายสุพจน์ ผู้เสียหาย ที่ซอยลาดพร้าว 62 เขตวังทองหลาง แล้วลักเงินสดจำนวน 18,121,000 บาท ไป ซึ่งคดีนี้ยื่นฟ้องต่อศาลเมื่อวันที่ 9 ก.พ. 2555 โดยนายสุพจน์ในฐานะผู้เสียหายเบิกความต่อศาลว่า วันเกิดเหตุครอบครัวเดินทางไปงานฉลองมงคลสมรสของบุตรสาวที่โรงแรมพลาซา แอทธินี ถ.วิทยุ มีเพียงสาวคนรับใช้ 2 คนเฝ้าบ้าน แล้วมีคนร้ายบุกเข้าปล้นบ้านได้ทรัพย์สิน ซึ่งเป็นเงินรับไหว้งานมงคลสมรสบุตรสาวจากญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายจำนวน 5 ล้าน รวมทั้งเงินสดอีกจำนวนหนึ่ง
ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (11 ก.พ.) ศาลนัดไต่สวนครั้งแรก คดียึดทรัพย์ หมายเลขดำที่ ปช.1/2555 ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นคำร้องให้ศาลมีคำสั่งทรัพย์สินของนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดคมนาคม จำนวน 64,998,587 ล้านบาทเศษ ตกเป็นของแผ่นดิน เนื่องจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบทรัพย์สินแล้วชี้มูลความผิดว่านายสุพจน์มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ โดยไม่สามารถชี้แจงที่มาของทรัพย์สินต่างๆ
อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลานายปรีชา เปรมปราโมท์ ผู้รับมอบอำนาจจากผู้มีชื่อเป็นเจ้าของทรัพย์สินที่มีการยื่นฟ้องอีก 6 ราย ได้ยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลเพิ่มเติม พร้อมส่งบัญชีรายการแสดงทรัพย์สินฉบับใหม่ให้กับศาล
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีดังกล่าวยังไม่มีการประกาศให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินรับทราบตามกฎหมายกำหนด จึงเห็นควรให้เลื่อนการไต่สวนและกำหนดแนวทางการดำเนินคดีออกไปก่อน เป็นวันที่ 25 มี.ค.นี้ เวลา 13.30 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ นายสุพจน์ อดีตปลัดคมนาคมไม่ได้เดินทางมาศาลแต่อย่างใด ขณะที่คดีปล้นบ้านนายสุพจน์เมื่อปี 2554 ซึ่งเป็นที่มาของการถูกตรวจสอบทรัพย์สินนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบพยานโจทก์ของศาลอาญา โดยคดีดังกล่าวพนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 และนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ร่วมกันเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายสิงห์ทอง หรือ เสธ.ไก่ ใจชมชื่น, นายเสาร์แก้ว นามวงค์, นายสมบูรณ์ หรือบูรณ์ ริยะเทน, นายบุญสืบ หรือสืบ โจมกัน, นายวุฒิชัย หรือวุฒิ พันธวารี, นายวณัญกฤต หรือจ่อย บุตรกันหา, นายประพันธ์ เรียงเครือ, นายชยธัช หรือเอก จันนะชัย และน.ส.วาสนา สาเพิ่มทรัพย์ เป็นจำเลยที่ 1-9 คดีหมายเลขดำ อ.347/2555 ในความผิดฐานร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธ โดยใช้ยานพาหนะ, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขัง กระทำให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพฯ, ร่วมรับของโจร และร่วมกันพาอาวุธติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 310, 340, 357, 365 และ 371 กรณีเมื่อวันที่ 12 ก.พ. - 23 พ.ย. 2554 เวลากลางคืน จำเลยกับพวกร่วมกัน บุกรุกเข้าไปในบ้านของนายสุพจน์ ผู้เสียหาย ที่ซอยลาดพร้าว 62 เขตวังทองหลาง แล้วลักเงินสดจำนวน 18,121,000 บาท ไป ซึ่งคดีนี้ยื่นฟ้องต่อศาลเมื่อวันที่ 9 ก.พ. 2555 โดยนายสุพจน์ในฐานะผู้เสียหายเบิกความต่อศาลว่า วันเกิดเหตุครอบครัวเดินทางไปงานฉลองมงคลสมรสของบุตรสาวที่โรงแรมพลาซา แอทธินี ถ.วิทยุ มีเพียงสาวคนรับใช้ 2 คนเฝ้าบ้าน แล้วมีคนร้ายบุกเข้าปล้นบ้านได้ทรัพย์สิน ซึ่งเป็นเงินรับไหว้งานมงคลสมรสบุตรสาวจากญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายจำนวน 5 ล้าน รวมทั้งเงินสดอีกจำนวนหนึ่ง
