ศึกมรดกเลือดตระกูลธรรมวัฒนะ ยังไม่จบ! “ณฤมล-คนึงนิตย์ ธรรมวัฒนะ” ร้อง ผบ.ตร.เปิดเอกสารบัญชีตลาดยิ่งเจริญ ชี้ “ปริญญา” ครอบงำธุรกิจตลาดยิ่งเจริญแต่เพียงฝ่ายเดียวไม่ยอมแบ่งเงินปันผล
วันนี้ (4 ก.พ.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นางณฤมล มังกรพานิชย์ พร้อมด้วย น.ส.คนึงนิตย์ ธรรมวัฒนะ พี่สาวนายปริญญา ธรรมวัฒนะ เจ้าของตลาดยิ่งเจริญ และทนายความเดินทางยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. หลังจากนายปริญญาพร้อมด้วยนายจรินทร์ ธรรมวัฒนะ ลูกชายเดินทางมายื่นหนังสือขอเปลี่ยนพนักงานสอบสวนคดีที่นายปริญญาถูกนางณฤมลแจ้งความกระทำผิด พ.ร.บ.กำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม มูลนิธิ พ.ศ. 2499
นางณฤมลกล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2549 นายปริญญาและพวกได้เข้ามาครอบงำกิจการของตลาดยิ่งเจริญแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยไม่เคยแบ่งเงินปันผลให้แก่ตน น.ส.คนึงนิตย์ และน.ส.กัญจนิดา ทั้งที่พวกตนถือหุ้นของบริษัท สุวพีร์ ธรรมวัฒนะ จำกัด ซึ่งบริหารกิจการของตลาดยิ่งเจริญ ต่อมาตนได้ตรวจสอบเอกสารการหักภาษี ณ ที่จ่าย ของบริษัท ก้าวไว จำกัด บริษัท ยิ่งเจริญ บางพลี จำกัด บริษัท การเรือนยิ่งเจริญ จำกัด และบริษัท สุวพีร์ โฮลดิ้ง 2 จำกัด พบว่ามีการลงข้อความเท็จในบัญชีเหล่านั้นอีกหลายรายการ รวมเป็นเงินกว่า 40 ล้านบาท ตนจึงไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามเพื่อให้ดำเนินคดีต่อนายปริญญา และพวกในข้อหากระทำผิดตามมาตรา 42 แห่ง พ.ร.บ.กำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม มูลนิธิ พ.ศ. 2499 โดยหลังรับแจ้งพนักงานสอบสวนได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญา เพื่อขอให้ศาลออกหมายค้นเอกสารทางบัญชีของบริษัท ก้าวไว จำกัด และได้ยึดหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์ จำนวน 4 เครื่องมาไว้เป็นของกลางเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการประกอบคดี โดยการตรวจยึดนั้นพนักงานสอบสวนได้นำเอกสารทางบัญชีทั้งหมดบรรจุลงในกล่องและปิดผนึก และปิดผนึกจุดเชื่อมต่อของกล่อง เก็บหน่วยบันทึกความจำของคอมพิวเตอร์ไว้ โดยให้พนักงานฝ่ายนายปริญญาลงนามกำกับ และนำของกลางไปเก็บไว้ที่กองบังคับการกองปราบฯ
นางณฤมลกล่าวว่า ต่อมาพนักงานสอบสวนได้ทำหนังสือนัดให้คู่กรณีมาร่วมเปิดผนึกกล่องเอกสารทางบัญชีที่เป็นของกลางจำนวน 4 ครั้ง โดยมีเจ้าหน้าที่ของสรรพากร เจ้าหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจกองคดีเศรษฐกิจร่วมเป็นพยาน แต่ปรากฏว่านายปริญญาได้คัดค้านการเปิดกล่องเอกสารทุกครั้ง หากเอกสารดังกล่าวเป็นการลงบัญชีที่ถูกต้องเหตุใดนายปริญญาจึงไม่ยอมให้เปิด การกระทำของนายปริญญาเป็นการขัดขวางการดำเนินกระบวนการยุติธรรม และเป็นการก้าวล่วงการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวน ที่กำลังใช้อำนาจหน้าที่ในการรวบรวมพยานหลักฐานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ดังนั้น ขอให้ พล.ต.อ.อดุลย์ให้ความเป็นธรรมโดยการออกคำสั่งให้พนักงานสอบสวนเปิดกล่องบรรจุเอกสารของกลางที่ปิดผนึกไว้ต่อหน้าคู่ความทั้งสองฝ่าย เพื่อนำเอกสารดังกล่าวมาตรวจสอบถึงความถูกต้อง และให้พนักงานสอบสวนนำหน่วยความจำของเครื่องคอมพิวเตอร์ของกลางทั้ง 4 เครื่องไปดำเนินการตรวจพิสูจน์ข้อมูลที่บรรจุอยู่ตามระเบียบและกฎหมาย เพื่อนำข้อมูลเอกสารทางบัญชีและข้อมูลในหน่วยความจำของเครื่องคอมพิวเตอร์ดังกล่าวไปใช้เป็นพยานหลักฐานในการประกอบคดีด้วย