“ปริญญา ธรรมวัฒนะ” พร้อมบุตรชายเข้าร้อง ผบ.ตร.อีกรอบร้องขอความเป็นธรรมขอเปลี่ยนพนักงานสอบสวน หลังกองปราบปรามพร้อมสองพี่สาวบุกเข้าค้นบริษัทในตลาดยิ่งเจริญ พร้อมโชว์คลิปขณะกองปราบฯ บุกเข้าตรวจค้น เผยปล่อยให้สองพี่สาวรื้อเอกสารตามสบาย
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) วันนี้ (23 ม.ค.) นายปริญญา ธรรมวัฒนะ เจ้าของตลาดยิ่งเจริญ พร้อมด้วยนายจรินทร์ ธรรมวัฒนะ บุตรชาย เดินทางมายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ผ่านทางศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์สำนักงานจเรตำรวจแห่งชาติอีกรอบเพื่อขอเปลี่ยนพนักงานสอบสวนกองปราบปรามเนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรมในการดำเนินคดี
นายจรินทร์กล่าวว่า หลังจากมาร้องเรียนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเมื่อวันที่ 15 มกราคมที่ผ่านมาเพื่อขอความเป็นธรรมหลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราบนำโดย พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. นำกำลังตำรวจกองปราบปราม 50 นายบุกค้นบริษัทก้าวไว ในตลาดยิ่งเจริญโดยเกินกว่าเหตุและไม่มีความเป็นธรรมก็มีความสบายใจ ไว้วางใจในระดับหนึ่งว่าจะได้รับความเป็นธรรมจากทาง ผบ.ตร.
นายจรินทร์กล่าวว่า หลังจากที่มาร้องเมื่อวันก่อนในวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมาก็ได้รับหนังสือลงวันที่ 18 ม.ค.จาก พ.ต.อ.ประสพโชค มีใจความสำคัญคือ คดีมีพยานเอกสารจำนวนมากและต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญการเฉพาะด้านในการตรวจสอบเอกสารและข้อมูลที่บันทึกอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนได้ยึดมากจากบริษัท ก้าวไว จำกัด ดังนั้นเพื่อให้การสอบสวนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และความเป็นธรรมกับคู่กรณีทั้งสองฝ่ายหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนจึงเสนอขอแต่งตั้งพนักงานสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติม ไปยังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2556
นายจรินทร์กล่าวต่อว่า ในหนังสือฉบับนี้ยังระบุอีกว่า หลังผู้ถูกกล่าวหาไปร้องขอความเป็นธรรม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวหาว่าการกระทำของพนักงานสืบสวนสอบสวนไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นในกระบวนการสอบสวน จึงได้เสนอผู้บังคับบัญชาแต่งตั้งผู้บังคับบัญชาระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาเป็นหวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน โดยมีผู้บังคับบัญชาระดับกองบัญชาการสอบสวนกลาง รวมทัั้งพนักงานสืบสวนสอบสวน จากหน่วยงานอื่นตามที่เห็นว่าเหมาะสมมาเป็นคณะพนักงานสอบสวนด้วย เพื่อให้การสืบสวนสอบสวนเป็นไปด้วยความเรียบร้อยมีประสิทธิภาพ เป็นธรรมและรวดเร็ว ซึ่งคาดว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะมีข้อสั่งการมาเร็วๆนี้ ซึ่งเมืื่อผู้บังคับบัญชาแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนแล้ว พนักงานสอบสวนจะแจ้งคู่กรณีหรือผู้แทนมาร่วมสังเกตการณ์ ในการตรวจสอบเอกสารและสิ่งของที่ยึดมา และยังไม่สามารถส่งคืนเอกสารทั้งหมดได้
นายจรินทร์กล่าวว่า หลังจากได้หนังสือฉบับนี้เราก็รู้สึกสบายใจและเบาใจขึ้น แต่เมื่อวานนี้ตอนค่ำกลับได้รับเอกสารอีกฉบับลงวันที่ 22 มกราคม นัดไปเปิดเอกสารในวันนี้ 24 มกราคม เวลา 14.00 น.ที่กองปราบปราม ซึ่งเราก็ได้คัดค้านการเปิดเอกสารไปแล้ว และสงสัยว่ามีการตั้งคณะกรรมการเรียบร้อยตามที่แจ้งมาในหนังสือฉบับแรกเสร็จแล้วหรือ ถึงได้นัดเปิดเอกสาร ขอยืนยันว่าเราจะไม่เปิดเอกสารจนกว่าจะมีการเปลี่ยนพนักงานสอบสวนที่มีความเป็นธรรมพอ เอกสารต่างๆ เรายินดี่จะเปิดแต่ต้องเป็นพนักงานสอบสวนที่เป็นกลางจริงๆ ไม่ใช่พนักงานสอบสวนชุดนี้ที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ให้คู่กรณีเข้าไปร่วมในการตรวจยึดเอกสาร ถ่ายรูปเอกสารบางชุดออกมาโดยที่ตำรวจให้ความร่วมมือ ยืนดูโดยไม่่ดำเนินการอะไร
จากนั้นนายปริญญาได้เปิดคลิปวิดีโอความยาว 59 วินาที เป็นภาพที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมเข้ายึดเอกสารโดยในคลิปวิดีโอมี คือ น.ส.คนึงนิตย์ ธรรมวัฒนะ และนางณฤมล มังกรพานิชย์ เข้าไปดูเอกสารต่างๆ ภายในบริษัทด้วย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยืนดูโดยไม่ได้ว่าอะไรเมื่อดูเอกสารเสร็จก็ส่งเอกสารให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำเอกสารไปเก็บไว้
ต่อมาเมื่อเวลา 14.00 น. ที่กองปราบปราม พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. กล่าวถึงการดำเนินคดีนายปริญญา ธรรมวัฒนะ กับพวก 2 คน ซึ่งเป็นผู้บริหารบริษัท บริษัทก้าวไว ที่ดูแลตลาดยิ่งเจริญ ในความผิดตาม พ.ร.บ.หุ้นส่วนบริษัท หลังถูกนางนฤมล มังกรพาณิชย์ แจ้งความดำเนินคดีว่า ได้นัดทั้งฝ่ายผู้กล่าวหาและผู้ถูกกล่าวหามาพร้อมกันเพื่อเปิดเอกสารของกลางที่ยึดมาจากสำนักงาน 4 แห่งภายในตลาดยิ่งเจริญออกมาตรวจสอบ หลังจากที่พนักงานสอบสวนได้ทำหนังสือแจ้งทั้งสองฝ่ายไปเมื่อต้นสัปดาห์ แต่ก็มีการเลื่อนนัดมาเป็นวันนี้ แต่เมื่อถึงเวลานัดหมายทั้งสองฝ่ายก็แจ้งว่ายังไม่พร้อมที่จะเปิดเอกสารทางพนักงานสอบสวนจึงต้องเลื่อนการเปิดเอกสารออกไปก่อนแต่ก็ยังเก็บรักษาไว้ที่ บก.ป.เหมือนเดิม ส่วนตัวแล้วยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายเพราะทั้งสองฝ่ายก็เป็นพี่น้องกัน ดังนั้นหากพร้อมเมื่อไรก็ขอให้แจ้งมาอีกครั้ง
เมื่อถามถึงกรณีนายปริญญาร้องขอความเป็นต่อ ผบ.ตร.ให้เปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวน พ.ต.อ.ประสพโชคกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวคงต้องรอคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาอีกครั้ง แต่ขณะนี้ก็ยังเป็นคณะพนักงานสอบสวนชุดเดิมที่ บช.ก.แต่งตั้งให้ทำการสอบสวน
