ปัญหาอาชญากรรมถือเป็นปัญหาใหญ่ที่มีผลต่อ "ความสุขสงบ"ของคนในสังคมไทยวลดน้อยลงสวนกับดัชนีตัวเลขจีดีพี หรือ ประมวลการเจริญเติบโตเศรษฐกิจภายในประเทศที่รัฐบาลป่าวประกาศโครม ๆ ว่าดีขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกไตรมาศ ยังไม่รวมผลกระทบทางเศรษฐกิจที่จะตามมาในไม่ช้าของนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศ ที่ผู้ประกอบการต่างออกมาโอดครวญ คำว่า"เจ๊กอั่ก" กันเป็นทิวแถว "เจ๊กอั่ก"ที่ว่านี้คือภาษาจีนแต้จิ๊วที่พ่อค้าชาวจีนจะพูดขึ้นเสมอในภาวะที่ธุรกิจขาดทุนหรือเกิดสภาวะพร่องทางการเงินหรือหมุนเงินในภาคธุรกิจไม่ทัน รวม ๆ แล้วก็น่าจะแปลว่า "ความทุกข์ - ความไม่สบายใจ"นั่นเอง
มีการวิเคราะห์และประเมินจากหลายฝ่ายว่านโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ที่ว่านี้ของรัฐบาล "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" จะส่งผลให้ภาคธุรกิจ SME หรือธุรกิจขนาดย่อมที่มีอยู่เป็นจำนวนมากทั่วประเทศจะพากันล้มหายตายจากกันไป จนถึงขั้นเลิกกิจการกันเป็นทิวแถว เนื่องจากแบกรับภาระต้นทุนของแรงงานที่ขึ้นเป็น 300 บาทไม่ได้โดยให้เหตุผลว่าปรับตัวไม่ทัน
แรงงานถือเป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อนภาคธุรกิจให้เดินไปข้างหน้าตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายทางธุรกิจที่ผู้ประกอบการตั้งไว้ นั่นก็คือ "ผลกำไรทางธุรกิจ" ดังนั้นปัญหาค่าแรงงานที่เพิ่มขึ้นจึงไปกระทบกับผู้ประกอบการขนาดเล็กอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มองได้ประหนึ่งว่ารัฐบาลปัดภาระทางนโยบายประชานิยมที่ตนเองประกาศหาเสียงจนได้มาเป็นรัฐบาลบริหารประเทศนี้ไปให้กับผู้ประกอบการ
จะไม่ให้มัน "เจ๊ง" ได้อย่างไร??
ในเมื่อค่าแรงก็ขึ้น วัตถุดิบก็ขึ้น น้ำมันก็แพง
ทั้งหมดทั้งมวลถือเป็นต้นทุนทางธุรกิจ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยเมื่อผู้ประกอบการมีภาระต้นทุนขึ้นมาราคาสินค้ามอุปโภคบริโภคก็จะขยับขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ธุรกิจไหนอยู่ไม่ได้!
นายห้างตราดูไบ คงร้องเพลงบอกได้คำเดียวว่า
"ช่างหัวแม่มรึง"
นายจ้างเจ๊ง - ลูกจ้าง ตกงาน ปัญหาอาชญากรรมมันจะเพิ่มทวีขึ้นและมีความรุนแรงมากขึ้น สังเกตง่าย ๆ คดี "ลัก - จี้ - ชิง - ปล้น" จะตามมาเป็นดอกเห็ดอย่างแน่นอน
ตำรวจไทยจะทำงานหนักขึ้นมีคดีให้ติดตามจับกุมคนร้ายและสะสางจำนวนมาก ตำรวจดีที่อุทิศตนทำดีทำคุณประโยชน์ให้กับเทศชาติและประชาชนก็ต้องขอชื่นชม
แต่ที่ยอมรับไม่ได้เลยก็คือไอ้พวกโจรในเครื่องแบบอันทรงเกียรติ ที่เป็นเหลือบไรในสังคมสีกากีให้มัวหมองคนไทยเราคงต้องทำใจลำบาก เมื่อเข้าสู่ยุค "มารครองเมือง - ข้าราชการขี้ฉ้อ"
ได้กลิ่นตุเหม็นในวงการสีกากีมาอีกเรื่องโชยมาจาก บก.น.5 เมื่อมีนายตำรวจใหญ่ วังปารุสกวัน เข้าไปพัวพันกับธุรกิจสีเทา ๆ อย่างร้านเกมออนไลน์ ชื่อดังมีชื่อภาษาอังกฤษนำหน้า 3 ตัวและลงท้ายด้วยเลข 888 ที่มีสาขามากมายถึง 17 ร้านด้วยกัน
ไล่เรียงตั้งแต่ ซอยอ่อนนุช 17 แยก 16 สุขุมวิท 77 ,ซอยอ่อนนุช 17 แยก 18 ตั้งอยู่ในคอนโดมิเนียมด้านในสุด,ซอยอ่อนนุช 17 แยก 20 รีเจ้นคอนโดมิเนียม,ซอยอ่อนนุช 17 แยก 22 บริเวณตึกเซเว่น,ซอยพัฒนาการ 20 แยก 9 พีพีเฮ้าท์,ซอยพัฒนาการ 16 ,ปากซอยพัฒนาการ 21 ,ในซอยพัฒนาการ 15 ,ซอยพัฒนาการ 2 ติดคิวสองแถว,ซอยสุเหร่า ซ.7 ถนนพัฒนาการ ,ตึกไลท์ 1 ด้านล่าง,ตึกไลท์ 6 ด้านล่าง,ซอยปรีดี 45 แฟมิลี่เฮ้าท์,ซอยปรีดี 42 แยก 8 ,ซอยปรีดี 34 เกษมแมนชั่น ,ซอยปรีดี 2 พระโขนงคอนโดฯ และซอยปรีดี 2 ถัดไปจากซอยใจธรรม
ทั้ง 17 ร้านมีการเปิดเป็นร้านเกมออนไลน์อย่างโจ๋งครึ้่มไม่กลัวเกรงกฎหมายบ้านเมืองปล่อยให้มีเยาวชนและวัยรุ่นใช้เป็นที่มั่วสุมไม่หลับไม่นอนเล่นเกมกันทั้งวันทั้งคืน มีการจัดโปรโมชั่นพิเศษด้วยการแจกคูปอง มีรางวัลล่อใจมากมายชักชวนให้ลูกค้ามาเล่น อาทิ แจกรถโตโยต้าคัมรี่ จำนวน 10 คัน รถจักรยานยนต์ฮอนด้า รุ่นเวฟ จำนวน 300 คัน ไอแพดจำนวน 1,000 เครื่อง
ใครมีคูปองนำไปเล่นได้ที่ร้านเกมที่ว่าได้ทุกสาขา
อนาถใจแท้...เมื่อวงการสีกากีมีนายตำรวจใหญ่เข้าไปพัวพันกับธุรกิจสีเทา ๆ อย่างร้านเกมออนไลน์ที่มีผลกระทบต่อเด็กและเยาวชนอย่างไม่มีจิตสำนึกของการเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์
นี่ยังไม่รวมถึงสิ่งผิดกฎหมายต่าง ๆ ที่อาจแอบแฝงอยู่ในธุรกิจร้านเกม อาทิ ตู้ม้าไฟฟ้า ,บ่อนการพนันออนไลน์ ฯลฯ
หรือว่า ตำรวจไทย มันถึงยุค "ช่างหัวแม่มรึง" ตามแบบต้นฉบับ "นายห้างตราดูไบ"ที่หลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศไปแล้ว เมื่อ "นายตำรวจใหญ่"ผันตัวเป็น "เจ้าพ่อร้านเกมออนไลน์"
เข้าสู่ยุค...
"สังคมมอมเมา - นักการเมืองชั่วช้า - ลูกหลานจัญไร" เข้าไปทุกที
จักรนารายณ์.