ตำรวจจ่อนำภาพสเกตช์คนร้ายขอหมายศาลแขวงพระโขนงออกหมายจับ ในคดี “ราเมศ รัตนะเชวง” ถูกคนร้ายทำร้ายร่างกาย ด้าน ปชป.จี้ “คำรณวิทย์” ลาออกเพื่อความคืบหน้าคดีมีคนลอบทำร้าย “ราเมศ” ลั่นไม่ดำเนินการเตรียมขอ ผบ.ตร.สั่งย้ายออกนอกพื้นที่
วันนี้ (17 ม.ค.) เวลา 14.00 น. ที่ห้องประชุมกองอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ รอง ผบช.น. เรียกประชุมพนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องในคดีนายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกและทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ ที่ถูกคนร้ายดักทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาล เหตุเกิดในท้องที่ สน.บางนา เมื่อคืนวันที่ 17 ธ.ค. 2555 ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถสเก็ตภาพของคนร้ายที่คาดว่าเป็นผู้ทำร้ายร่างกายนายราเมศได้แล้ว 1 คน
โดยภายหลังการประชุม พล.ต.ต.อิทธิพลกล่าวว่า วันนี้ได้เรียกประชุมเพื่อดูพยานหลักฐานหลังจากมอบหมายไป โดยนำมาประกอบสำนวนว่าจะสามารถออกหมายจับคนร้ายได้อย่างไร ซึ่งจะนำภาพสเกตช์ของคนร้ายไปประกอบกับสำนวนและพยานหลักฐานต่างๆ เพิ่มเติม เพื่อขออนุมัติหมายจับจากศาลแขวงพระโขนง รวมถึง ต้องสอบปากคำผู้เสียหายเพิ่มเติมอีกครั้งหนึ่ง
“ยังต้องสอบปากคำแพทย์ที่ทำการรักษานายราเมศด้วย เพราะลักษณะบาดแผลของนายราเมศอาจเกิดจากอาวุธคนละชนิดกันกับที่ได้ข้อมูลมาและหลังจากนี้จะไปพบแพทย์เลยทันที รวมทั้ง ต้องสอบรายละเอียดจากพยานบางราย ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องการความชัดเจนในภาพสเกตช์มากกว่านี้ เพราะที่มีอยู่บางสำนวนยังไม่พอยังขาดอีก 4-5 เรื่อง แต่เชื่อว่าคงใช้เวลาไม่นาน” พล.ต.ต.อิทธิพลกล่าว
พล.ต.ต.อิทธิพลกล่าวอีกว่า ส่วนสาเหตุที่เกิดขึ้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้ตัดประเด็นทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องการเมืองออกไป โดยคาดว่าจะสามารถขออนุมัติหมายจับจากศาลได้ภายในสัปดาห์นี้
ด้าน พ.ต.อ.ไตรเมต อู่ไทย รอง ผบก.น.5 กล่าวว่า ส่วนภาพสเกตช์นั้นยังไม่ขอเปิดเผย ต้องรอให้ศาลอนุมัติออกหมายจับเสียก่อนถึงจะเปิดเผยได้ ถ้าศาลไม่ออกหมายจับมาก็ไม่มีประโยชน์ที่จะให้ภาพสเกตช์ไป ทันทีที่ศาลอนุมัติออกหมายก็จะแจกจ่ายภาพสเกตช์ให้ ซึ่งภาพที่ได้มาจากปากคำของนายราเมศเอง
ขณะที่นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเรียกร้องให้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ลาออกจากตำแหน่ง หากเป็นนักเลงพอตามที่เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อไปก่อนหน้านี้ เพราะถ้ายังนั่งอยู่ในตำแหน่งการสอบสวนคดีนายราเมศ รัตนชะเวง ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ถูกทำร้ายก็จะไม่คืบหน้า เพราะท่านเป็นผู้ที่มีอิทธิพลควบคุมท้องที่ที่เกิดเหตุ และขอให้เข้าใจว่านายราเมศ เป็นบุคคลคนสำคัญของพรรค ไม่ใช่อย่างที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เคยระบุไว้ในสภาว่าเป็นบุคคลไม่สำคัญ
“ผมอยากถาม พล.ต.ท.คำรณวิทย์ว่า หากเป็นนางปวีณา หงสกุล หรือนายพานทองแท้ ชินวัตรบุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ถูกทำร้ายบ้างจะรู้สึกอย่างไร จึงอยากเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อตำรวจจะได้ทำงานอย่างอิสระ โดยไม่ต้องตกอยู่ภายใต้อิทธิพล” นายวัชระกล่าว
อย่างไรก็ดี หาก พล.ต.ท.คำรณวิทย์ยังไม่ยอมลาออกจากตำแหน่ง ก็ขอเรียกร้องให้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย ตามที่นายราเมศเคยยื่นเรื่องไว้ก่อนหน้านี้สมัย พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ อดีต ผบ.ตร. คือ 1. ให้นักโทษหนีคดีประดับยศให้ 2. ชี้นำให้ตำรวจบุกพรรคประชาธิปัตย์ โดยถือเป็นการคุกคามทางการเมือง และหากยังไม่ยอมลาออกอีก ก็ขอเรียกร้องให้ ผบ.ตร.สั่งย้าย พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ให้พ้นจากพื้นที่เขตนครบาลเพื่อความคืบหน้าทางคดีต่อไป