ศาลอาญากรุงเทพใต้ สืบพยานโจทก์นัดแรก คดี “ซาอิด-มูฮัมหมัด” หนุ่มอิหร่านวางระเบิด 3 จุดในซอยสุขุมวิท 71 ด้านอัยการนำเจ้าของบ้านเช่าเบิกความระบุได้รับติดต่อขอเช่าบ้าน 6 เดือน หลังจากนั้นก็ไม่ได้เข้าไปตรวจดูที่อีก กระทั่งเกิดเหตุระเบิดขึ้น
ที่ห้องพิจารณา 602 ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง 63 วันนี้ (20 ธ.ค.) ศาลนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรกเหตุระเบิด 3 จุดในซอยสุขุมวิท 71 คดีหมายเลขดำ ด.1446/2555 ที่พนักงานอัยการคดีอาญากรุงเทพใต้ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายซาอิด โมราดิ (SAEID MORADI) อายุ 28 ปี และนายมูฮัมหมัด ฮาซาอิ อายุ 42 ปี ชาวอิหร่าน เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดเกี่ยวกับการก่อให้เกิดระเบิด, ก่อให้เกิดเพลิงไหม้, ความผิดต่อชีวิต, ทำให้เสียทรัพย์ และ พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน พ.ศ. 2490
โดยวันนี้ศาลเบิกตัวนายซาอิดซึ่งนั่งรถเข็นมาเนื่องจากขาซ้ายขาดจากเหตุระเบิด ขณะที่ตาขวามองไม่เห็นเพราะได้รับผลกระทบจากเหตุระเบิดเช่นกัน และนายมูฮัมหมัด จำเลยที่ 1-2 จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาเพื่อฟังการสืบพยานโจทก์ ซึ่งระหว่างการสืบพยานศาลจัดล่ามแปลภาษาให้แก่จำเลยทั้งสองด้วย
ขณะที่การสืบพยานโจทก์นัดแรกวันนี้ อัยการได้นำนายบัณฑิต พิฑูรมานิต เจ้าของบ้านเลขที่ 66 ซ.ปรีดีพนมยงค์ 31 ที่เกิดเหตุระเบิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2555 เบิกความระบุว่า ได้รับการติดต่อจากนายหน้าว่านางไลลา โรฮานี ชาวอิหร่าน ต้องการเช่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นเวลา 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 19 ธ.ค. 2554 และมีการชำระค่าเช่าทั้งหมดภายในเดือน ม.ค. 55 ซึ่งหลังปล่อยเช่าแล้วก็ไม่ได้เข้าไปตรวจดูที่บ้านอีกเลย กระทั่งทราบข่าวว่าเกิดเหตุระเบิดขึ้น จากนั้นได้ประเมินความเสียหายประมาณ 5 ล้านบาท ซึ่งต้องการให้จำเลยได้ชดใช้ในส่วนนี้
ด้านนายกิตติพงษ์ เกียรติธนภูมิ ทนายความฝ่ายจำเลยกล่าวว่า คดีศาลได้กำหนดนัดสืบพยานทั้งหมด 19 ครั้ง เนื่องจากพยานโจทก์มีจำนวนมาก ส่วนพยานจำเลยมีเพียง 2 ปาก คือ ตัวจำเลยทั้งสองเท่านั้นโดยคาดว่าการสืบพยานจะเสร็จสิ้นประมาณ มี.ค. 2556
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้อัยการฟ้องระบุว่า ระหว่างวันที่ 19 ธ.ค. 2554 - 14 ก.พ. 2555 ต่อเนื่องกัน จำเลยทั้งสองกับนางไลลา โรฮานี (LEILA ROHANI) นายซีดา การ์ต ซาเดห์ มะห์ซุด (SEDA GHAT ZADEH MASOUD) และนายนูโรซิ ชายัน อาลี อัคบาร์ (NOROUZI SHAYAN ALI AKBAR) พวกของจำเลยทั้งสองที่หลบหนียังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ร่วมกันทำและร่วมกันมีไว้ซึ่งวัตถุระเบิดที่ใช้เครื่องรับวิทยุ AM-FM แบบมีไฟฉายยี่ห้อ SONITEC รุ่น ST 2040 U ผลิตจากประทศสาธารณประชาชนจีน ขนาดกว้าง 9 ซม. ยาว 20.5 ซม. สูง 14.5 ซม. นำมาดัดแปลงประกอบกับชุดเรือนชนวนของลูกระเบิดขว้างชนิดสังหาร ภายในบรรจุวัตถุระเบิดแรงสูงชนิดซีโฟร์ น้ำหนัก 1.5 กก. ฝักแคระเบิดยาวประมาณ 96 ซม. และโลหะลูกปรายขนาดประมาณ 0.6 ซม.จำนวน 103 ชิ้น ทำเป็นสะเก็ดระเบิดประกอบติดแผ่นโลหะกับแม่เหล็กแรงสูง ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 3 ซม.จำนวน 6 ตัว ไว้บริเวณด้านล่างของเครื่องรับวิทยุ AM-FM แบบมีไฟฉาย รวมทั้งสิ้นจำนวน 5 ชุด สามารถใช้งานได้ จัดเป็นระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบเป็นระบบกลไกโดยใช้ชุดเรือนชนวนของลูกระเบิดขว้างชนิดสังหาร เป็นตัวจุดระเบิดประกอบกับวัตถุระเบิดแรงสูงชนิดซีโฟร์ และฝักแคระเบิด เป็นดินระเบิดหลัก ประกอบรวมกันใส่ไว้ในเครื่องรับวิทยุ AM-FM แบบมีไฟฉาย โดยมีโลหะลูกปรายทำเป็นสะเก็ดระเบิดประกอบติดแผ่นโลหะกับแม่เหล็กแรงสูงสำหรับติดกับเป้าหมาย เมื่อดึงสลักออกจากกระเดื่องนิรภัยแล้วปล่อยกระเดื่องนิรภัย เข็มแทงชนวนที่ตัวเรือนชนวนจะทำงานถ่วงเวลาประมาณ 5 วินาทีก็จะเกิดระเบิดขึ้น สามารถสังหารชีวิตมนุษย์ สัตว์ ทรัพย์สินให้ได้รับความเสียหายได้ในรัศมีฉกรรจ์ประมาณ 10-15 เมตร จากจุดระเบิด
โดยเมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2555 เวลากลางวัน จำเลยทั้งสองและนายซีดา การ์ต ซาเดห์ มะห์ซุด (SEDA GHAT ZADEH MASOUD) พวกของจำเลยทั้งสองที่หลบหนียังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ได้ร่วมกันใช้ระเบิดแสวงเครื่องจำนวน 1 ชุดที่จำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันทำ และร่วมกันมีทำให้เกิดระเบิดขึ้นจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่น และเป็นเหตุให้บ้านเลขที่ 66 ซอยปรีดีพนมยงค์ 31 (เจริญใจ) แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. ของนายบัญฑิต พิฑูรมานิต ได้รับอันตรายและได้รับความเสียหายทั้งหลังรวมทั้งทรัพย์สินเฟอร์นิเจอร์ที่อยู่ภายในบ้านดังกล่าวได้รับความเสียหายทั้งหมด ไม่สามารถซ่อมแซมได้ รวมค่าเสียหายทั้งสิ้น 5 ล้านบาท นอกจากนั้น การทำให้ระเบิดของจำเลยที่ 1 ยังเป็นเหตุให้บ้านของนายธีระพล หอประสาททอง, นางจุฑาทิพย์ สัจจะดำรงค์, น.ส.กนกวรรณ ศรีเทพ, ร.อ.ชัชวาล อรรถจินดา, บริษัท เอส เอ็ม โอเชียน กรุ๊ป, นายกรเกียรติ ชุณหกสิการ, น.ส.พเยาว์ รอดดี และบริษัทไทย เอ้า ฉี ฟรุ๊ตส์ จำกัด รวมทั้งรถยนต์แท็กซี่ คันหมายเลขทะเบียน ทร-1419 กรุงเทพมหานคร ของสหกรณ์เจริญเมืองแท็กซี่ จำกัด ซึ่งขณะเกิดเหตุมีนายขรรค์ชัย บุญสูงเนิน ขับขี่ผ่านมาได้รับความเสียหายทั้งคันราคา 200,000 บาท และทำให้ผิวถนนบริเวณกลางซอยปรีดีพนมยงค์ 31 ซึ่งอยู่ในความครอบครองดูแลของกรุงเทพมหานคร และเป็นทรัพย์ที่ใช้และมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ได้รับความเสียหายเป็นหลุมกว้างประมาณ 30 ซม.ลึก 40 ซม.
รวมทั้งเมื่อ ร.ต.ท.ณัฐวุฒิ สุขวัต กับพวกจะเข้าแสดงตัวและขอตรวจค้นตัวจำเลยที่มีเจตนาฆ่าเจ้าพนักงานโดยใช้ระเบิดแสวงเครื่องจำนวน 1 ชุด โยนและทำให้ระเบิดเข้าใส่ ร.ต.ท.ณัฐวุฒิ กับพวก แต่ ร.ต.ท.ณัฐวุฒิกับพวกวิ่งเข้าหลบที่ท้ายรถยนต์สายตรวจ แต่ ร.ต.ท.ณัฐวุฒิได้รับบาดเจ็บเยื่อแก้วหูซ้ายฉีกขาด ประสาทรับเสียงเสื่อม และน.ส.ฝนหยก โพธิ์ไพงาม ซึ่งเดินอยู่บริเวณดังกล่าวได้รับบาดเจ็บหูอื้อ การได้ยินลดลง ปวดหูด้วย
ที่ห้องพิจารณา 602 ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง 63 วันนี้ (20 ธ.ค.) ศาลนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรกเหตุระเบิด 3 จุดในซอยสุขุมวิท 71 คดีหมายเลขดำ ด.1446/2555 ที่พนักงานอัยการคดีอาญากรุงเทพใต้ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายซาอิด โมราดิ (SAEID MORADI) อายุ 28 ปี และนายมูฮัมหมัด ฮาซาอิ อายุ 42 ปี ชาวอิหร่าน เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดเกี่ยวกับการก่อให้เกิดระเบิด, ก่อให้เกิดเพลิงไหม้, ความผิดต่อชีวิต, ทำให้เสียทรัพย์ และ พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน พ.ศ. 2490
โดยวันนี้ศาลเบิกตัวนายซาอิดซึ่งนั่งรถเข็นมาเนื่องจากขาซ้ายขาดจากเหตุระเบิด ขณะที่ตาขวามองไม่เห็นเพราะได้รับผลกระทบจากเหตุระเบิดเช่นกัน และนายมูฮัมหมัด จำเลยที่ 1-2 จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาเพื่อฟังการสืบพยานโจทก์ ซึ่งระหว่างการสืบพยานศาลจัดล่ามแปลภาษาให้แก่จำเลยทั้งสองด้วย
ขณะที่การสืบพยานโจทก์นัดแรกวันนี้ อัยการได้นำนายบัณฑิต พิฑูรมานิต เจ้าของบ้านเลขที่ 66 ซ.ปรีดีพนมยงค์ 31 ที่เกิดเหตุระเบิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2555 เบิกความระบุว่า ได้รับการติดต่อจากนายหน้าว่านางไลลา โรฮานี ชาวอิหร่าน ต้องการเช่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นเวลา 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 19 ธ.ค. 2554 และมีการชำระค่าเช่าทั้งหมดภายในเดือน ม.ค. 55 ซึ่งหลังปล่อยเช่าแล้วก็ไม่ได้เข้าไปตรวจดูที่บ้านอีกเลย กระทั่งทราบข่าวว่าเกิดเหตุระเบิดขึ้น จากนั้นได้ประเมินความเสียหายประมาณ 5 ล้านบาท ซึ่งต้องการให้จำเลยได้ชดใช้ในส่วนนี้
ด้านนายกิตติพงษ์ เกียรติธนภูมิ ทนายความฝ่ายจำเลยกล่าวว่า คดีศาลได้กำหนดนัดสืบพยานทั้งหมด 19 ครั้ง เนื่องจากพยานโจทก์มีจำนวนมาก ส่วนพยานจำเลยมีเพียง 2 ปาก คือ ตัวจำเลยทั้งสองเท่านั้นโดยคาดว่าการสืบพยานจะเสร็จสิ้นประมาณ มี.ค. 2556
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้อัยการฟ้องระบุว่า ระหว่างวันที่ 19 ธ.ค. 2554 - 14 ก.พ. 2555 ต่อเนื่องกัน จำเลยทั้งสองกับนางไลลา โรฮานี (LEILA ROHANI) นายซีดา การ์ต ซาเดห์ มะห์ซุด (SEDA GHAT ZADEH MASOUD) และนายนูโรซิ ชายัน อาลี อัคบาร์ (NOROUZI SHAYAN ALI AKBAR) พวกของจำเลยทั้งสองที่หลบหนียังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ร่วมกันทำและร่วมกันมีไว้ซึ่งวัตถุระเบิดที่ใช้เครื่องรับวิทยุ AM-FM แบบมีไฟฉายยี่ห้อ SONITEC รุ่น ST 2040 U ผลิตจากประทศสาธารณประชาชนจีน ขนาดกว้าง 9 ซม. ยาว 20.5 ซม. สูง 14.5 ซม. นำมาดัดแปลงประกอบกับชุดเรือนชนวนของลูกระเบิดขว้างชนิดสังหาร ภายในบรรจุวัตถุระเบิดแรงสูงชนิดซีโฟร์ น้ำหนัก 1.5 กก. ฝักแคระเบิดยาวประมาณ 96 ซม. และโลหะลูกปรายขนาดประมาณ 0.6 ซม.จำนวน 103 ชิ้น ทำเป็นสะเก็ดระเบิดประกอบติดแผ่นโลหะกับแม่เหล็กแรงสูง ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 3 ซม.จำนวน 6 ตัว ไว้บริเวณด้านล่างของเครื่องรับวิทยุ AM-FM แบบมีไฟฉาย รวมทั้งสิ้นจำนวน 5 ชุด สามารถใช้งานได้ จัดเป็นระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบเป็นระบบกลไกโดยใช้ชุดเรือนชนวนของลูกระเบิดขว้างชนิดสังหาร เป็นตัวจุดระเบิดประกอบกับวัตถุระเบิดแรงสูงชนิดซีโฟร์ และฝักแคระเบิด เป็นดินระเบิดหลัก ประกอบรวมกันใส่ไว้ในเครื่องรับวิทยุ AM-FM แบบมีไฟฉาย โดยมีโลหะลูกปรายทำเป็นสะเก็ดระเบิดประกอบติดแผ่นโลหะกับแม่เหล็กแรงสูงสำหรับติดกับเป้าหมาย เมื่อดึงสลักออกจากกระเดื่องนิรภัยแล้วปล่อยกระเดื่องนิรภัย เข็มแทงชนวนที่ตัวเรือนชนวนจะทำงานถ่วงเวลาประมาณ 5 วินาทีก็จะเกิดระเบิดขึ้น สามารถสังหารชีวิตมนุษย์ สัตว์ ทรัพย์สินให้ได้รับความเสียหายได้ในรัศมีฉกรรจ์ประมาณ 10-15 เมตร จากจุดระเบิด
โดยเมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2555 เวลากลางวัน จำเลยทั้งสองและนายซีดา การ์ต ซาเดห์ มะห์ซุด (SEDA GHAT ZADEH MASOUD) พวกของจำเลยทั้งสองที่หลบหนียังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ได้ร่วมกันใช้ระเบิดแสวงเครื่องจำนวน 1 ชุดที่จำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันทำ และร่วมกันมีทำให้เกิดระเบิดขึ้นจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่น และเป็นเหตุให้บ้านเลขที่ 66 ซอยปรีดีพนมยงค์ 31 (เจริญใจ) แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. ของนายบัญฑิต พิฑูรมานิต ได้รับอันตรายและได้รับความเสียหายทั้งหลังรวมทั้งทรัพย์สินเฟอร์นิเจอร์ที่อยู่ภายในบ้านดังกล่าวได้รับความเสียหายทั้งหมด ไม่สามารถซ่อมแซมได้ รวมค่าเสียหายทั้งสิ้น 5 ล้านบาท นอกจากนั้น การทำให้ระเบิดของจำเลยที่ 1 ยังเป็นเหตุให้บ้านของนายธีระพล หอประสาททอง, นางจุฑาทิพย์ สัจจะดำรงค์, น.ส.กนกวรรณ ศรีเทพ, ร.อ.ชัชวาล อรรถจินดา, บริษัท เอส เอ็ม โอเชียน กรุ๊ป, นายกรเกียรติ ชุณหกสิการ, น.ส.พเยาว์ รอดดี และบริษัทไทย เอ้า ฉี ฟรุ๊ตส์ จำกัด รวมทั้งรถยนต์แท็กซี่ คันหมายเลขทะเบียน ทร-1419 กรุงเทพมหานคร ของสหกรณ์เจริญเมืองแท็กซี่ จำกัด ซึ่งขณะเกิดเหตุมีนายขรรค์ชัย บุญสูงเนิน ขับขี่ผ่านมาได้รับความเสียหายทั้งคันราคา 200,000 บาท และทำให้ผิวถนนบริเวณกลางซอยปรีดีพนมยงค์ 31 ซึ่งอยู่ในความครอบครองดูแลของกรุงเทพมหานคร และเป็นทรัพย์ที่ใช้และมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ได้รับความเสียหายเป็นหลุมกว้างประมาณ 30 ซม.ลึก 40 ซม.
รวมทั้งเมื่อ ร.ต.ท.ณัฐวุฒิ สุขวัต กับพวกจะเข้าแสดงตัวและขอตรวจค้นตัวจำเลยที่มีเจตนาฆ่าเจ้าพนักงานโดยใช้ระเบิดแสวงเครื่องจำนวน 1 ชุด โยนและทำให้ระเบิดเข้าใส่ ร.ต.ท.ณัฐวุฒิ กับพวก แต่ ร.ต.ท.ณัฐวุฒิกับพวกวิ่งเข้าหลบที่ท้ายรถยนต์สายตรวจ แต่ ร.ต.ท.ณัฐวุฒิได้รับบาดเจ็บเยื่อแก้วหูซ้ายฉีกขาด ประสาทรับเสียงเสื่อม และน.ส.ฝนหยก โพธิ์ไพงาม ซึ่งเดินอยู่บริเวณดังกล่าวได้รับบาดเจ็บหูอื้อ การได้ยินลดลง ปวดหูด้วย