ศาลอาญากรุงเทพใต้ นัดพิพากษาแก๊งอิหร่านวางแผนปาระเบิดแสวงเครื่อง ภายในซอยสุขุมวิท 71 ทำตำรวจ สน.คลองตันบาดเจ็บ 22 ส.ค.นี้
วันนี้ (4 ก.ค.) ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง 63 ศาลนัดพร้อมเพื่อกำหนดนัดฟังคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ ด.1446/2555 ที่อัยการคดีอาญากรุงเทพใต้ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายซาอิด โมราดิ (SAEID MORADI) อายุ 29 ปี ซึ่งขาซ้ายขาดจากเหตุระเบิด ขณะที่ตาขวาบอดเพราะได้รับผลกระทบจากเหตุระเบิด และนายมูฮัมหมัด ฮาซาอิ (Mohammad Khazaei) อายุ 43 ปี ชาวอิหร่าน เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดเกี่ยวกับการก่อให้เกิดระเบิด, ก่อให้เกิดเพลิงไหม้, ทำให้เสียทรัพย์ และ พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน พ.ศ. 2490 และพยายามฆ่าผู้อื่น รวม 6 ข้อหา ซึ่งจำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
โดยวันนี้ศาลนัดพร้อมเพื่อให้ พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ ผกก.กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด บช.น. และ พ.ต.ท.ฤทธี ปานดำ รอง ผกก.ป.สน.มักกะสัน อดีต สว.สืบสวน สน.คลองตัน พยานโจทก์ทั้ง 2 ปาก ได้เซ็นรับรองเอกสารคำเบิกความที่เคยให้การไว้ในชั้นศาลเมื่อวันที่ 5-6 ก.พ.ที่ผ่านมา เนื่องจากพยานยังไม่ได้ลงลายมือชื่อให้ครบถ้วน
ทั้งนี้ ศาลได้อ่านคำเบิกความทั้งหมดให้พยานทั้งสองฟังแล้วพยานได้เซ็นรับรองเอกสารครบถ้วน จากนั้นศาลจึงได้กำหนดนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 22 ส.ค.นี้ เวลา 10.00 น. โดยศาลระบุเหตุที่กำหนดนัดฟังคำพิพากษาเกิน 1 เดือน เนื่องจากคดีมีพยานบุคคล พยานเอกสารจำนวนมาก ประกอบองค์คณะผู้พิพากษามีสำนวนคดีอื่นต้องพิจารณาด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้จำเลยทั้งสองถูกเบิกตัวมาจากเรือนจำเพื่อฟังการพิจารณา ซึ่งนายซาอิด จำเลยที่ 1 ขาขาด ได้นั่งรถเข็นของกรมราชทัณฑ์มาขึ้นศาล
สำหรับคดีนี้อัยการได้ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2555 ระบุว่า ระหว่างวันที่ 19 ธ.ค. 2554 - 14 ก.พ. 2555 ต่อเนื่องกัน จำเลยทั้งสองกับนางไลลา โรฮานี (LEILA ROHANI) นายซีดา กาต ซาเดห์ มาซุด (SEDA GHAT ZADEH MASOUD) และนายนูโรซิ ซายัน อาลี อักบาร์ (NOROUZI SHAYAN ALI AKBAR) พวกของจำเลยทั้งสองที่หลบหนียังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ร่วมกันทำและร่วมกันมีไว้ซึ่งวัตถุระเบิดที่ใช้เครื่องรับวิทยุ AM-FM แบบมีไฟฉายยี่ห้อ SONITEC รุ่น ST 2040 U ผลิตจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ขนาดกว้าง 9 ซม. ยาว 20.5 ซม. สูง 14.5 ซม. นำมาดัดแปลงประกอบกับชุดเรือนชนวนของลูกระเบิดขว้างชนิดสังหาร ภายในบรรจุวัตถุระเบิดแรงสูงชนิดซีโฟร์ น้ำหนัก 1.5 กก. ฝักแคระเบิดยาวประมาณ 96 ซม. และโลหะลูกปราย ขนาดประมาณ 0.6 ซม. จำนวน 103 ชิ้น ทำเป็นสะเก็ดระเบิดประกอบติดแผ่นโลหะกับแม่เหล็กแรงสูง ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 3 ซ.ม. จำนวน 6 ตัว ไว้บริเวณด้านล่างของเครื่องรับวิทยุ AM-FM แบบมีไฟฉาย รวมทั้งสิ้นจำนวน 5 ชุด สามารถใช้งานได้ จัดเป็นระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบเป็นระบบกลไกโดยใช้ชุดเรือนชนวนของลูกระเบิดขว้างชนิดสังหาร เป็นตัวจุดระเบิดประกอบกับวัตถุระเบิดแรงสูงชนิดซีโฟร์ และฝักแคระเบิด เป็นดินระเบิดหลัก ประกอบรวมกันใส่ไว้ในเครื่องรับวิทยุ AM-FM แบบมีไฟฉาย โดยมีโลหะลูกปรายทำเป็นสะเก็ดระเบิดประกอบติดแผ่นโลหะกับแม่เหล็กแรงสูงสำหรับติดกับเป้าหมาย เมื่อดึงสลักออกจากกระเดื่องนิรภัยแล้วปล่อยกระเดื่องนิรภัย เข็มแทงชนวนที่ตัวเรือนชนวนจะทำงานถ่วงเวลาประมาณ 5 วินาที ก็จะเกิดระเบิดขึ้นสามารถสังหารชีวิตและทรัพย์สินให้ได้รับความเสียหายได้ในรัศมีประมาณ 10-15 เมตร
โดยเมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2555 เวลากลางวัน จำเลยทั้งสองและนายซีดา กาต ซาเดห์ มาซุด (SEDA GHAT ZADEH MASOUD) พวกของจำเลยทั้งสองที่หลบหนียังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ได้ร่วมกันใช้ระเบิดแสวงเครื่องจำนวน 1 ชุดที่จำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันทำ และร่วมกันมีทำให้เกิดระเบิดขึ้นจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่น และเป็นเหตุให้บ้านเลขที่ 66 ซอยปรีดีพนมยงค์ 31 (เจริญใจ) แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. ของนายบัญฑิต พิฑูรมานิต ได้รับอันตรายและได้รับความเสียหายทั้งหลัง รวมทั้งทรัพย์สินเฟอร์นิเจอร์ที่อยู่ภายในบ้านดังกล่าวได้รับความเสียหายทั้งหมด ไม่สามารถซ่อมแซมได้ รวมค่าเสียหายทั้งสิ้น 5 ล้านบาท นอกจากนั้นการทำให้ระเบิดของจำเลยที่ 1 ยังเป็นเหตุให้บ้านของนายธีระพล หอประสาททอง, นางจุฑาทิพย์ สัจจะดำรงค์, น.ส.กนกวรรณ ศรีเทพ, ร.อ.ชัชวาล อรรถจินดา, บริษัท เอส เอ็ม โอเชียน กรุ๊ป, นายกรเกียรติ ชุณหกสิการ, น.ส.พเยาว์ รอดดี และ บริษัทไทย เอ้า ฉี ฟรุ๊ตส์ จำกัด รวมทั้งรถยนต์แท็กซี่หมายเลขทะเบียน ทร 1419 กรุงเทพมหานคร ของสหกรณ์เจริญเมืองแท็กซี่ จำกัด ซึ่งขณะเกิดเหตุมีนายขรรค์ชัย บุญสูงเนิน ขับขี่ผ่านมาได้รับความเสียหายทั้งคันราคา 200,000 บาท และทำให้ผิวถนนบริเวณกลางซอยปรีดีพนมยงค์ 31 ซึ่งอยู่ในความครอบครองดูแลของกรุงเทพมหานคร และเป็นทรัพย์ที่ใช้และมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ได้รับความเสียหายเป็นหลุมกว้างประมาณ 30 ซม. ลึก 40 ซม.
รวมทั้งเมื่อ ร.ต.ท.ณัฐวุฒิ สุขวัต กับพวก จะเข้าแสดงตัวและขอตรวจค้นตัว จำเลยที่ 1 มีเจตนาฆ่าเจ้าพนักงานโดยใช้ระเบิดแสวงเครื่องจำนวน 1 ชุด โยนและทำให้ระเบิดเข้าใส่ ร.ต.ท.ณัฐวุฒิ กับพวก แต่ ร.ต.ท.ณัฐวุฒิกับพวกวิ่งเข้าหลบที่ท้ายรถยนต์สายตรวจ แต่ ร.ต.ท.ณัฐวุฒิได้รับบาดเจ็บเยื่อแก้วหูซ้ายฉีกขาด และ น.ส.ฝนหยก โพธิ์ไพงาม ซึ่งเดินอยู่บริเวณดังกล่าวได้รับบาดเจ็บหูอื้อ การได้ยินลดลงด้วย