ตรงเป้า
ศรรามา
ครึ่งเดือนธันวาคมเดือนที่ปวงชนชาวไทยถือว่าเป็น “เดือนมหามงคล” ยกเว้นกลุ่มล้มเจ้า ซึ่งยังพยายามแพร่พันธุ์ชั่วจนบัดนี้ได้เกิดปรากฏการณ์แปลกๆ เกิดขึ้นหลายเหตุการณ์
กระทรวงมหาดไทย โดยคำสั่งของ นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวง ห้ามทุกจังหวัดจุดพลุในวันเฉลิมพระชนมพรรษา
หลังจากเสร็จสิ้นพระราชพิธีออกมหาสมาคม ณ สีหบัญชร พระที่นั่งอนันตสมาคม และงานสโมสรสันนิบาต ซึ่งรัฐบาลจัดขึ้นที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวว่า นายกรัฐมนตรี “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เป็นไข้หวัดไม่สามารถไปร่วมรัฐพิธีวันรัฐธรรมนูญ 10 ธันวาคม 2555 ที่หน้ารัฐสภาได้ แต่ในวันที่ 9 ธันวาคม ยิ่งลักษณ์ ยังไปปฏิบัติภารกิจนอกบ้านได้ ก็เลยมีเสียงนินทาตามมา นอกจากไม่ชอบสภาแล้ว นางสาวลูกหนึ่งยังไม่ชอบรัฐธรรมนูญเก่าๆ ด้วย
วันที่ 10 ธันวาคม 2555 พรรคร่วมรัฐบาลประชุมเรื่องการลงมติวาระ 3 แก้ไขรัฐธรรมนูญ ขณะที่ ยิ่งลักษณ์ อยู่บ้านโทร.ไปหาพี่ชายที่ดูไบในเรื่องเดียวกันนี้ ขณะที่คนเสื้อแดงจัดแรลลี่มอเตอร์ไซค์ และปิกอัพตระเวนกรุง นำโดย พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ นรต.35 แกนนำเสื้อแดงระดับแนวหน้า และมีตำรวจจราจรนำหน้าขบวนแรลลี่ด้วย
การจราจรในวันหยุดต้องติดขัดเป็นช่วงๆ เมื่อแรลลี่เสื้อแดงผ่านไปถึงกระนั้นก็ยังพอทำเนาแต่เสียงที่ประชาชนได้ยินเต็มสองหูที่กลุ่มคนเสื้อแดงร้องตะโกนมันหมายถึงอะไร
“เรารักพระบรม”
“เป็นขี้ข้าทักษิณมันหนักหัวใคร”
จนกระทั่ง พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ไปจัดมวยไทยที่มาเก๊าถ่ายทอดสดมาไทย โดยสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์
แค่ถ่ายทอดมวยชกกันมันก็ไม่มีอะไร มันก็เหมือนสถานีโทรทัศน์ช่องอื่นๆ เขาทำกัน เพียงแต่ช่อง 11 ไม่ได้ทำเพราะเป็นสถานีโทรทัศน์ของรัฐบาล แต่นี่ดันมี “ทักษิณ ชินวัตร”ที่คนไทยรู้จักกันดีในฐานะเป็นนักโทษหนีคุกและผู้ก่อการร้าย โผล่มาเป็นประธานเปิดการแข่งขัน
ถ้าทักษิณกล่าวเปิดการแข่งขันอย่างเดียว ผู้คนยังพอรับได้ แม้จะไม่มีความเหมาะสมในเรื่องที่สถานีโทรทัศน์ของรัฐบาลทำไม่ถูกไม่ควรก็ตาม แต่ทักษิณกลับฉวยโอกาสนี้พูดเรื่องการเมืองแสดงปมเขื่องให้ทั่วโลกเห็นว่ารัฐบาลไทยชุดนี้ยอมรับว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ เป็นผู้ถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง จึงสามารถออกโทรทัศน์ของรัฐบาลได้เหมือนกับที่รัฐบาลไทยยกเลิกการยึดหนังสือเดินทางแล้วออกหนังสือเดินทางให้ใหม่ดังที่เคยเขียนไปแล้วว่า ผลงานชิ้นนี้แหละที่ทำให้ทักษิณ สั่งปูนบำเหน็จแก่ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นรองนายกรัฐมนตรีอีกตำแหน่ง
เรื่องทักษิณยึดโทรทัศน์รัฐบาลได้เป็นที่รู้กันอยู่ว่ามีการเตรียมการมาก่อน คงไม่มีใครด้อยสติปัญญาดังที่ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ชี้แจงว่า ไปพบทักษิณโดยบังเอิญจึงเชิญมาเป็นประธาน
เรื่องนี้ก็เหมือนกัน คนไทยอยากฟังนายกฯ ยิ่งลักษณ์ จะมีความเห็นต่อภาพที่ทิ่มแทงหัวใจคนไทยอย่างไรบ้าง เพราะสังคมซาบซึ้งว่า นายกฯ คนนี้มักทำตัวลอยเหนือปัญหา และบ่อยครั้งที่โยนปัญหาไปให้คนอื่น
ตอนแรก ยิ่งลักษณ์ ออกตัวว่ามารู้เรื่องนี้หลังจากการถ่ายทอดเสร็จสิ้นแล้ว โยนปัญหาไปที่ น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กับ กรมประชาสัมพันธ์ แต่พอนึกได้ก็รีบสลัดภาพจอมโยนปัญหาทิ้งอย่างรวดเร็ว โดยให้ความเห็นว่าเป็นสิ่งที่ทักษิณทำได้เพราะไม่ได้พูดเรื่องที่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ
เช่นเดียวกับ น.ส.ศันสนีย์ หยิบเรื่องสิทธิเสรีภาพของบุคคลมาเอ่ยอ้าง โดยไม่ยอมให้ความเห็นว่าเป็นเรื่องถูกต้องหรือไม่ ส่วนที่รัฐมนตรีอย่าง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โดดมาร่วมวงปกป้องกันทักษิณนั้น ผู้คนมองเห็นเป็นเรื่องน่าเวทนา และเป็นหน้าที่ของนายณัฐวุฒิที่ต้องกระทำเพราะนายณัฐวุฒิสังกัดซุ้ม “มีวันนี้เพราะพี่ให้”
อีกเหตุการณ์ที่สะเทือนขวัญสองรายเกิดขึ้นในวันที่ 11 ธันวาคม 2555 รายแรกตอนเช้าคนร้ายขับปิกอัพไปจอดหน้าร้านน้ำชาบ้านดามาบูเวาะ หมู่ 1 ต.ตันหยงลิมอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ชาย 3 คนที่นั่งกระบะท้าย สาดกระสุนใส่ร้าน ด้วยปืนเอ็ม 16 ปืนเอชเค และปืนอาก้า แล้วบึ่งรถหลบหนีตำรวจเก็บปลอกกระสุนปืน 3 ชนิด ได้ 40 ปลอก ตาย 4 ศพ มีทั้งชายชราอายุ 74 และเด็กหญิงวัย 11 เดือน บาดเจ็บสาหัส 4 ราย
อีกรายไปเกิดที่ อ.มายอ จ.ป้ตตานี ครู ร.ร.บ้านบาโง หมู่1 ต.ปานัน 7 คน กำลังรับประทานอาหารกลางวันในโรงอาหาร คนร้ายแต่งกายชุดลายพราง บุกเข้าไปปฏิบัติการโหดเหี้ยม ใช้ปืนเอ็ม 16 ยิงศีรษะ นางตติยรัตน์ ช่วยแก้ว อายุ 51 ผู้อำนวยการ ร.ร.กับ นายสมศักดิ์ ขวัญมา อายุ 38 ครูช่วยสอนตายคาที่ เป็นศพครู 3 จังหวัดภาคใต้ที่ตกเป็นเหยื่อโจรรายที่ 156 และ 157
คดีนี้มีเงื่อนงำคนร้ายเจาะจงชีวิต ผอ.กับครู 2 คน ซึ่งเป็นไทยพุทธ โดยไม่ทำร้ายครูไทยอิสลามอีก 5 คน ต้องมาดูลาดเลามาก่อน จึงรู้ว่าครูคนไหนเป็นไทยพุทธ รู้ว่ารถปิกอัพที่จอดอยู่เป็นของนายสมศักดิ์ จึงล้วงกุญแจรถในกระเป๋ากางเกงนายสมศักดิ์ แล้วเอารถปิกอัพไปด้วยนอกจากนี้ ยังรู้ว่าตอนกลางวันไม่มีทหารคุ้มครอง และกล้องวงจรปิดของโรงเรียนเสียใช้การไม่ได้
สำนักข่าวอิศรา รายงานเรื่องสถานการณ์ 3 จังหวัดภาคใต้ ว่า องค์กรนิรโทษกรรมสากล ซึ่งเป็นองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนระดับโลก เรียกร้องให้สมาชิกขององค์กรเขียนจดหมายจะเป็นภาษาไทย ภาษาอังกฤษ หรือภาษาประเทศของตัวเอง ส่งไปให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีไทย นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต.ก่อนวันที่ 9 มกราคม 2556
เรียกร้องให้มีมาตรการที่มีประสิทธิภาพในการคุ้มครองความปลอดภัยแก่ครูและประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นประการสำคัญ
องค์กรนี้คงไม่รู้ว่าคนที่รับผิดชอบดูแลแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้ของไทย นั้นคือ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”นายกรัฐมนตรี
ชอบโยนปัญหาไปให้คนอื่นนักแล้วคราวนี้วันเดียวตาย 7 ศพ“ยิ่งลักษณ์”จะโยนปัญหาไปให้ใคร ขอแนะนำโยนไปให้“ทักษิณ”เจ้าของคำพูด“โจรกระจอก”เหมาะที่สุด