ผบช.น.มอบนโยบายตำรวจสายตรวจระดมกวาดล้างอาชญากรรมในกรุงเทพฯ เน้นจับกุมคดีค้างเก่า และอาวุธปืน โดยนำแท็กซี่ จยย.รับจ้าง รปภ.อาสาฯ ช่วยงาน รวมทั้งขอความร่วมมือประชาชนติดกล้องวงจรปิดด้วย
วันนี้ (8 ธ.ค.) ที่ห้องประชุม สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน เมื่อเวลา 11.00 น. พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น. และ พล.ต.ต.มานิต วงศ์สมบูรณ์ รอง ผบช.น. ได้ร่วมประชุมเพื่อมอบนโยบายแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจสายงานป้องกันปราบปรามในพื้นที่นครบาล จำนวน 360 นาย
โดย พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวในที่ประชุมว่า การมอบนโยบายในวันนี้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องระดมกำลังป้องกันเหตุอาชญากรรม ซึ่งทาง บช.น.มีการจัดโครงการต่างๆ ทั้งระดมกวาดล้างอาวุธปืน การจับคดีผู้ต้องหาหมายค้างเก่า การนำอาสาทั้งผู้ขับขี่รถแท็กซี่ ผู้ขับขี่ รถจักรยานยนต์รับจ้าง รวมทั้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย มาช่วยงานในโครงการดังกล่าวด้วย
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวต่อว่า เนื่องจากว่ามีข้าราชการตำรวจโยกย้ายมาใหม่และหมุนเวียนตำแหน่งกัน ทำให้ พล.ต.ต.อนุชัย แล ะพล.ต.ต.มานิต จัดอบรมโครงการนี้ขึ้นมาเพื่อวางแผนป้องกันการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ซึ่งต้องได้ผลมากกว่านี้ เพราะจากสถิติที่ผ่านมาคดีที่เกี่ยวกับทรัพย์เพิ่มมากขึ้นจึงต้องให้สายตรวจทำงานอย่างจริงจังมากขึ้น ถ้างานป้องกันดีปัญหาอาชญากรรมต่างๆ ก็จะลดน้อยลง ทั้งนี้ ขอให้ตำรวจตั้งใจทำงานเพื่อประชาชน รวมทั้งขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนในเรื่องของกล้องซีซีทีวีในการช่วยงานตำรวจจับคนร้ายด้วย
“ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกนายที่มาในวันนี้กลับไปถ่ายทอดความรู้ให้แก่ระดับสารวัตรเพื่อนำไปปฏิบัติหน้าที่ ส่วนเรื่องเด็กนักเรียนตีกันนั้น ในพื้นที่บางโพ ภายในวัดสร้อยทอง เป็นเรื่องที่วัยรุ่นมีการเขม่นกันมาก่อนแล้วเกิดการทะเลาะวิวาทกัน เช่นเดียวกับกรณีของเด็กแว้น ซึ่งในช่วงระหว่าง 03.00-06.00 น. จะเน้นป้องกันเป็นพิเศษ แต่เหตุส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นจะออกมาจากสถานที่เที่ยวกลางคืนแล้วออกมาก่อเหตุทะเลาะวิวาทกัน” พล.ต.ท.คำรณวิทย์กล่าว
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนการที่ปรับเปลี่ยน สวป. นั้น ต้องให้ระยะเวลาในการทำงานก่อน ซึ่งหากทำงานไม่ได้ผลก็จะถูกปรับเปลี่ยนแน่นอน โดยให้เวลาประเมินการทำงาน 1 เดือนก็พอแล้วก็รู้ว่าใครทำงานใครไม่ทำงานบ้าง