ตร.ยังไม่ฟันธงสาเหตุขัดแย้งสถาบันยิงถล่มนักศึกษาสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันบนรถแท็กซี่ พร้อมจัดทำบัญชีดำสถาบันสุ่มเสี่ยงนักเรียนนักเลงพื้นที่ บก.น.1-9
วันนี้ (12 พ.ย.) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.มานิต วงศ์สมบูรณ์ รอง ผบช.น. รับผิดชอบงานด้านป้องกันปราบปราม เปิดเผยความคืบหน้ากรณีคนร้ายขี่จักรยานยนต์ 2 คัน ใช้อาวุธปืนตามไล่ยิงนายจักรพันธ์ แตงงาม อายุ 20 ปี นักศึกษาสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน เสียชีวิตคารถแท็กซี่ พร้อมกับมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 2 ราย บริเวณถนนพหลโยธิน ฝั่งขาออก หน้าสวนจตุจักร เมื่อวันที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.บางซื่อ และบก.น.2 ได้รายงานมาว่ายังไม่ทราบตัวคนก่อเหตุ โดยเบื้องต้นได้ให้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดตั้งแต่จุดแรกบริเวณห้างโลตัส พระราม 1 ที่คาดว่าคนร้ายขี่จักรยานยนต์ตามมาจนถึงจุดเกิดเหตุ โดยภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่ายังไม่ชัดเจนเพราะเป็นเวลากลางคืน รวมทั้งการตรวจหมายเลขทะเบียนจักรยานยนต์พบว่ายังไม่ชัดเจนเช่นเดียวกัน
พล.ต.ต.มานิตกล่าวอีกว่า ส่วนในวันเกิดเหตุนักศึกษาสถาบันดังกล่าว 2 คนได้ไปกินข้าวกับรุ่นพี่ที่จบไปแล้วจากสถาบันเดียวกันที่ห้างโลตัส พระราม 1 ต่อมาได้เข้าไปสอบถามวัยรุ่นคนหนึ่งว่าเป็นนักศึกษาอุเทนถวายหรือไม่ ซึ่งวัยรุ่นตอบกลับมาว่าไม่ใช่จึงเดินกลับมา จากนั้นได้เรียกรถแท็กซี่บริเวณนด้านหน้าห้างโลตัสพร้อมกับนั่งกันมา 3 คน จนกระทั่งมาเกิดเหตุในที่สุด อย่างไรก็ตามยังไม่สรุปว่าสาเหตุที่เกิดขึ้นมาจากความขัดแย้งระหว่างสถาบันหรือไม่ เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน
พล.ต.ต.มานิตกล่าวต่อว่า สำหรับมาตรการดูแลและป้องกันเหตุนักเรียนตีกันได้สั่งการไปยังทุกพื้นที่ให้สำรวจสถาบันการศึกษาเฝ้าระวังที่สุ่มเสี่ยงจะเกิดการทะเลาะวิวาทและจุดเสี่ยงต่างๆ อีกหลายจุด โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่โรงพักอยู่ในท้องที่สถาบันเฝ้าระวังให้ประสานกับทางฝ่ายปกครองของสถาบันนั้นๆ ว่าเด็กกลุ่มเสี่ยงมีกี่กลุ่มพร้อมตรวจค้นตู้ล็อกเกอร์เก็บของ และร้านค้าต่างๆ ที่อยู่บริเวณโดยรอบสถาบันเพื่อสกัดกั้นการก่อเหตุ เพราะเด็กกลุ่มเสี่ยงนี้จะไม่เก็บไว้กับตัว แต่จะฝากตามร้านค้าข้างโรงเรียน รวมทั้งจัดกำลังกองร้อยควบคุมฝูงชนของแต่ละ บก.เป็นกำลังเสริมในการช่วยเข้าระงับเหตุเพิ่มเข้ามาอีก 12 คน เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นสัญญาบัตร 1 คนและชั้นประทวน 11 คน เพื่อเพิ่มกำลังเฝ้าตามจุดเสี่ยงต่างๆ ที่จะมีเหตุ
“สำหรับสถาบันการศึกษาที่สุ่มเสี่ยงก่อเหตุในแต่ละ บก.น. เจ้าหน้าที่ได้จัดทำประวัติไว้ ประกอบไปด้วย บก.น.1 วิทยาลัยเทคนิคดุสิต บก.น.2. โรงเรียนกองทัพบกอุปถัมภ์ หรือช่างกล ขส.ทบ., วิทยาลัยเทคโนโลยีไทยวิจิตรศิลป์, วิทยาลัยเทคโนโลยีรัตนโกสินทร์ และวิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง บก.น.3. วิทยาลัยเทคนิคมีนบุรีโปลีเทคนิค, วิทยาลัยเทคนิคมีนบุรี และวิทยาลัยเทคนิคกาญจนาภิเษกมหานคร บก.น.4. วิทยาลัยเทคโนโลยีช่างอุตสาหกรรมกรุงเทพ และวิทยาลัยเทคโนโลยีบางกะปิ” รอง ผบช.น.กล่าว
พล.ต.ต.มานิตกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับ บก.น.5. โรงเรียนเจ้าพระยาวิทยาคม, โรงเรียนนนทรีวิทยา, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ, วิทยาลัยอาชีวศึกษาเอี่ยมละออ, โรงเรียนปทุมคงคา และเทคโนโลยีกรุงเทพ บก.น.6. สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย บก.น.7. โรงเรียนไทยอาชีวศึกษา, วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม, วิทยาลัยอาชีวศึกษากรุงเทพ ธนบุรี และโรงเรียนโพลีเทคนิคพาณิชย์กรุงเทพ บก.น.8 ไม่มี บก.น.9 วิทยาลัยเทคนิคราชสิทธาราม, วิทยาลัยเทคโนโลยีกรุงธน และวิทยาลัยเทคโนโลยีบ้านครู
วันนี้ (12 พ.ย.) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.มานิต วงศ์สมบูรณ์ รอง ผบช.น. รับผิดชอบงานด้านป้องกันปราบปราม เปิดเผยความคืบหน้ากรณีคนร้ายขี่จักรยานยนต์ 2 คัน ใช้อาวุธปืนตามไล่ยิงนายจักรพันธ์ แตงงาม อายุ 20 ปี นักศึกษาสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน เสียชีวิตคารถแท็กซี่ พร้อมกับมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 2 ราย บริเวณถนนพหลโยธิน ฝั่งขาออก หน้าสวนจตุจักร เมื่อวันที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.บางซื่อ และบก.น.2 ได้รายงานมาว่ายังไม่ทราบตัวคนก่อเหตุ โดยเบื้องต้นได้ให้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดตั้งแต่จุดแรกบริเวณห้างโลตัส พระราม 1 ที่คาดว่าคนร้ายขี่จักรยานยนต์ตามมาจนถึงจุดเกิดเหตุ โดยภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่ายังไม่ชัดเจนเพราะเป็นเวลากลางคืน รวมทั้งการตรวจหมายเลขทะเบียนจักรยานยนต์พบว่ายังไม่ชัดเจนเช่นเดียวกัน
พล.ต.ต.มานิตกล่าวอีกว่า ส่วนในวันเกิดเหตุนักศึกษาสถาบันดังกล่าว 2 คนได้ไปกินข้าวกับรุ่นพี่ที่จบไปแล้วจากสถาบันเดียวกันที่ห้างโลตัส พระราม 1 ต่อมาได้เข้าไปสอบถามวัยรุ่นคนหนึ่งว่าเป็นนักศึกษาอุเทนถวายหรือไม่ ซึ่งวัยรุ่นตอบกลับมาว่าไม่ใช่จึงเดินกลับมา จากนั้นได้เรียกรถแท็กซี่บริเวณนด้านหน้าห้างโลตัสพร้อมกับนั่งกันมา 3 คน จนกระทั่งมาเกิดเหตุในที่สุด อย่างไรก็ตามยังไม่สรุปว่าสาเหตุที่เกิดขึ้นมาจากความขัดแย้งระหว่างสถาบันหรือไม่ เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน
พล.ต.ต.มานิตกล่าวต่อว่า สำหรับมาตรการดูแลและป้องกันเหตุนักเรียนตีกันได้สั่งการไปยังทุกพื้นที่ให้สำรวจสถาบันการศึกษาเฝ้าระวังที่สุ่มเสี่ยงจะเกิดการทะเลาะวิวาทและจุดเสี่ยงต่างๆ อีกหลายจุด โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่โรงพักอยู่ในท้องที่สถาบันเฝ้าระวังให้ประสานกับทางฝ่ายปกครองของสถาบันนั้นๆ ว่าเด็กกลุ่มเสี่ยงมีกี่กลุ่มพร้อมตรวจค้นตู้ล็อกเกอร์เก็บของ และร้านค้าต่างๆ ที่อยู่บริเวณโดยรอบสถาบันเพื่อสกัดกั้นการก่อเหตุ เพราะเด็กกลุ่มเสี่ยงนี้จะไม่เก็บไว้กับตัว แต่จะฝากตามร้านค้าข้างโรงเรียน รวมทั้งจัดกำลังกองร้อยควบคุมฝูงชนของแต่ละ บก.เป็นกำลังเสริมในการช่วยเข้าระงับเหตุเพิ่มเข้ามาอีก 12 คน เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นสัญญาบัตร 1 คนและชั้นประทวน 11 คน เพื่อเพิ่มกำลังเฝ้าตามจุดเสี่ยงต่างๆ ที่จะมีเหตุ
“สำหรับสถาบันการศึกษาที่สุ่มเสี่ยงก่อเหตุในแต่ละ บก.น. เจ้าหน้าที่ได้จัดทำประวัติไว้ ประกอบไปด้วย บก.น.1 วิทยาลัยเทคนิคดุสิต บก.น.2. โรงเรียนกองทัพบกอุปถัมภ์ หรือช่างกล ขส.ทบ., วิทยาลัยเทคโนโลยีไทยวิจิตรศิลป์, วิทยาลัยเทคโนโลยีรัตนโกสินทร์ และวิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง บก.น.3. วิทยาลัยเทคนิคมีนบุรีโปลีเทคนิค, วิทยาลัยเทคนิคมีนบุรี และวิทยาลัยเทคนิคกาญจนาภิเษกมหานคร บก.น.4. วิทยาลัยเทคโนโลยีช่างอุตสาหกรรมกรุงเทพ และวิทยาลัยเทคโนโลยีบางกะปิ” รอง ผบช.น.กล่าว
พล.ต.ต.มานิตกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับ บก.น.5. โรงเรียนเจ้าพระยาวิทยาคม, โรงเรียนนนทรีวิทยา, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ, วิทยาลัยอาชีวศึกษาเอี่ยมละออ, โรงเรียนปทุมคงคา และเทคโนโลยีกรุงเทพ บก.น.6. สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย บก.น.7. โรงเรียนไทยอาชีวศึกษา, วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม, วิทยาลัยอาชีวศึกษากรุงเทพ ธนบุรี และโรงเรียนโพลีเทคนิคพาณิชย์กรุงเทพ บก.น.8 ไม่มี บก.น.9 วิทยาลัยเทคนิคราชสิทธาราม, วิทยาลัยเทคโนโลยีกรุงธน และวิทยาลัยเทคโนโลยีบ้านครู
