xs
xsm
sm
md
lg

โจ๋โหด! ควบฟีโน่จ่อยิงอริดับคาแท็กซี่

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

 เจ้าหน้าที่ตรวจสอบสภาพศพ นายจักรพันธ์ แดงงาม อายุ 20 ปี  ที่ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตขณะโดยสารรถแท็กซี่มากับเพื่อน เหตุเกิดบริเวณด้านหน้าสวนจตุจักร
วัยรุ่นสุดโหด! ควบฟีโน่ 2 คันไล่กวดคู่อริที่กำลังโดยสารในรถแท็กซี่ เมื่อสบโอกาสรถติดไฟแดงหน้าสวนจตุจักรจึงเดินลงมาจ่อยิงดับคาที่ 1 ราย และบาดเจ็บอีก 2 ราย ตำรวจตั้งปมการฆ่าล้างแค้น

วานนี้ (9 พ.ย.) เมื่อเวลา 19.00 น. พ.ต.ท.นิติเวช เสาะแสวง พนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.บางซื่อ รับแจ้งเหตุยิงกันบนถนนพหลโยธินฝั่งขาออกช่วงสวนจตุจักร ตรงข้าม ธ.ทหารไทย สำนักงานใหญ่ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต จึงได้รายงานผู้บังคับบัญชาก่อนเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.สุนทร คงกล่ำ ผกก.สน.บางซื่อ แพทย์เวร จาก รพ.รามาธิบดี เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานกลาง (พฐก.) และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู
        
ที่เกิดเหตุพบรถแท็กซี่ สีเขียวเหลือง หมายเลขทะเบียน มจ 7003 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่กลางถนน กระจกด้านหลังซ้ายกับขวาแตกกระจายทั้ง 2 บาน ใกล้กันพบศพ นายจักรพันธ์ แดงงาม อายุ 20 ปี สวมเสื้อโปโลแขนสั้นสีขาว กางเกงยีนส์ มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด.38 เข้าที่ไหล่ซ้าย 3 นัด นอกจากนี้ ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 2 ราย เจ้าหน้าที่ได้นำส่งโรงพยาบาลเปาโลเมโมเรียล สะพานควาย ทราบชื่อคือ นายกิตติศักดิ์ ชื่นด้วง และนายณัฐพล นำหน้ากองทัพ
        
สอบสวน นายเกรียงเดช ขำบุตร คนขับรถแท็กซี่ และพยานที่เห็นเหตุการณ์เปิดเผยว่า ได้รับผู้โดยสารทั้ง 3 คนมาจากถนนบรรทัดทอง และจะไปส่งที่เดอะมอลล์บางกะปิ โดยระหว่างทางทั้ง 3 คน พยายามเร่งให้ตนขับรถเพิ่มความเร็วเหมือนหลบหนีใครมา เมื่อถึงจุดเกิดเหตุมีคนร้าย 4 คน ขับรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นฟีโน่ มา 2 คัน จอดริมถนนในขณะที่รถกำลังติดสัญญาณไฟแดง คนร้ายได้เดินลงมาจากรถจักรยานยนต์ก่อนใช้อาวุธปืนยิงใส่เข้าที่กระจกรถแท็กซี่ด้านซ้าย ก่อนวิ่งไปขึ้นรถขับหลบหนีไปทางถนนวิภาวดีขาออก
    
ด้าน พ.ต.อ.สุนทร  เปิดเผยว่า จากการสอบสวนพยานคาดว่ากลุ่มผู้ตายและคนร้ายน่าจะมีเรื่องกันมาก่อน จึงถูกตามมาล้างแค้น แต่อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบหลักฐานใดๆ ที่ระบุได้ว่าผู้ตายเป็นนักเรียนช่างกล และหากเป็น นักเรียนช่างกลก็ไม่ทราบว่าอยู่สถาบันไหน จึงต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนจะลงพื้นที่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อติดตามตัวมือปืนโหดรายนี้มาดำเนินคดีต่อไป

ต่อมาเมื่อช่วงเช้าวันที่ 10 พ.ย. ที่ สน.บางซื่อ พ.ต.อ. เจริญ ศรีศศลักษณ์ รอง ผบก.น.2 เรียกเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สน.บางซื่อ เจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.น.2 และชุดสืบสวน บช.น. ร่วมประชุมคดีดังกล่าว โดย พ.ต.อ.เจริญ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนแบ่งหน้าที่งานกัน โดยตำรวจจาก กก.สส.บก.น.2 จะตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ตั้งแต่จุดแรก บริเวณห้างโลตัส สาขาบรรทัดทอง ที่กลุ่มผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตได้เรียกรถแท็กซี่เพื่อจะไปเดอะมอลล์ บางกะปิ ซึ่งใช้เส้นทางเริ่มต้นจากถนนบรรทัดทอง วิ่งเข้าเส้นถนนเพชรบุรีเลี้ยวเข้าถนนพญาไท ก่อนมุ่งหน้าไปที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เลี้ยวเข้าสี่แยกสะพานควาย ผ่านสวนจตุจักรขาออก จนกระทั่งรถแท็กซี่จอดติดไฟแดง ที่บริเวณห้าแยกลาดพร้าว

พ.ต.อ. เจริญ กล่าวอีกว่า จากนั้นคนร้ายที่ขี่รถจยย.ติดตามมา 2 คัน มีทั้งหมด 4 คน โดย 1 ใน 4 คนร้ายได้ใช้อาวุธปืนจ่อยิงเข้าไปภายในรถแท็กซี่คันเกิดเหตุ จนทำให้ นาย จักรพันธ์ แดงงาม เสียชีวิตทันที รวมทั้งมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ถูกนำส่งโรงพยาบาลเปาโลเมโมเรียล สะพานควาย เพื่อรักษาตัวแล้ว

“ส่วนเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บช.น. จะตรวจสอบกระสุนปืนขนาด .38 ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ และนำไปเปรียบเทียบกับคดี ยิงอดีตนักเรียนช่างกลที่เสียชีวิต ย่านหนองจอก เมื่อวันที่ 23 ต.ค.ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ฝ่ายสืบสวนของ สน.บางซื่อ จะรวบรวมหาพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุทั้ง 3 จุด รวมทั้ง สอบปากคำพยานในเหตุการณ์และผู้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งคาดว่าน่าจะรู้จักกลุ่มผู้ต้องหาว่าเป็นใคร” พ.ต.อ. เจริญ กล่าว

ที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.มานิต วงศ์สมบูรณ์ รอง ผบช.น.ฐานะผู้รับผิดชอบงานป้องกันปราบปราม กล่าวด้วยว่า เบื้องต้นทราบว่ากลุ่มผู้ตายได้ไปกินอาหารที่ห้างโลตัส สาขาพระราม 1 จนกระทั่งเกิดมีการมองหน้ากันและทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่พอใจ แล้วจึงสะกดรอยตามมาไล่ยิงกัน ทั้งนี้ เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. ได้เรียกประชุมงานบริหารทั้งหมดและฝ่ายป้องกันปราบปรามเพื่อประชุมมอบนโยบายเกี่ยวกับการป้องกันเหตุกรณีนักเรียนตีกัน โดยได้ออกแผนสั่งการให้ทุกโรงพักในพื้นที่มักเกิดเหตุนักเรียนทะเลาะวิวาทกันบ่อยครั้งประสานกับทางโรงเรียนให้คอยเฝ้าสังเกตจุดที่กลุ่มนักเรียนมักจะรวมตัวกัน และได้สั่งการให้ทุกโรงพักเข้าตรวจค้นโรงเรียนที่อยู่ในบัญชีที่มักจะเกิดปัญหา

"เรื่องดังกล่าวอยู่นอกเหนือไปจากแผนที่วางเอาไว้ แต่หลังจากนี้จะต้องเรียกประชุมเพื่อทำการปรับแผนใหม่ โดยเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจที่จะสังเกตการณ์ตามจุดต่างๆ ให้มากขึ้น" พล.ต.ต.มานิต กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น