สาวใหญ่ร้องขอความเป็นธรรมจากสื่อ หลังประสบอุบัติเหตุจากการโดยสารรถแท็กซี่สาธารณะ เบรกกะทันหัน หัวฟาดโครงรถ จนมีอาการปวดศีรษะต่อเนื่อง ชี้ พ.ร.บ.ผู้ประสบภัยจากรถ จ่ายค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้นให้เพียง 11,396 บาท ที่เหลือส่วนเกินอีกกว่า 30,000 บาท ต้องไปฟ้องร้องทางแพ่งเอง พร้อมแฉอัยการไล่อย่างกับเป็นหมู-หมา!!!
เมื่อวันที่ 14 พ.ย.ที่บ้านพระอาทิตย์ น.ส.กนกพร มหธนานุวัติพันธ์ อายุ 57 ปี ได้เดินทางมาร้องเรียนขอความเป็นธรรม ยังกองบรรณาธิการ ASTV ผู้จัดการออนไลน์ ว่า ตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรมในการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ เป็นจำนวนเงินกว่า 30,000 บาท ที่ตนเองต้องควักเงินจ่ายค่ารักษาพยาบาลเอง โดยไม่มีคนรับผิดชอบ ภายหลังประสบอุบัติเหตุเมื่อวันที่ 18 ก.ค.2555 ขณะโดยสารรถแท็กซี่ หมายเลขทะเบียน ทษ 3439 กรุงเทพมหานคร ที่มี นายณัฐวิธาน กลมกล่อม อายุประมาณ 40 ปี เป็นผู้ขับขี่ โดยวันเกิดเหตุรถแท็กซี่ที่ตนโดยสารนั้น ได้แล่นมาตามถนนเยาวราช มุ่งหน้าแยกราชวงศ์ รถแท็กซี่คันดังกล่าวได้เบรกอย่างกะทันหัน เป็นเหตุให้ตนซึ่งนั่งอยู่เบาะหลังได้รับบาดเจ็บจากการที่ใบหน้าและศีรษะได้กระแทกเข้ากับโครงรถแท็กซี่คันดังกล่าวอย่างแรง จนสมองได้รับความกระทบกระเทือน โดยเหตุเกิดที่แขวงจักรวรรดิ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร ซึ่งตนได้เข้ารับการรักษาพยาบาลที่ รพ.พญาไท 3 ตั้งแต่วันที่ 18-19 ก.ค.55 ได้มีการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลจาก พ.ร.บ.เป็นจำนวน 11,396 บาทเท่านั้น ไม่รวมค่ารักษาพยาบาลที่ดิฉันยังต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลที่ รพ.พญาไท 3 อย่างต่อเนื่องอีกหลายวันจากอาการปวดศีรษะ
น.ส.กนกพร เปิดเผยด้วยว่า เรื่องนี้คดีสิ้นสุดที่ศาลแขวงปทุมวันแล้ว เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2555 ได้ตัดสินพิพากษาให้ลงโทษ นายณัฐวิธาน ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.390 ซึ่งเป็นบทกฎหมายหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.90 ลงโทษจำคุก 1 เดือน และปรับ 1,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มี่เหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา ม.78 คงจำคุก 15 วัน และปรับ 500 บาท โดยศาลพิเคาระห์แล้ว เห็นว่า นายณัฐวิธาน มีการชำระค่าเสียหายบางส่วน และไม่ปรากฏว่า เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน เห็นควรให้กลับตนเป็นพลเมืองดี จึงให้รอลงอาญาไว้มีกำหนด 1 ปี
“ดิฉันเคารพในคำตัดสินของศาล และไม่มีเจตนาก้าวล่วงละเมิดอำนาจศาลที่จะต้องให้นายณัฐวิธาน ต้องได้รับโทษจนติดคุกติดตารางหรืออย่างไร มีเพียงประเด็นที่อยากเรียกร้องขอความเป็นธรรมในเรื่องค่ารักษาพยาบาลต่อเนื่องจากอุบัติเหตุดังกล่าว ซึ่งมีส่วนต่างที่ตนต้องชำระเองเป็นจำนวนเงินกว่า 30,000 บาทเท่านั้น ซึ่งสรุปให้ตนเองไปเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่งเอาเอง อยากจะเรียนถามว่า มันยุติธรรมแล้วหรือสำหรับคนที่ต้องมาบาดเจ็บจากอุบัติเหตุจากการโดยสารรถแท็กซี่สาธารณะเช่นนี้” น.ส.กนกพร ร้องขอความเป็นธรรม
น.ส.กนกพร กล่าวด้วยว่า ตนไม่ได้เซ็นชื่อในท้ายคำพิพากษาคดีแต่อย่างใด โดยหลังจากนั้นตนได้เดินทางเข้าพบพนักงานอัยการที่ดูแลรับผิดชอบคดีนี้ เพื่อขอคำปรึกษา แต่กลับโดนไล่ออกมาอย่างกับดิฉันเป็น หมู หมา ว่า “ไปๆๆๆ เรื่องมันจบแล้ว”
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้แนะนำให้ น.ส.กนกพร ได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดไปฟ้องร้องทางแพ่งต่อไป
