มือจุดไฟเผาแฟนทั้งเป็นมอบตัว รับเหตุหึงหวง

หนุ่มคลังสินค้าเซเว่นฯ มือเผาแฟนตัวเองสาหัสมอบตัวแล้ว สารภาพเกิดจากความหึงหวง เหตุผู้บาดเจ็บคิดจะตีจากทั้งที่ญาติผู้ใหญ่เตรียมจะไปหมั้นหมายให้แล้ว

วันนี้ (13 พ.ย.) ที่ สน.จระเข้น้อย จากเหตุการณ์ที่นายเอกพล อุดมมาลา อายุ 19 ปีอยู่บ้านเลขที่ 122 หมู่ 7 ต.บ้านดู่ อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด ก่อเหตุใช้น้ำมันราดจุดไฟเผาทั้งเป็น น.ส.ธัญญารัตน์ ภูธร อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 63 หมู่ 21 ต.ห้วยข่า อ.บุณฑริก จ.อุบลราชธานี แฟนสาว โดยทั้งคู่เป็นพนักงานจัดสินค้าของบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือคลังสินค้าเซ่เว่นฯ นิคมนำไกร เนื่องจากนายเอกพลโกรธแค้นที่แฟนสาวตีจากไปรักชายคนใหม่ หลังก่อเหตุได้หลบหนีไป เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้าวันที่ 12 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ภายในห้องพักเลขที่ 1321/34 บ้านเอื้ออาทร โครงการลาดกระบัง 2 ถนนประชาพัฒนา แขวงทับยาว เขตลาดกระบัง กทม. ท้องที่ของ สน.จระเข้น้อย

ต่อมาเมื่อเวลา 08.30 น. นายเอกพลได้เข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.จระเข้น้อยเพื่อรับผิด หลังจากก่อเหตุได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนได้กดดันฝ่ายญาติผู้ต้องหาให้พาเข้ามอบตัว รวมทั้งลงพื้นที่กดดันติดตามจับกุมตัว โดยมี พ.ต.อ.ปพณพัชร์ ตั้งจิตจารุพัชร์ ผกก.สน.จระเข้น้อยทำการสอบปากคำด้วยตัวเอง

พ.ต.อ.ปพณพัชร์เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนรวมทั้งฝ่ายสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน โดยทราบว่าผู้ก่อเหตุดังกล่าวเป็นนายเอกพล กระทั่งศาลได้อนุมัติออกหมายจับ ส่วนเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนก็กดดันติดตามจับกุม กระทั่งได้รับการติดต่อจากฝ่ายญาติผู้ต้องหาว่าจะพาเข้ามอบตัวเพราะสำนึกในความผิด และจากการสอบสวนนายเอกพลก็ให้การรับสารภาพว่าก่อเหตุจริง ทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบจากความโกรธแค้นหึงหวงที่แฟนสาวไปรักชายคนใหม่

พ.ต.อ.ปพณพัชร์กล่าวอีกว่า หลังจากผู้ต้องหาเข้ามอบตัวก็จะสอบปากคำและสรุปสำนวนส่งฟ้องศาลอาญา และได้กำชับให้พนักงานสอบสวนทำเรื่องคัดค้านการประกันตัวตามกระบวนการเพราะเป็นเหตุอุกฉกรรจ์ แต่หากญาติต้องการประกันตัวก็ให้ยื่นประกันที่ศาล โดยศาลจะเป็นผู้พิจารณาว่าจะอนุญาตให้ประกันตัวหรือไม่ สำหรับอาการของผู้เสียหายยังถือว่าวิกฤต ทรงตัวอยู่ในระดับเดิมและยังคงนอนรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 ซึ่งต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด

สอบสวนนายเอกพลให้การว่า ที่ก่อเหตุเพราะความโกรธแค้นเนื่องจากตนรัก น.ส.ธัญญารัตน์มาก ผู้ใหญ่ก็รับรู้ทั้งสองฝ่าย จนมีความคิดให้ญาติฝ่ายตนไปสู่ขอหมั้นหมายและแต่งงาน แต่ น.ส.ธัญญารัตน์กลับปันใจไปรักชายคนอื่นทั้งที่รักกันมาปีกว่าแล้ว และก่อนก่อเหตุตนก็พยายามเคลียร์รักสามเส้า แต่แฟนสาวยืนยันจะเลิกคบหากับตนไปคบกับแฟนใหม่ ยิ่งทำให้ตนเครียดและโกรธแค้นมากขึ้น จึงไปดักรอที่ห้องในช่วงเวลา 03.00 น.วันที่ 12 พ.ย.ก็ไม่พบจึงได้ออกตระเวนหา กระทั่งไปพบแฟนสาวนอนกอดกับนายแอมที่ห้องของนายแอม ยิ่งทำให้แค้นหนักไปกว่าเดิม กระทั่งตอนเช้าเมื่อวานนี้ (12 พ.ย.) แฟนกลับมาที่ห้องตนพยายามเคลียร์อีกครั้งหวังที่จะให้กลับมารักกันเหมือนเดิม แต่แฟนไม่ยอมพูดด้วยจึงเกิดการทะเลาะกันเล็กน้อย จึงตัดสินใจใช้น้ำมันที่เตรียมใส่ขวดมาเทราดใส่หน้าแล้วจุดไฟเผา แล้วก็หลบหนีไปอยู่กับญาติแถวร่มเกล้า กระทั่งต่อมาตัดสินใจเข้ามอบตัวเพราะสำนึกในความผิด และเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อยากขอโทษแฟนสาวที่ทำสิ่งโหดร้ายจนทำให้คนที่รักต้องทนทุกข์ทรมานเหมือนตายทั้งเป็นเช่นนี้ และตอนนี้ก็ยังรักแฟนอยู่

ด้าน น.ส.อนุลักษณ์ อุดมมาลา อายุ 34 ปี ญาติของนายเอกพลกล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนมีศักดิ์เป็นน้าของนายเอกพล แต่ก็เลี้ยงดูมาตั้งแต่เกิดเหมือนเป็นแม่กับลูก และนายเอกพลก็เรียกตนว่าแม่ ที่ผ่านมานายเอกพลไม่มีพฤติกรรมก้าวร้าว ปกติจะเป็นคนเงียบๆ ที่ก่อเหตุครั้งนี้ตนและญาติก็รู้สึกตกใจและเสียใจ เพราะรู้ดีว่านายเอกพลกับแฟนสาวคบหากันโดยญาติผู้ใหญ่ก็รู้จักสนิทสนมทั้งสองฝ่าย เตรียมที่จะไปสู่ขอให้เป็นมั่นเป็นเหมาะ แต่ก็มาเกิดเหตุก่อน ซึ่งเท่าที่พูดคุยตอนนี้หลานชายก็ยังรักแฟนของเขาอยู่ หากจะกลับมาคบและแต่งงานกันก็ยินดี ขอโทษฝ่ายหญิงที่หลานชายทำรุนแรง และพร้อมรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมด รวมทั้งค่ารักษาพยาบาลด้วย ที่หลานทำลงไปคงไม่ได้ยั้งคิด เป็นอารมณ์ชั่ววูบเพราะมีความโกรธแค้นตามอารมณ์ของเด็กวัยรุ่น

รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสอบปากคำนายเอกพลผู้ต้องหาอยู่นั้นได้มีญาติผู้เสียหายฝ่ายหญิงเดินทางมาดู พร้อมกับร้องไห้เสียงดันลั่น พยายามจะปรี่เข้าไปหานายเอกพล แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปขวางได้ทัน และเข้าไปปลอบเพื่อให้สงบสติอารมณ์ จากนั้นได้นำตัวนายเอกพลไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยจุดแรกคือจุดที่นัดพูดคุยเคลียร์ปัญหารักสามเส้าที่ร้านอาหารภายในตลาดน้ำ ถ.ลาดกระบัง และจุดที่ 2 ที่ห้องเกิดเหตุ อาคาร 30 ชั้น 4 ห้องเลขที่ 1321/34 บ้านเอื้ออาทรลาดกระบัง 2 โดยมีชาวบ้านให้ความสนใจมามุงดูจำนวนมาก แต่เจ้าหน้าที่ได้วางกำลังกันไว้เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวายและทำร้ายผู้ต้องหา ภายหลังทำแผนเสร็จก็นำตัวกลับไปสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้งที่ สน.จระเข้น้อย ก่อนจะสรุปสำนวนส่งฟ้องและฝากขังที่ศาลต่อไป