xs
xsm
sm
md
lg

“อภิสิทธิ์” เบิกความฟ้อง “กี้ร์” กล่าวหาปล้นอำนาจประชาชน

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


“อภิสิทธิ์” เบิกความคดีฟ้อง “อริสมันต์” ปราศรัยหมิ่น กล่าวหายื้อฎีกาอภัยโทษ “ทักษิณ ชินวัตร” ปล้นอำนาจประชาชน และต้นเหตุในหลวงประชวร บนเวทีเสื้อแดง ปี 2552 ยันไม่เป็นความจริง ศาลนัดสืบพยานโจทก์อีกครั้ง 10 ต.ค.นี้


ที่ห้องพิจารณา 803 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (9 ต.ค. ) ศาลนัดสืบพยานโจทก์ คดีหมายเลขดำ อ.4177/2552 ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 และ 332

คำฟ้องโจทก์ระบุว่า เมื่อวันที่ 11 และ 17 ต.ค.2552 จำเลยได้กล่าวปราศรัยให้ประชาชนทั่วไปที่ฟัง และชมการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ช่องพีเพิล แชนแนล ทำนองว่าโจทก์ และรัฐบาลภายใต้การนำของโจทก์ เป็นต้นเหตุให้ในหลวงทรงประชวร และปราศรัยว่าโจทก์เป็นผู้ที่ทำให้คำร้องฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีล่าช้า และว่าโจทก์เป็นนายกรัฐมนตรีที่เลวทรามต่ำช้า จิตใจอำมหิต และเป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากการปล้นอำนาจประชาชน เป็นผู้สั่งการให้ฆ่าประชาชน ซึ่งคำปราศรัยของจำเลยล้วนเป็นเท็จทั้งสิ้น และทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นและถูกเกลียดชัง

เหตุเกิดที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนินกลาง แขวงบวรนิเวศน์ เขตพระนคร และหน้าทำเนียบรัฐบาล ถ.พิษณุโลก แขวงและเขตดุสิต และทั่วราชอาณาจักร

โดยนายอภิสิทธิ์ เบิกความต่อศาลว่า เมื่อวันที่ 11 ต.ค.2552 จำเลยได้ปราศรัยที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ต่อหน้าประชาชน สื่อมวลชน และถ่ายทอดโทรทัศน์ผ่านช่องพีเพิล แชนแนล มีใจความสำคัญว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์กู้เงินมาโกง ซึ่งเป็นต้นเหตุให้ในหลวงทรงประชวร นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 17 ต.ค.2552 จำเลยได้ปราศรัยหมิ่นประมาทซ้ำ โดยใช้เครื่องกระจายเสียงต่อหน้าประชาชน สื่อมวลชน และถ่ายทอดโทรทัศน์ผ่านช่องพีเพิลแชนแนลซ้ำอีก และยังกล่าวหาว่าโจทก์เป็นผู้หน่วงเหนี่ยวคำร้องฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้เกิดความล่าช้า และกล่าวอีกว่าโจทก์เป็นนายกฯ ที่หน้าตาดี แต่มีจิตใจเลวทราม ต่ำช้าที่สุด และโจทก์เป็นนายกฯ ที่สั่งทหารฆ่าประชาชน ปกป้องพวกพ้อง ไม่ดำเนินการตรวจสอบการทุจริตในโครงการต่างๆ ที่จับได้ก็มีแต่พวกปลาซิวปลาสร้อย ไม่สามารถจับตัวการใหญ่ซึ่งเป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์ได้

นายอภิสิทธิ์ เบิกความต่อว่า สำหรับข้อกล่าวหาเรื่องการทุจริตในรัฐบาลโจทก์นั้น โจทก์ได้ติดตาม และดำเนินการอย่างจริงจังในการแก้ไข กรณีที่มีการกล่าวหาว่ามีการทุจริตโครงการต่างๆ สมัยรัฐบาลของโจทก์ ก็จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ

จากนั้น ทนายโจทก์ได้แถลงต่อศาล ขอนำซีดีบันทึกเสียงคำปราศรัยของจำเลยที่พูดหมิ่นประมาทโจทก์ ในวันดังกล่าว ความยาวประมาณ 15 นาที มาเปิดให้ศาลพิจารณา ซึ่งศาลพิจารณาแล้วอนุญาต โดยเนื้อหาจะเป็นคำปราศรัยขอจำเลยที่พาดพิงโจทก์เกี่ยวกับการทุจริตโครงการต่างๆ ของรัฐบาลโจทก์ เช่น โครงการไทยเข้มแข็ง โครงการเศรษฐกิจพอเพียง โครงการรถเมล์เอ็นจีวี ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องมาจากรัฐบาลชุดก่อน และโจทก์ก็ได้ยุติโครงการดังกล่าวนี้ไปแล้ว

ต่อมา นายอภิสิทธิ์เบิกความอีกว่า กรณีคลิปเสียงที่จำเลยมีการปราศรัยระบุว่าเป็นเสียงโจทก์สั่งการให้ทหารสร้างสถานการณ์ และสั่งฆ่าประชาชนนั้น เป็นคลิปเสียงที่มีการนำคำพูดของตนจากกรายการวิทยุมาตัดต่อ ต่อมา ได้ส่งคลิปเสียงให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ตรวจดู ผลปรากฎว่า เกิดจากการตัดต่อ ซึ่งในกรณีของคลิปเสียงนี้ นายจตุพร พรหมพันธุ์ เคยนำมาปราศรัย และตนได้ฟ้องร้องต่อศาลอาญาในข้อหาหมิ่นประมาทไปแล้ว และศาลได้มีคำพิพากษาในวันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า นายจตุพร จงใจสร้างเรื่องเพื่อปลุกปั่นเพื่อให้ประชาชนเกลียดชังตน พิพากษาจำคุก 6 เดือน ปรับ 50,000 บาท และรอลงอาญา 2 ปี

ส่วนเรื่องที่มีการกล่าวหาว่าตนขัดขวางการยื่นฎีกาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรนั้น จริงแล้วตามขั้นตอนต้องยื่นภายใน 60 วัน แต่กรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นมีคนลงชื่อ 4 ล้านคน จึงต้องใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบ ซึ่งปกติแล้วคนที่จะยื่นฎีกาต้องเป็นตัวนักโทษ หรือคนในครอบครัว และกรณีทั่วไปแล้วนักโทษที่จะขอพระราชทานอภัยโทษต้องเป็นนักโทษเด็ดขาด แต่กรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนักโทษหนีคดีจึงไม่เข้าข่ายตามหลักเกณฑ์ อีกทั้งมีนักวิชาการออกมาให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่าไม่เป็นการสมควร เพราะจะเป็นการกดดันพระราชอำนาจของสถาบันพระมหากษัตริย์

สำหรับข้อกล่าวหาที่จำเลยกล่าวหาว่าโจทก์ปล้นอำนาจจากประชนนั้น โจทก์เป็นนักการเมืองมา 20 ปี ได้รับการเลือกตั้งมา 7 ครั้ง ไม่เคยได้รับตำแหน่ง หรือผลประโยชน์ใดจากคณะรัฐประหาร แต่ที่ตนได้เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะได้รับคะแนนเสียงจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในสภา เช่นเดียวกับนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งเป็นการได้ตำแหน่งตามวิถีทางตามรัฐธรรมนูญ ดังนั้นการกล่าวหาของจำเลยทำให้โจทก์เสียหายต่อประชาชนที่ได้รับฟังการถ่ายทอดผ่านโทรทัศน์ และก่อนหน้านี้ จำเลยยังเคยได้แสดงความอาฆาตต่อโจทก์หลายครั้งเช่น การปราศรัยที่สะพานผ่านฟ้าว่าจะนำเลือดหัวของโจทก์มาล้างเท้า และจะนำคนห้าร้อยคนมาจับตัวโจทก์ อีกทั้งพฤติกรรมที่พาประชาชนบุกไปไล่ล่าโจทก์ ในเหตุการณ์ที่ล้มการประชุมอาเซียนซัมมิทที่พัทยา เมื่อปี 2552 ซึ่งในเหตุการณ์ที่กล่าวมาทุกครั้งโจทก์ได้บันทึกภาพ และเสียงไว้เป็นหลักฐาน รวมถึงเรื่องราวยังได้ปรากฏต่อสื่อมวลชน

นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง จำเลยในคดีนี้ ให้สัมภาษณ์ภายหลังนั่งฟังสืบพยานในช่วงเช้าว่า การเบิกความของฝ่ายโจทก์วันนี้นั้น ตนมีข้อเท็จจริง และหลักฐานที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าในสมัยรัฐบาลของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีการโกงเกิดขึ้นหลายโครงการ ส่วนในการพูดปราศรัยบนเวทีของตนนั้น คือการวิพากษ์วิจารณ์ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเท่านั้น ทั้งนี้ ในการเข้าฟังการสืบพยานนั้น ตนได้เห็นการเบิกความของพยานโจทก์ที่มีเจตนาบิดเบือนข้อเท็จจริงอย่างชัดเจน ทั้งนี้ ภายหลังสืบพยานโจทก์เสร็จ ศาลจึงนัดสืบพยานโจทก์ครั้งต่อไป วันที่ 10 ต.ค.นี้ เวลา 09.00 น.



กำลังโหลดความคิดเห็น