ศาลเยาวชนจำคุกคู่หูแนวร่วม นปช. ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นเวลา 3 เดือน รอการกำหนดโทษไว้ 1 ปี และให้รายงานตัวพนักงานคุมประพฤติ ส่วนข้อหาปล้นทรัพย์ และขัดขวางเจ้าหน้าที่ให้ยกฟ้อง
วันนี้ (3 ก.ย.) ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อ.1504/2553 ซึ่งพนักงานอัยการ เป็นโจทก์ฟ้องนายตู่ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี และ นายแดง (นามสมมติ) อายุ 17 ปี เยาวชนเป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมี และใช้อาวุธปืน, ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติตามหน้าที่, ฝ่าฝืน พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 เหตุเกิดที่ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ (CTW) ในเหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) วันที่ 19 พ.ค.2553
ทั้งนี้ ศาลเยาวชนฯ ได้พิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งสองในข้อกล่าวหาร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมี และใช้อาวุธปืน และขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติตามหน้าที่ เนื่องจากพยานหลักฐานโจทก์ฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิด และของกลางไม่ได้อยู่ที่ตัวของจำเลย อีกทั้งไม่มีพยานยืนยันว่าจำเลยทั้งสองได้ทำลายสิ่งของ และต่อสู้ขัดขวางพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่ แต่ให้พิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ให้ระวางโทษจำคุก 3 เดือน แต่เนื่องจากจำเลยทั้งสองยังเป็นเยาวชน และไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน โทษดังกล่าวจึงให้รอการกำหนดโทษไว้ 1 ปี โดยให้จำเลยทั้งสองรายงานตัวพนักงานคุมประพฤติไม่น้อยกว่า 3 ครั้ง และบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ 72 ชั่วโมง
นายโชคชัย อ่างแก้ว ทนายความ เปิดเผยภายหลังว่า คำพิพากษาในข้อหาหลักถือเป็นประโยชน์ต่อจำเลย แต่ในส่วนข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทางจำเลยไม่ติดใจจะอุทธรณ์ ซึ่งศาลเห็นว่าการชุมนุมถือเป็นสิทธิที่สามารถกระทำได้ แต่เมื่อรัฐบาลได้ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินมาแล้วยังฝ่าฝืนก็มีความผิด
นายอาคม รัตนพจนาร์ถ ทนายความผู้รับผิดชอบคดีเผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ที่อัยการยื่นฟ้องนายสายชน แพบัว การ์ด นปช. และนายพินิจ จันทร์ณรงค์ เปิดเผยว่า คดีนี้อยู่ระหว่างสืบพยาน ซึ่งศาลอาญากรุงเทพใต้นัดสืบพยานโจทก์นัดสุดท้ายวันที่ 5 พ.ย.นี้ เวลา 09.00 น. โดยอัยการจะนำพนักงานสอบสวนของดีเอสไอขึ้นเบิกความ หากโจทก์นำสืบพยานเสร็จสิ้นแล้วตนจะนำจำเลยทั้งสองขึ้นเบิกความเป็นพยานต่อไป ทั้งนี้ จากการสืบพยานที่ผ่านมาตนเห็นว่ายังไม่มีพยานปากใดชี้ชัดได้ว่าจำเลยทั้งสองเป็นผู้ก่อเหตุ จึงมีความมั่นใจถึง 90 เปอร์เซ็นต์ในการต่อสู้คดีนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีปล้นทรัพย์ห้างเซ็นทรัลเวิลด์นั้น ก่อนหน้านี้ศาลอาญากรุงเทพใต้ได้พิพากษาเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2554 ยกฟ้องนายพินิจ จันทร์ณรงค์ อายุ 27 ปี, นายวิศิษฐ์ แก้วหล้า อายุ 34 ปี, นายอาทิตย์ เบ้าสุวรรณ อายุ 30 ปี, นายพรชัย โลหิตดี อายุ 37 ปี, นายยุทธชัย สีน้อย อายุ 24 ปี และนางเจียม ทองมา อายุ 46 ปี ในความผิดเกี่ยวกับการปล้นทรัพย์ รวม 18 รายการ มูลค่า 95,430 บาท เนื่องจากยังไม่มีทรัพย์สินของกลางที่ยืนยันว่าจำเลยทั้งหมดเป็นผู้กระทำความผิด คงมีเพียง นายคมสันต์ สุดจันทร์ฮาม อายุ 43 ปี จำเลยที่ 3 ที่ถูกลงโทษ 3 ปี ส่วนความผิดฐานฝ่าฝืนประกาศข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ให้จำคุกจำเลยทั้งเจ็ดคนละ 1 ปี แต่จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุกไว้คนละ 6 เดือน
วันนี้ (3 ก.ย.) ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อ.1504/2553 ซึ่งพนักงานอัยการ เป็นโจทก์ฟ้องนายตู่ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี และ นายแดง (นามสมมติ) อายุ 17 ปี เยาวชนเป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมี และใช้อาวุธปืน, ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติตามหน้าที่, ฝ่าฝืน พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 เหตุเกิดที่ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ (CTW) ในเหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) วันที่ 19 พ.ค.2553
ทั้งนี้ ศาลเยาวชนฯ ได้พิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งสองในข้อกล่าวหาร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมี และใช้อาวุธปืน และขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติตามหน้าที่ เนื่องจากพยานหลักฐานโจทก์ฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิด และของกลางไม่ได้อยู่ที่ตัวของจำเลย อีกทั้งไม่มีพยานยืนยันว่าจำเลยทั้งสองได้ทำลายสิ่งของ และต่อสู้ขัดขวางพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่ แต่ให้พิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ให้ระวางโทษจำคุก 3 เดือน แต่เนื่องจากจำเลยทั้งสองยังเป็นเยาวชน และไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน โทษดังกล่าวจึงให้รอการกำหนดโทษไว้ 1 ปี โดยให้จำเลยทั้งสองรายงานตัวพนักงานคุมประพฤติไม่น้อยกว่า 3 ครั้ง และบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ 72 ชั่วโมง
นายโชคชัย อ่างแก้ว ทนายความ เปิดเผยภายหลังว่า คำพิพากษาในข้อหาหลักถือเป็นประโยชน์ต่อจำเลย แต่ในส่วนข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทางจำเลยไม่ติดใจจะอุทธรณ์ ซึ่งศาลเห็นว่าการชุมนุมถือเป็นสิทธิที่สามารถกระทำได้ แต่เมื่อรัฐบาลได้ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินมาแล้วยังฝ่าฝืนก็มีความผิด
นายอาคม รัตนพจนาร์ถ ทนายความผู้รับผิดชอบคดีเผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ที่อัยการยื่นฟ้องนายสายชน แพบัว การ์ด นปช. และนายพินิจ จันทร์ณรงค์ เปิดเผยว่า คดีนี้อยู่ระหว่างสืบพยาน ซึ่งศาลอาญากรุงเทพใต้นัดสืบพยานโจทก์นัดสุดท้ายวันที่ 5 พ.ย.นี้ เวลา 09.00 น. โดยอัยการจะนำพนักงานสอบสวนของดีเอสไอขึ้นเบิกความ หากโจทก์นำสืบพยานเสร็จสิ้นแล้วตนจะนำจำเลยทั้งสองขึ้นเบิกความเป็นพยานต่อไป ทั้งนี้ จากการสืบพยานที่ผ่านมาตนเห็นว่ายังไม่มีพยานปากใดชี้ชัดได้ว่าจำเลยทั้งสองเป็นผู้ก่อเหตุ จึงมีความมั่นใจถึง 90 เปอร์เซ็นต์ในการต่อสู้คดีนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีปล้นทรัพย์ห้างเซ็นทรัลเวิลด์นั้น ก่อนหน้านี้ศาลอาญากรุงเทพใต้ได้พิพากษาเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2554 ยกฟ้องนายพินิจ จันทร์ณรงค์ อายุ 27 ปี, นายวิศิษฐ์ แก้วหล้า อายุ 34 ปี, นายอาทิตย์ เบ้าสุวรรณ อายุ 30 ปี, นายพรชัย โลหิตดี อายุ 37 ปี, นายยุทธชัย สีน้อย อายุ 24 ปี และนางเจียม ทองมา อายุ 46 ปี ในความผิดเกี่ยวกับการปล้นทรัพย์ รวม 18 รายการ มูลค่า 95,430 บาท เนื่องจากยังไม่มีทรัพย์สินของกลางที่ยืนยันว่าจำเลยทั้งหมดเป็นผู้กระทำความผิด คงมีเพียง นายคมสันต์ สุดจันทร์ฮาม อายุ 43 ปี จำเลยที่ 3 ที่ถูกลงโทษ 3 ปี ส่วนความผิดฐานฝ่าฝืนประกาศข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ให้จำคุกจำเลยทั้งเจ็ดคนละ 1 ปี แต่จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุกไว้คนละ 6 เดือน
