ตรงเป้า
ศรรามา
ปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมาตำรวจเชียงรายร่วมกับสันติบาลและตำรวจปราบยาเสพติดจับยาบ้าล็อตใหญ่ที่ อ.แม่จัน จ.เชียงราย 1,084,000 เม็ดได้ผู้ต้องหา 4 คน นับเป็นผลงานการปราบยาเสพติดอีกชิ้นหนึ่ง
ผู้ต้องหาสารภาพเตรียมไปส่งลูกค้าที่บางนาและนนทบุรีได้ค่าจ้างเม็ดละ 3 บาท ถ้างานสำเร็จก็มีเงินติดกระเป๋าคนละหลายแสนบาทส่วนตำรวจชุดจับกุมก็ได้ค่าจับกุมจะได้เท่าไหร่ต้องคิดคำนวณจากปริมาณยาบริสุทธิ์อีกที ซึ่งมีระเบียบการคิดอยู่
จากเชียงรายเอายาบ้าเอาผู้ต้องหามาแถลงข่าวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติฉลองวันรับตำแหน่ง ผบ.ตร.ของ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม โดยมี“ขวานฟ้าหน้าดำ” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นประธาน
พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการ ป.ป.ส.คนใหม่ แต่งชุดสากลยืนหน้าเจี๋ยมเจี้ยมร่วมอยู่ด้วย เพราะต่อไปนี้ ป.ป.ส.ต้องมีผลงานจับกุมยาเสพติดไม่ให้น้อยหน้าที่รุ่นพี่ทำไว้แต่ก็มีเผือกร้อนที่ ร.ต.อ.เฉลิมโยนใส่มือครั้นจะไม่รับก็ใช่ที่เสียชื่อกลุ่มก๊วน“มีวันนนี้เพราะพี่ให้”
เผือกร้อนที่ว่านั้น ร.ต.อ.เฉลิม คุยคำโตเอาไว้ยาบ้าที่ทะลักเข้าไทยเข้ามาทางจังหวัดเชียงรายมากที่สุดตนเพิ่งกลับจากเชียงรายได้ข้อมูลมาว่าผู้ผลิตยาบ้าในพม่าเตรียมส่งยาบ้า 500 ล้านเข้าทางเชียงราย.
อย่าเพิ่งปรามาสว่าขวานฟ้าแสนรู้เพราะเชียงรายของเขามันเหมือนกับบางบอน ยามที่ตัวเองตกอับไร้อำนาจวาสนาก็ไปปรากฏกายที่เชียงรายพร้อมลูกชายข้ามไปฝั่งพม่าตรงข้ามกับ อ.เชียงแสน เป็นประจำ ราวกับมีธุรกิจในฝั่งโน้น เรื่องที่ว่ายาบ้ามหึมา 500 ล้านเม็ดเป็นความจริงหรือเป็นคำขู่ให้ พล.ต.อ.พงศพัศ ตื่นเต้นตื่นตัว
จับยาบ้าวันนี้กว่าคดีจะสิ้นสุดชั้นศาลฎีกาต้องใช้เวลายาวนานถึง 10 ปี เหมือนเช่นคดีตำรวจ ปส.ล่อซื้อยาบ้าแค่ 598 เม็ด ราคา 25,000 บาท จับผู้ต้องหา 2 คน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2545 ที่ริมถนนพรานกระต่าย - วังประจบ อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร
พ.ต.ท.ประสิทธิ์ กลิ่นหอม อายุขณะนั้น 59 ปี ตำแหน่งรอง ผกก.อก.ภ.กำแพงเพชร กับนางพเยาว์ พลาพล อายุ 43 ปี ช่างเสริมสวย ภรรยาไม่ได้จดทะเบียนสมรสของ พ.ต.ท.ประสิทธิ์ นอกจากยาบ้าแล้ว ยังพบปืนพกรีวอลเวอร์.375 หนึ่งกระบอกพร้อมกระสุน
ศาลจังหวัดกำแพงเพชรพิพากษาจำคุกนางพเยาว์และพ.ต.ท.ประสิทธิ์ คนละ 14 ปี ลดโทษให้นางพเยาว์กึ่งหนึ่งเพราะสารภาพให้การเป็นประโยชน์เหลือ 7 ปี ส่วน พ.ต.ท.ประสิทธิ์ ให้การปฏิเสธศาลพิจารณาโทษเพิ่มอีก 3 เท่าในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ จำคุก พ.ต.ท.ประสิทธิ์ 42 ปี และลงโทษข้อหาพกพาอาวุธปืนอีก 6 เดือน รวมจำคุก 42 ปี 6 เดือน
พ.ต.ท.ประสิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น พ.ต.ท.ประสิทธิ์ยื่นฎีกา
วันที่ 3 ตุลาคม 2555 กาลเวลาผ่านมากว่า 10 ปี ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาพิเคราะห์ตามพยานหลักฐานเห็นว่า พ.ต.ท.ประสิทธิ์ ร่วมกระทำผิดจริงโดยเป็นคนขับรถเก๋งไปส่งยาบ้าให้ลูกค้าพร้อมกับนางพเยาว์ที่เบิกความว่าถูกกลั่นแกล้งใส่ร้ายฟังไม่ขึ้นจึงพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์
ปีนี้ พ.ต.ท.ประสิทธิ์ อายุ 69 ปี ต้องโทษจำคุก 42 ปี 6 เดือน ถ้ารับโทษครบตามกำหนด โดยตัวเองยังมีชีวิตอยู่จะมีอายุ 111 ปี แล้วจะอยู่ถึงวันนั้นหรือ ส่วนนางพเยาว์ติดคุกครบ 7 ปีไปแล้ว
ก็ตรงนี้แหละถึงอยากสะกิดต่อมความจำของขวานฟ้าที่พูดว่าจะแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติด ให้มีการพิจารณาคดีแค่ 2 ศาล ถือว่าเป็นอันสิ้นสุดไม่ต้องมีการฎีกาให้ยืดเยื้อรวมทั้งโทษประหารชีวิตก็ต้องรีบดำเนินการโดยไม่ชักช้าเพราะทุกวันนี้คดียาเสพติดมันล้นศาลผู้ต้องหาและนักโทษมันล้นคุก กลายเป็นรัฐบาลโอบอุ้มสนับสนุนให้ขบวนการค้ายาเสพติดมันเจริญงอกงามเห็นกันชัดๆจากนักโทษขาใหญ่ยึดคุกเป็นแหล่งทำมาค้าขายยาบ้าโดยไม่มีตำรวจไปรบกวนเหมือนอยู่นอกคุก
แนวคิดแก้ไขปรับปรุงกฏหมายยาเสพติดของ ร.ต.อ.เฉลิม เป็นสิ่งที่ดีแต่อย่างว่าอุปนิสัยที่ไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงได้คือการคุยโม้โอ้อวดพูดเอามันพูดแล้วก็แล้วไปไม่มีการสานต่อคำพูดของตัวเองไอ้เรื่องยาบ้า 500 ล้านเม็ดที่ตั้งท่าอยู่ในฝั่งพม่าเตรียมข้ามโขงพาเหรดเข้าไทยก็เหมือนกัน ถามว่า ร.ต.อ.เฉลิม รู้จริงไหม ถ้าเป็นเรื่องจริงแล้วเอามาปูดให้สังคมหวาดวิตกทำไม
จับยาบ้าล็อตใหญ่ครั้งละ 1 ล้านเม็ด ต้องตามล้างตามเช็ดจับให้ได้ถึง 500 ครั้งในจำนวนหลักล้าน
พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการป.ป.ส. ฟังแล้วคงอ่อนใจแต่อย่าด่วนถอดใจไปลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.เอางานชิ้นแรกที่จัดการเอ๊กซเรย์ชุมชนยาเสพติด 12 ชุมชน มาโชว์ชาวบ้านเสียก่อนเถอะจะมีน้ำยาพอกินกับขนมจีนไหมเอ่ย.
