รอง ผบช.ก.นำคณะทำงานลงพื้นที่ชุมชนท่าข้าม อ.กุยบุรี จ.ประจวบฯ ติดตามโครงการ “คืนชุมชนสีขาวให้สังคม” เผยประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี สามารถสกัดกั้นการแพร่ระบาดของยาเสพติดในชุมชน ปชช.พึงพอใจ พร้อมมีส่วนร่วมแก้ปัญหา
วันนี้ (20 ก.ย.) ที่ชุมชนหมู่บ้านท่าข้าม จ.ประจวบคีรีขันธ์ พล.ต.ต.สรรพวุฒิ พิพัฒพันธุ์ รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชัช สุกแก้วณรงค์ รอง ผบก.ทล. พ.ต.อ.เอกราช ลิ้มสังกาศ ผกก.ถปภ.บก.ทล. พ.ต.ต.หญิง นฤมล ทองสะอาด สว.ฝอ.บก.ทล. พ.ต.อ.ดร.สัญญา เนียมประดิษฐ์ รอง ผกก.4 บก.ปคบ. ในฐานะทีมบริหารโครงการ “คืนชุมชนสีขาวให้สังคม” พร้อมด้วยคณะทำงานและคณะสังเกตการณ์ ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าของโครงการตำรวจคืนชุมชนสีขาวให้สังคม ภายใต้หลักการตำรวจผู้รับใช้ชุมชน (Community Policing) ที่ทำการตำรวจผู้รับใช้ชุมชน ณ ชุมชนหมู่บ้านท่าข้าม ม. 8 ต.กุยบุรี อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยมี นายณรงค์ศักดิ์ พิพัฒน์เสถียรไทย กำนัน นายมนตรี บุญเกิด ผู้ใหญ่บ้าน นายเอกวี อุบลบาล ผอ.กองการศึกษาเทศบาลต.กุยบุรี พร้อมคณะกรรมการหมู่บ้าน ร.ต.ต.ตระกูล ธรรมเพชร รอง สว.ส.ทล.3 กก.2 บกทล. และ ด.ต.ประจวบ จันทรโชติ ผบ.หมู่ ส.ทล.3 กก.2 บก.ทล. เป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ตำรวจผู้รับใช้ชุมชนให้การต้อนรับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายณรงค์ได้เป็นประธานการประชุมระหว่าง ตำรวจรับใช้ชุมชนและคณะกรรมการชุมชน ซึ่งส่วนใหญ่ต้องการให้แก้ปัญหายาเสพติด การดำเนินคดีผู้ต้องหาค้ายาเสพติด มีคณะกรรมการเสนอแนวทางสุ่มตรวจปัสสาวะและบางรายต้องการให้แก้ไขปัญหาคุณภาพชีวิต แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะมีแนวทางอย่างไร ทั้งนี้ ผู้บริหารโครงการได้เสนอว่า ตำรวจรับใช้ชุมชนจะนำปัญหาไปเสนอส่วนที่เกี่ยวข้อง แต่ในส่วนของชุมชนต้องหาแนวทางการอยู่ร่วมกัน และคนในสังคมเองต้องช่วยกันแก้ไขเบื้องต้น ทั้งนี้ พ.ต.อ.เอกราชได้ยกตัวอย่างการกรณีชุมชนแห่งหนึ่งในจ.เพชรบูรณ์ ที่นำวัยรุ่นที่เคยติดยามาร่วมเป็นตัวแทนของชุมชนทำให้ไม่หวนกลับไปเสพยาอีก ขณะที่ พ.ต.อ.ดร.สัญญายกตัวอย่างแฟลตแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกาที่มีนักค้ายาอยู่ แต่คนในแฟลตมีความเห็นให้ปิดทางเข้าออกเหลือทางเดียวทำให้ผู้เสพและนักค้ารายย่อยไม่กล้าเข้ามาซื้อยาในแฟลตดังกล่าวเพราะกลัวถูกตำรวจจับกุม และให้ข้อแนะนำว่า การมองปัญหาต้องไปดูถึงต้นตอของสาเหตุเช่น ทำไมเยาวชนไม่เข้าเรียน สามีภรรยาตีกัน ซึ่งสังคมสามารถช่วยกันดูแลซึ่งกันและกันได้ อย่างไรก็ตาม แนวทางตำรวจรับใช้ชุมชนอาจไม่สามารถแก้ปัญหาได้สำเร็จแต่ยืนยีนว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุด
ด้าน พล.ต.ต.สรรพวุฒิกล่าวว่า ถือว่าโครงการตำรวจรับใช้ชุมชนที่ชุมชนหมู่บ้านท่าข้ามประสบความสำเร็จ ซึ่งขณะนี้ บก.ทล.มีตำรวจรับใช้ชุมชนจำนวน 40 ชุมชน หลายที่สามารถกันนักค้ายาไม่ให้เข้ามาในพื้นที่ได้ และประชาชนในพื้นที่ก็พอใจ และหลายชุมชนตำรวจในโครงการสามารถดึงตัวแทนชุมชนมาเป็นคณะกรรมการและมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในชุมชนร่วมกัน ทั้งนี้ ยืนยันว่าโครงการดังกล่าวถูกกำหนดเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ของ ตร.ที่จะต้องดำเนินการระหว่างปี 2555-2564 แม้ขณะนี้ ทาง บช.ก.จะเป็นผู้นำร่องไปก่อน แต่จากนี้ไปแต่ละ บช. และท้องที่จะต้องเข้าร่วมโครงการอย่างแน่นอน
ด้าน นายณรงค์กล่าวว่า หมู่บ้านท่าข้ามได้ร่วมโครงการตำรวจรับใช้ชุมชนมาประมาณ 3 เดือนแล้ว ในช่วงแรกชาวบ้านยังไม่เข้าใจว่าโครงการดังกล่าวคืออะไร เมื่อนายตำรวจทั้ง 2 นาย พยายามอธิบายทำความเข้าใจและรวบรวมชาวบ้านมาเป็นคณะกรรมการช่วยกันร่วมโครงการโดยครั้งแรก ทางตำรวจได้สอบถามถึงปัญหาที่ทางหมู่บ้านต้องการให้แก้ไข ทางคณะกรรมการเสนอหลายอย่างทั้ง แก้ปัญหายาเสพติด และอาชญากรรม ในที่สุดก็เริ่มจากพัฒนาศาลาตาแดงที่เป็นแหล่งมั่วสุมของวัยรุ่น ให้สวยงาม ตัดต้นไม้ที่ขึ้นรกให้มีความสวยงาม ปรับปรุงไฟฟ้าส่องสว่าง ติดป้ายประชาสัมพันธ์โครงการ ใน่ส่วนของยาเสพติดยังคงเป็นปัญหาใหญ่ที่หมู่บ้านต้องการให้แก้ไข และอยู่ระหว่างแนวทางที่ดีที่สุด
สำหรับชุมชนหมู่บ้านท่าข้าม มีประชากรประมาณ 800 คน หรือ 200 หลังคาเรือน แบ่งเป็นเยาวชนประมาณ 60คน ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำไร่สับปะรด มะพร้าวและลูกจ้างโรงงานสับปะรด