ประจวบคีรีขันธ์ - ผู้ตรวจการแผ่นดินลงพื้นที่พบประชาชนนิคมสร้างตนเอง กม.5 ประจวบฯ แก้ปัญหาที่ดินทับซ้อนป่ากุยบุรี เตรียมชง ครม.อนุมัติแก้ไขแนวเขต
วันนี้ (20 ก.ย.) ที่ห้องประชุมสถานสงเคราะห์ประจวบคีรีขันธ์ (บ้านประจวบโชค) ต.อ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบฯ นายศรีราชา เจริญพานิช ผู้ตรวจการแผ่นดิน ลงพื้นที่แก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนของชาวบ้านที่ให้กรมป่าไม้ดำเนินการกันเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ “ป่ากุยบุรี” ที่ทับซ้อนออกจากพื้นที่นิคมสร้างตนเอง จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย นิคมสร้างตนเอง กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ชี้แจงข้อมูล
เนื่องจากชาวบ้านได้ร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดินให้พิจารณา และสอบสวนหาข้อเท็จจริง กรณีผู้ร้องเรียน และคณะได้รับการจัดสรรที่ดินจากนิคมสร้างตนเอง จ.ประจวบคีรีขันธ์ กรมประชาสงเคราะห์ และได้เข้าครอบครองเพื่อทำประโยชน์มาประมาณ 40 ปี ซึ่งกรมประชาสงเคราะห์ได้ออกหนังสือแสดงการทำประโยชน์ (น.ค.3) ให้แก่ผู้ร้องเรียน เมื่อนำหนังสือไปขอออกโฉนดที่ดิน กรมที่ดินไม่สามารถออกโฉนดได้ เนื่องจากพบว่าพื้นที่นิคมทับซ้อน กับพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ปี 2511 ต่อมา ในปี 2512 ได้มีพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองในพื้นที่ อ.เมือง และ อ.ทับสะแก จึงเกิดการจัดสรรที่ดินในพื้นที่นิคมฯ ซึ่งกรมประชาสงเคราะห์ได้ออกหนังสือ น.ค. 3ให้แก่ชาวบ้านทั้งที่ยังเป็นพื้นที่ทับซ้อนอยู่
ทั้งนี้ ผู้ตรวจการแผ่นดินได้เร่งหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียนกับสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.ประจวบคีรีขันธ์ นิคมสร้างตนเองประจวบคีรีขันธ์ สำนักงานที่ดินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัด โดยเสนอแนะให้กรมป่าไม้เร่งรัดดำเนินการกำหนดแนวเขตการใช้ประโยชน์และอนุรักษ์ที่ดิน (Reshape) เพื่อกันเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่ากุยบุรีออกจากพื้นที่นิคม ด้วยการออกกฎกระทรวงกำหนดแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติในส่วนที่ทับซ้อนกับแนวเขตนิคมฯ ใหม่
นายศรีราชา เจริญพานิช ผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า พื้นที่ทับซ้อนมีอยู่ประมาณ 74,000 กว่าไร่ โดยหลักการตอนนี้กรมป่าไม้ยอมกันพื้นที่ป่าสงวนออก แต่ขัดข้องในเรื่องของการแก้ไขกฎหมายผ่านมติ ครม. หาก ครม.เห็นชอบให้กันพื้นที่ป่าสงวน ก็จะสามารถดำเนินการรังวัด และออกเอกสารสิทธิให้แก่ชาวบ้านในเขตนิคมสร้างตนเองได้ คาดว่าจะสามารถทำให้แล้วเสร็จภายใน 1-2 ปี