xs
xsm
sm
md
lg

อุทธรณ์แก้คุก 3 เดือน “สนธิ” หมิ่น “นพดล ปัทมะ” ทรยศทุนหลวง

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นจำคุก 3 เดือน ไม่รอลงอาญา “สนธิ ลิ้มทองกุล” แกนนำ พธม.-เอเอสทีวี หมิ่น “นพดล ปัทมะ” กล่าวหาทรยศทุนหลวง



ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (19 ก.ย.) เมื่อเวลา 09.30 น. ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.1488/2550 ที่นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในฐานะผู้ดำเนินรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี บริษัท ไทยเดย์ ด็อท คอม จำกัด ผู้จัดทำรายการเมืองไทยรายสัปดาห์, นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล, นายพชร สมุทวณิช, นายขุนทอง ลอเสรีวานิช ทั้งสามซึ่งเป็นกรรมการบริษัท, บริษัท แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้จัดทำเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์, นายตุลย์ ศิริกุลพิพัฒน์, นายวิรัตน์ แสงทองคำ กรรมการบริษัท เป็นจำเลยที่ 1-8 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 326, 328, 332 กรณีเมื่อวันที่ 19 ม.ค. 2550 นายสนธิ จำเลยที่ 1 จัดรายการ “เมืองไทยรายสัปดาห์” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี กล่าวทำนองว่านายนพดล โจทก์ เป็นคนทรยศต่อทุนหลวง

คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก นายสนธิ จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 6 เดือน และปรับบริษัทไทยเดย์ฯ และบริษัทแมเนเจอร์ฯ จำเลยที่ 2 และที่ 6 คนละ 20,000 บาท และให้ยึดทำลายแผ่นซีดีบันทึกภาพและเสียง และทำลายข้อมูลในเว็บไซต์ พร้อมให้จำเลยที่ 1, 2 และ 6 ร่วมกันลงโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ, เดลินิวส์ และมติชน เป็นเวลา 7 วันติดต่อกัน ส่วนคำขออื่นให้ยก ต่อมาจำเลยยื่นอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า การที่จำเลยที่ 1 พูดในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ หาว่าโจทก์ไม่จงรักภักดี เทียบกับสุนัขทองแดงไม่ได้ เป็นการใส่ความให้โจทก์ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง และเป็นข้อความที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ส่วนข้อความว่าโจทก์เป็นทนายความแต่ทำนอกหน้าที่ เป็นคนสนับสนุนทักษิณนั้น หากจำเลยเห็นว่าโจทก์กระทำผิดอย่างไรก็ควรแจ้งให้พนักงานสอบสวนดำำเนินคดีตามกฎหมาย ที่จำเลยอ้างว่ากระทำไปเพื่อปกป้องสถาบันนั้น ศาลเห็นว่าคนไทยทุกคนมีหน้าที่ปกป้องสถาบัน แต่การแสดงออกของจำเลยต้องไม่เป็นการล่วงละเมิดสิทธิของคนอื่น ที่จำเลยอุทธรณ์อ้างว่าที่ศาลชั้นต้นให้โฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์เป็นเวลา 7 วัน เป็นการสิ้นเปลืองเกินความจำเป็น ศาลเห็นว่าแม้จะหมิ่นประมาทโจทก์ผ่านทางเว็บไซต์ วิทยุและโทรทัศน์ แต่การลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ไทยยังมีความจำเป็นอยู่ เพื่อไม่ให้เป็นภาระเกินจำเป็น จึงให้ลดการลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์จาก 7 วัน เหลือ 3 วัน

ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยที่ 2 กับ 6 ที่เป็นนิติบุคคลที่เผยแพร่ภาพเสียงคำพูดหมิ่นประมาท เป็นนิติบุคคลที่ต้องแสดงเจตนาผ่านผู้แทนนิติบุคคล แต่โจทก์ไม่ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า จำเลยที่3, 4, 5, 7, 8 ที่เป็นผู้แทนฯ มีเจตนาใส่ความโจทก์ด้วย ที่ศาลชั้นต้นลงโทษปรับ ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้องด้วย พิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 2-8 ส่วนที่นายสนธิขอลดโทษและขอให้รอการลงโทษนั้น

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การที่โจทก์แสดงออกถึงการปกป้อง พ.ต.ท.ทักษิณนั้น ประชาชนบางส่วนเห็นด้วย บางส่วนไม่เห็นด้วย ซึ่งการแสดงออกถึงความไม่พอใจต้องอยู่ในกรอบ คำกล่าวของจำเลยที่ 1 เป็นการใส่ความผู้อื่นให้ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง และเป็นการละเมิดต่อสิทธิโจทก์ แต่ฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 ไม่เคยรู้จักโกรธเคืองกับโจทก์เป็นส่วนตัวมาก่อนและจำเลยมีอายุกว่า 60 ปีแล้ว มีภาระต้องเลี้ยงดูครอบครัว สมควรลดโทษให้น้อยลง จึงพิพากษาแก้ให้จำคุก 3 เดือน แต่เพื่อให้เข็ดหลาบโทษจำคุกจึงไม่เห็นควรให้รอลงอาญา ส่วนจำเลยอื่นให้ยกฟ้อง

ภายหลังฟังคำพิพากษาเสร็จ นายสนธิ ลิ้มทองกุล จำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์กรมธรรม์ประกันอิสรภาพ ของบริษัทวิริยะประกันภัย มูลค่า 2 แสนบาท ขอประกันตัวระหว่างฎีกาสู้คดี ซึ่งศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ประกันตัวตามคำร้อง
กำลังโหลดความคิดเห็น