xs
xsm
sm
md
lg

“เฉลิม” ผุดไอเดียยก 3 จว.ใต้เป็นเขตปกครองพิเศษ ย้ำ “แม้ว” ไม่ใช่ต้นตอไฟใต้

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง และพล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี
รองนายกฯ “เฉลิม-ยุทธศักดิ์” เรียกประชุมหน่วยข่าวประเมินสถานการณ์ความสงบ 3 จังหวัดใต้ อ้างไฟใต้มีมานานไม่ได้ปะทุเพราะวลี “โจรกระจอก” ของ พ.ต.ท.ทักษิณ แขวะ ส.ส.ปชป.ลงพื้นที่กินน้ำชาสบายใจไม่มีเหตุร้าย แต่พอนายกฯ ลงบ้าง เกิดเหตุบึ้มทันที ผุดไอเดียเสนอให้ 3 จังหวัดใต้เป็นเขตปกครองพิเศษ เลือกตั้งผู้ว่าฯ เหมือน กทม.และเมืองพัทยา

วันนี้ (7 ก.ย.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ชั้น 20 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรีดูแลงานด้านความมั่นคง และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาร่วมประชุมบูรณาการข่าวเพื่อป้องกันและแก้ไขสถานการณ์การก่อเหตุร้าย โดยมี พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รอง ผบ.ตร.ในฐานะว่าที่ ผบ.ตร.คนใหม่ พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา ที่ปรึกษา (สบ 10) พร้อมสำนักข่าวกรองแห่งชาติ และหน่วยงานด้านความมั่นคงต่างๆ เข้าร่วมประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ไปยังกองบัญชาการตระเวนชายแดน (บช.ตชด.) ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) เพื่อกำชับและแลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์ความสงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้

โดย ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวในที่ประชุมว่า อยากจะชี้แจงให้เข้าใจถึงปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่หลายฝ่ายและโดยเฉพาะพรรคฝ่ายค้าน ที่มักจะหยิบยกประเด็นเรื่องความขัดแย้งในทุกวันนี้ขึ้นมาว่า จุดเริ่มต้นมาเกิดจากคำพูดเรื่องโจรกระจอกของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ แต่ในความจริงเหตุการณ์รุนแรงเริ่มเกิดขึ้นมาจากยุคสมัยที่นายควง อภัยวงศ์ ดำรงตำแหน่งนายกฯ อย่างไรก็ตาม สำหรับปัญหาไฟใต้นั้น ไม่ใช่เป็นแค่ปัญหาของรัฐบาล หรือของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ แค่นั้น แต่ถือว่าเป็นปัญหาของทุกภาคส่วนที่ต้องมาระดมช่วยเหลือ รวมถึงทางพรรคฝ่ายค้านอย่างประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่มีจำนวนสภาผู้แทนราษฎรในพื้นที่มากเกือบ 100% ควรจะเข้ามาแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน แต่ในที่ประชุมวันนี้ก็ไม่มีตัวแทนจากพรรค ปชป.มาแลกเปลี่ยนข้อมูลเช่นเดิม

ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวต่อว่า ส่วนตัวคิดว่าปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ขณะนี้ พบว่าอุดมการณ์เริ่มมีน้อยลง แต่ส่วนใหญ่ต้นตอมาจากปัญหาเรื่องยาเสพติด สิ่งของหนี้ภาษีและปัญหาเรื่องน้ำมันเถื่อน ซึ่งข้อมูลตรงนี้ตนมีข้อมูลรายชื่อผู้เกี่ยวข้องอยู่แล้ว และที่ผ่านมาตนไม่ได้หลีกเลี่ยงที่จะลงพื้นที่ แต่ได้มีการสอบถามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ที่ผ่านมาก็เห็นว่า เมื่อนายกฯ ลงพื้นที่ก็มีระเบิด 1 ครั้ง คิดว่าถ้าตนลงพื้นที่คงมีระเบิดตามมาอีกหลายครั้ง กลับกันเมื่อคนของพรรค ปชป.ลงพื้นที่ และนั่งดื่มชา หรือกาแฟอย่างสบายใจ อย่างไรก็ตามขณะนี้กำลังนายกฯ กำลังหางบมาดำเนินเรื่องการจัดซื้อกล้องวงจรปิดไปติดตั้งในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เพิ่มเติม

“การแก้ปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ผมมีแนวคิดที่จะให้มีการปกครองรูปแบบพิเศษในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งให้ประชาชนเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด และมีการปกครองตัวเองส่วนหนึ่ง โดยมีรัฐบาลกลางควบคุม ซึ่งเหมือนกับที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) และเมืองพัทยา จ.ชลบุรี รูปแบบนี้จึงไม่ใช่การแบ่งแยกดินแดนอย่างแน่นอน ถ้าไม่แน่ใจก็ให้นำไปใช้กับ จ.ภูเก็ต ด้วยก็ได้ แต่ผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะเอา 3 จังหวัด มารวมเป็นมหานครปัตตานี ตี่สนับสนุนการเลือกตั้งผู้ว่าฯ ในจังหวัด โดยแนวคิดนี้ผมจะนำเสนอต่อท่านายกฯ ต่อไป” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว

ด้าน พล.ต.ต.พิเชษฐ์ ปิติเศรษฐพันธ์ ผบก.ภ.จว.ปัตตานี กล่าวแสดงความเห็นกับการให้พื้นที่ภาคใต้เป็นเขตปกครองพิเศษ เห็นด้วยกับแนวคิดของ ร.ต.อ.เฉลิม มองว่า การแก้ปัญหา3จังหวัด ต้องพูดความจริง จึงจะแก้ปัญหาได้ เสริมอุปกรณ์ไปเท่าไหร่ หากแต่ยังไม่ได้ใจประชาชน ยังขจัดความหวาดระแวงไม่ได้ก็ยังแก้ปัญหาไม่ได้ เห็นด้วยแก้ปัญหาเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด แต่ควรให้เป็นซีอีโอ นอกจากผู้ว่าฯ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด และผบ.พันของทหารต้องขึ้นกับเขตปกครองพิเศษนี้จึงจะได้ผลดี ตนอยู่ในพื้นที่ ทราบดีว่า 3 จังหวัด ปัตตานี ยะลา มีแนวคิดต่างกัน ดังนั้นแก้ปัญหาต่างกัน ตนว่าแก้ปัญหาแบบทุกวันนี้ใช้เงินเท่าไหร่ก็ไม่พอถ้ายังไม่แก้ที่ใจประชาชน

ด้าน พล.ต.ต.โชติ ชวาลวิวัฒ์ ผบก.ภ.จว. นราธิวาส กล่าวถึงการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ว่า ใน บก.ภ.จว.นราธิวาส กำลังตำรวจยังขาดประมาณ 1,900 นาย แต่มีปัญหาเรื่องกล้องซีซีทีวีที่ยังไม่สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีปัญหาติดตั้ง ไม่สามารถปรับขยับย้ายกล้อง หรือเปลี่ยนมุมได้เลย เนื่องจากมีหนังสือจากปลัดกระทรวงมหาดไทยห้ามแตะต้องกล้องเนื่องจากยังมีปัญหาเรื่องการรับมอบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่ ผบก.ภ.จว.นราธิวาส แจ้งปัญหาขัดข้องเรื่องกล้อง ร.ต.อ.เฉลิมได้ต่อสายโทรศัพท์ไปยังนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อขอให้ประสานแก้ไขทันที ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิมแจ้งต่อที่ประชุมว่า ทาง รมว.มหาดไทยขอจัดการเสร็จภายใน 2 ชั่วโมง จากนั้น พล.ต.ต.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบช.ภ.9 รายงานถึงการพบธงชาติมาเลเซียในพื้นที่ สภ.เทพา สะบ้าย้อย ห้วยปลิงกระท้อน บ้านโหนด จ.สงขลา เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ซึ่งกรณีนี้ ร.ต.อ.เฉลิมสั่งการให้ไปพิสูจน์แหล่งซื้อและผลิตธงดังกล่าว ซึ่งทาง บช.ภ.9 รายงานเบื้องต้นว่า พิสูจน์แล้วว่าธงเป็นผ้าไหม เนื้อผ้าพื้นเมืองมาเลย์ สามารถหาซื้อทั่วไปตามท้องถิ่นในมาเลเซีย น่าจะนำเข้ามาจากมาเลเซีย นอกจากนี้ยังสั่งการให้ไปตรวจสอบกรณีมีความพยายามขยายปมความขัดแย้งเรื่องเงินเยียวยาเหตุการณ์กรือเซะ และตรวจสอบกรณีมีข่าวความขัดแย้งจากเรื่องที่ ศอ.บต.ว่าจ้างบริษัทพาประชาชนไปประกอบพิธีไปฮัจญ์ 15,000 คนที่มีข่าวมีนายหน้าวิ่งเต้นบริษัท เปลี่ยนบริษัทเกิดความแตกแยก เพื่อไม่ให้กลายเป็นความขัดแย้ง

ด้าน พล.ต.อ.อดุลย์กล่าวในที่ประชุมว่า ขณะนี้กำลังมีการปรับแก้การทำงานตำรวจในพื้นที่ โดยใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 ปรับแก้ระเบียบกฎหมาย ให้ ผบช.ศชต.มีอำนาจบริหาร สั่งการตำรวจทุกหน่วยในพื้นที่ ทั้ง ตชด. สตม. บช.ก. ฯลฯ เพื่อให้การใช้กำลังในพื้นที่มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้นอกจากสั่งการปฏิบัติแล้วให้ ผบช.ศชต.สามารถให้คุณให้โทษ มีส่วนในการเสนอพิจารณาปรับย้าย เลื่อนตำแหน่งได้ด้วย นอกจากนี้จะมีการปรับงานของ ผบช.ศชต. ที่เดิมทีมีงานด้านธุรการต้องทำ ต้องมาประชุมส่วนกลางบ่อยครั้ง เป็นผลให้ไม่สามารถอยู่เกาะติดพื้นที่ ตรงนี้พบว่ากลายเป็นปัญหา จึงแก้ไขให้ต่อไป ผบช.ศชต. ผบก.ในพื้นที่ ไม่ต้องรับงานธุรการ มอบให้รองฯทำแทน เพื่อให้ ผบช.ศชต. และผบก.ไปขับเคลื่อนงานด้านยุทธการอย่างเต็มที่ ขณะที่กำลังปรับงานในสถานีตำรวจให้พร้อมสำหรับการเดินยุทธการ มีหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ครูฝึก ชุดมวลชน จัดตั้งชุดรบ 3 ชุด เป็นหน่วยเคลื่อนที่เร็วทุกโรงพัก นอกจากนี้ พบว่า ศชต. ขาดพนักงานสอบสวน 181 ขาด อัตรา สั่งการ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ไปดำเนินการจัดหาแล้ว ขณะที่ในวันที่ 1 ตุลาคม ตชด. จะได้จัดส่ง ชุดฉก.รบ.ตำรวจ พลร่ม 8 ชุดลงพื้นที่ประจำ จ.ปัตตานี ยะฃา นราธิวาส จังหวัดละ 2 ชุด และ ประจำศชต.อีก 2 ชุด และมีการจัดกำลังตำรวจเพิ่ม ทั้งทหารเกณฑ์ และผู้มีวุฒิ ม.6 ที่กำลังสอบคัดเลือกกันอยู่ จำนวนรวม กว่า 4,450 อัตรา เข้าไปประจำในพื้นที่ คาดว่าทำงานได้กลางปีหน้า ซึ่งกำลังตรงนี้เมื่อลงพื้นที่จะผ่านหลักสูตรการปรับตัวในเข้ากับพื้นที่ก่อนทำงานจริง

“เมื่อผมเป็น ผบ.ตร.ผมจะดูแลเรื่องภาคใต้เอง ระดับ ตร.ผมจะรับผิดชอบเอง แม้ตอนนี้ จะมีรอง ผบ.ตร. ผู้ช่วย ผบ.ตร.กำกับอยู่แต่ไม่พอ ในฐานะที่ผมเคยเป็นรอง ผบ.ตร.แล้วกำกับดูแลภาคใต้มาก่อน รู้ดีว่ารอง ผบ.ตร.ไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาได้เต็มที่ ไม่มีอำนาจไปสั่งการส่วนงานอื่น บางทีปัญหาเรื่องการบริหาร เรื่องกำลังพล เรื่องสวัสดิการก็ไปเข้างานของรอง ผบ.ตร.คนอื่น ประสานได้ไม่เต็มที่ จึงช่วยในพื้นที่ไม่ได้เต็มที่ รอง ผบ.ตร.เป็นแบ็กอัพยังไม่พอ ผมเป็น ผบ.ตร.ผมจะเป็นแบ็กอัพให้เอง ผมจะคุมเอง ต่อไปการแก้ปัญหาภาคใต้ติดขัดตรงไหนฝ่ายไหนส่งตรงมาที่ผม ผมสั่งการได้ทุกฝ่าย แก้ได้ทันที คราวนี้ผมรับผิดชอบเอง การแก้ปัญหายาเสพติดก็เช่นกัน 2 เรื่องนี้เป็นวาระชาติ ดังนั้นเมื่อผมเป็น ผบ.ตร.ผมจะคุมเอง ผมนั่งหัวโต๊ะที่ศปก.ตร. คุมเองใน 2 เรื่องนี้ เริ่มวันที่ 1 ตุลาคม” รอง ผบ.ตร.กล่าว

กำลังโหลดความคิดเห็น