ผบก.น.4 แถลงผลงานตำรวจ สน.วังทองหลาง-หัวหมาก จับกุมผู้ต้องหา 2 คดี ก่อเหตุลักทรัพย์-อนาจาร คุ้ยประวัติสุดแสบ เจอคดีค้างเก่า! ก่อเหตุย่องเบายกเค้าบ้าน “มาช่า” ปลายปี 54
วันนี้ (21 ส.ค.) เวลา 13.30 น. ที่ สน.วังทองหลาง พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี ผบก.น.4 พ.ต.อ.ลือชัย สุดยอด รอง ผบก.น.4 พ.ต.อ.ญาณพงศ์ โสมาภา ผกก.สน.วังทองหลาง พ.ต.ท.วิวัฒน์ อัศวะวิบูลย์ สว.สส.สน.วังทองหลาง แถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหา 2 คดี คดีแรกผู้ต้องหาลักทรัพย์ในบ้านกัปตันการบินไทย คือ นายไชยา หรือเอก พันต๊ะ สาวประเภทสอง อายุ 35 ปี พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ นาฬิกาข้อมือ แหวนเพชร สร้อยคอทองคำ กำไรทองคำ ต่างหูทองคำ และอีกหลายรายการ รวม 66 รายการ พร้อมตั๋วรับจำนำ ซึ่งทรัพย์สินส่วนหนึ่งเป็นของบ้าน นายเศรษฐวัธน อู่ตะเภา กัปตันการบินไทย มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท โดยจับกุมตัวได้ที่ห้อง 511 พีเจ คอร์ท ซ.ลาดพร้าว 109 แขวงและเขตบางกะปิ กทม.
พล.ต.ต.ชาญเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 15 ส.ค. 55 เวลาประมาณ 22.00 น.นายไชยา ได้เข้าไปลักทรัพย์ภายในบ้าน นายเศรษฐวัธน อู่ตะเภา กัปตันสายการบินไทย บ้านเลขที่ 529/12 ซ.ลาดพร้าว 126 แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กทม.ได้ทรัพย์สินเป็นเครื่องประดับเพชร ทองรูปพรรณ เป็นจำนวนหลายรายการมูลค่าประมาณ 1 ล้านบาท กระทั่งวันที่ 20 ส.ค.55 เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.วังทองหลาง ได้ประสานข้อมูลบุคคลต้องสงสัยที่มีประวัติลักทรัพย์กับ ฝ่ายสืบสวน สน.ร่มเกล้า สืบสวนจนทราบว่า คนร้ายในคดีนี้ คือ นายไชยา ซึ่งมาเปิดห้องเช่าดังกล่าว จึงได้ทำการตรวจค้นภายในห้องพักก็พบทรัพย์สินดังกล่าวหลายรายการ รวม 66 รายการ พร้อมกับตั๋วจำนำอีกจำนวนหนึ่ง จึงจับกุมตัวพร้อมของกลางทั้งหมด
จากการสอบสวนนายไชยาให้การรับสารภาพว่า ทรัพย์สินส่วนหนึ่งได้จากการเข้าไปลักทรัพย์ในบ้านของนายเศรษฐวัธน กัปตันการบินไทยจริง และยังยอมรับอีกว่า ตนเคยก่อคดีลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์มาแล้วหลายครั้ง โดยทรัพย์สินที่ได้ส่วนใหญ่ตนจะนำไปขาย และจำนำเพื่อนำเงินไปซื้อยาเสพติดเพื่อมาเสพ เพราะตนนั้นติดเสพยาบ้าวันละ 5-6 เม็ด มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว โดยไม่ได้ประกอบอาชีพอะไร และมักจะก่อเหตุด้วยวิธีการเดินดูตามบ้านเฉยๆ พอสบโอกาสว่าไม่มีคนอยู่ ก็จะทำทีเข้าไปขโมยทรัยพ์สิน และในย่านถนนเกษตร-นวมินทร์ ตามป้ายรถเมล์ที่เปลี่ยวๆ ถ้าเห็นว่าผู้เสียหายมีทรัพย์สินอยู่คนเดียว จะทำการกระชากกระเป๋าแล้วหลบหนี ส่วนใหญ่จะก่อเหตุในท้องที่ บก.น.3 และ บก.น.4
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติ พบว่า เคยก่อคดีลักทรัพย์ในท้องที่ สน.บางชัน, สน.มีนบุรี, สน.ลาดพร้าว, สน.นิมิตรใหม่ และยังมีหมายจับในคดีลักทรพัย์ท้องที่ สภ.สัตหีบ จ.ชลบุรี อีกด้วย และเพิ่งพ้นคุกคดีข้อหาเสพยาเสพติดออกมา เมื่อเดือนธันวาคม 2554 ท้องที่ สน.มีนบุรี และลักทรัพย์ท้องที่ สน.ลำผักชี ที่ผ่านมา ก็ยังคงไม่เข็ดหลาบกลับมาก่อเหตุอีก
ด้าน นางพรรณภัทร์ อู่ตะเภา อายุ 40 ปี ภรรยากัปตันการบินไทย ที่เดินทางมาดูทรัพย์สินในวันนี้ กล่าวว่า สามีตนติดไฟลต์บินอยู่ จึงไม่สามารถเดินทางมาด้วย แต่ตนรู้สึกดีใจที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้ พร้อมกับได้ทรัพย์สินคืนบางส่วน และอีกส่วนหนึ่งเป็นตั๋วจำนำแหวนเพชร และนาฬิกา ก็คงจะต้องไปไถ่คืนออกมาเอง
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา “ลักทรัพย์ในเคหสถานโดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นนั้นเข้าไป” และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
อีกรายคดี จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับคดีค้างเก่า โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.หัวหมาก ในข้อหากระทำอนาจารฯ และก่อเหตุลักทรัพย์ตามหมายจับคดีค้างเก่า บ้านนักร้อง-นักแสดงชื่อดัง “มาช่า วัฒนพานิช” ผู้ต้องหาคือ นายเดชา ป้องคำแสน อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 125 หมู่ที่ 8 ต.ในเมือง อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ตามหมายจับของศาลอาญา ที่ 3060/2551 ลงวันที่ 5 พ.ย.2551 โดยจับกุมผู้ต้องหาได้ที่ บริษัท สุขทรรศน์ จำกัด เลขที่ 88/48 ถนนบางบัวทอง-ปทุมธานี ตำบลบางตะไนย์ อำเภอปากเกร็ด จ.นนทบุรี
พล.ต.ต.ชาญเปิดเผยว่า สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.2551 นายเดชา ป้องคำแสน ผู้ต้องหาได้พยายามจะข่มขืน ด.ญ.เปิ้ล (นามสมมติ) อายุ 14 ปี ขณะนอนหลับอยู่ในบ้านพักย่านบางกะปิ โดยหลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบทราบว่า นายเดชา เป็นผู้ก่อเหตุ และได้ขออนุมัติศาลเพื่อออกหมายจับและสืบสวนติดตามจับกุม ต่อมาเมื่อวันที่ 20 ส.ค.55 เวลาประมาณ 18.45 น.สามารถจับกุมตัวนายเดชา ได้ตามหมายจับดังกล่าว ในข้อหากระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี โดยเด็กจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม โดยใช้กำลังประทุษร้ายจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ บุกรุกในเคหสถาน ในเวลากลางคืน เหตุเกิดบริเวณบริษัท สุขทรรศน์ จำกัด
จากนั้นได้ทำการตรวจสอบฐานข้อมูลหมายจับของนายเดชา พบว่ามีหมายจับของศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ 594/2554 ลงวันที่ 16 ธ.ค. 2554 ในข้อหาลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน บุกรุกในเคหสถานในเวลากลางคืน หรือรับของโจร สำหรับคดีนี้ นายเดชา ให้การรับสารภาพว่า ได้เข้าไปทำการลักทรัพย์ที่บ้านของนักร้อง-นักแสดง “มาช่า วัฒนพานิช” ย่านติวานนท์ จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 24 ต.ค.ได้โทรศัพท์มือถือไปจำนวน 2 เครื่อง
สอบสวนนายเดชาให้การรับสารภาพว่า ได้บุกเข้าไปในบ้านของ ด.ญ.เปิ้ล และจะข่มขืน ด.ญ.เปิ้ลจริง แต่ยังไม่ทันได้ข่มขืน ด.ญ.เปิ้ลได้ตื่นขึ้นมาพบพร้อมร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ ด้วยความตกใจตนเองเลยวิ่งหนีออกมา ที่ทำไปเพราะกินเหล้าเมาแล้วเกิดอารมณ์ทางเพศ อีกทั้งขณะนั้นไปทำงานเป็นช่างทำเฟอร์นิเจอร์ พักอยู่ติดกับบ้านของ ด.ญ.เปิ้ล และเห็น ด.ญ.เปิ้ลทุกวันจึงเกิดความรักใคร่ชอบพอ เมื่อสบโอกาสเลยจะเข้าไปข่มขืน หลังก่อเหตุเลยย้ายไปทำงานเป็นช่างเฟอร์นิเจอร์บริษัทแห่งหนึ่งแถวจังหวัดนนทบุรี อยู่ใกล้กับบ้านของมาช่า และคืนเกิดเหตุเห็นคนที่บ้านนอนหมดแล้วเลยปีนต้นไม้ทางหลังบ้านมาช่า แล้วเข้าไปที่ห้องนอนชั้นที่ 2 แต่ไม่รู้ว่าเป็นห้องของใคร เมื่อเข้าไปก็หยิบเอาโทรศัพท์มือถือไอโฟน 1 เครื่อง และแบล็กเบอร์รีอีก 1 เครื่องไป โดยจังหวะที่กำลังจะหนีคนในบ้านตื่นขึ้นมาเห็นก่อนเลยรีบปีนต้นไม้กลับออกมาทางเดิม และไม่คิดว่าจะมีใครจำได้ พอได้มาก็เอาไปแลกยาบ้ากับเพื่อนชื่อ นายเอ ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง ที่จังหวัดขอนแก่นบ้านเกิด โดยเอาโทรศัพท์ 2 เครื่องที่ได้มาจากบ้านมาช่าไปแลกยาบ้ามาได้ 40 เม็ดเพื่อเอามาเสพ จากนั้นก็กลับมาทำงานตามปกติจนมาถูกจับในที่สุด เจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป