สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจกหนังสือคู่มือนโยบายและแนวทางปฏิบัติในการถวายความสะดวกด้านการจราจรจำนวน 25000 เล่มให้แก่ประชาชนเพื่อเป็นความรู้ความเข้าใจทั่วประเทศ
วันที่ 27 ก.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อเวลา 9.00น. พล.ต.อ. วรพงษ์ ชิวปรีชา ที่ปรึกษา สบ.10 พร้อมด้วย พล.ต.ท.ไตรรัตน์ อมาตยกุล รองหัวหน้านายตำรวจราชสำนักประจำ หรือ นรป. เป็นประธานฝึกอบรมแนวทางการปฏิบัติในการถวายความปลอดภัยและอำนวยการจราจร การเสด็จพระราชดำเนินให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของห้างสรรพสินค้าและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำนวน กว่า 200 คน เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจวิธีปฏิบัติการประสานงานและสร้างความมั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่ให้แก่ผู้เข้าอบรม
พล.ต.อ. วรพงษ์ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ เป็นการทำความเข้าใจเรื่องการประสานงานกับเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน โดยมีการบรรยายพิเศษจาก รองราชเลขาธิการ กรมราชองครักษ์ และนายตำรวจราชสำนักประจำ ซึ่งนอกจากการจัดสัมมนาในครั้งนี้แล้ว จะมีการจัดอบรมไปยังหน่วยงานส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ ทั้งเรื่องการเสด็จพระราชดำเนินส่วนตัวหรือเป็นทางการ โดยจะทำการอบรมเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรทั่วประเทศ โดยจะเริ่มต้นจากกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ระหว่างเดือนสิงหาคมไปจนถึงเดือนกันยายน นอกจากนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติยังได้จัดทำคู่มือนโยบายและแนวทางปฏิบัติในการถวายความสะดวกด้านการจราจรจำนวน 25000 เล่ม แจกจ่ายให้กับประชาชนทั่วประเทศอีกด้วย
ทั้งนี้ หนังสือ “นโยบายและแนวทางการปฏิบัติในการถวายความสะดวกด้านการจราจรในการเสด็จพระราชดำเนิน (เป็นการส่วนพระองค์)” ได้กำหนดแนวทางการจัดการจราจรที่เป็นเส้นทางเสด็จพื้นที่ราบให้อาทิ 1.ขบวนเสด็จผ่านถนนที่มีช่องคู่ขนานให้รถวิ่งในช่องทางคู่ขนานได้ตามปกติ 2.ถนนที่ไม่มีช่องคู่ขนาน จะมีเกาะกลางถนน หรือไม่มีเกาะกลางถนนก็ตาม และมีช่องทางเดินรถในทิศทางเดียวกันตั้งแต่ 2 ช่องทางขึ้นไป ให้เปิดการจราจรให้รถวิ่งสวนกับขบวนเสด็จได้ แต่ไม่อนุญาตให้รถที่วิ่งสวนใช้สัญญาณไฟวับวาบ ยกเว้นรถพยาบาลที่มีผู้ป่วยฉุกเฉิน 3. ถนนที่ไม่มีเกาะกลางถนน แต่ละฝั่งมีช่องทางเดินรถสวนกันได้เพียงช่องเดียว ฝั่งตรงข้ามไม่ต้องปิดการจราจร แต่ให้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจถวายความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกการจราจรในช่องทางรถสวน ช่องทางกลับรถ และช่องทางเข้าซอย 4. รถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าขบวนเสด็จในระยะใกล้ให้หยุดรถชิดช่องทางด้านซ้าย จนกว่าขบวนเสด็จจะผ่านไป 5. ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่จัดรถยนต์ “ปิดท้ายกันแซง” เพื่อป้องกันอุบัติเหตุและระวังไม่ให้รถแซงขบวนรับ-ส่ง สุดเขตต่อเขตพื้นที่รับผิดชอบ6. เมื่อมีรถตกค้างบนถนนในต่างจังหวัดห้ามไม่ให้ไล่รถเข้าปั๊มน้ำมันหรือเข้าซอยโดยเด็ดขาด ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรสั่งให้ผู้ขับขี่นำรถจอดชิดขอบทางด้านซ้ายและดับเครื่องยนต์ จนกว่าขบวนเสด็จจะผ่านไป 7. กรณีขบวนเสด็จผ่านบนพื้นราบมีสะพานลอยรถข้ามหรือมีทางรถข้ามพาด ให้เปิดการจราจรตามปกติ 8. กรณีขบวนเสด็จผ่านสะพานลอยคนข้าม ให้ประชาชนเดินข้ามตามปกติ9. การก่อสร้างบริเวณริมถนนที่จะเสด็จผ่าน ให้หยุดการทำงานชั่วคราว จนกว่าขบวนเสด็จจะผ่านไป
สำหรับการจัดการจราจรเป็นเส้นทางเสด็จฯ บนทางด่วนให้ปฏิบัติดังนีิ้ 1.ขบวนเสด็จฯจากพื้นราบจะขึ้นทางด่วนแล้วมีรถที่รอจะขึ้นทางด่วนอยู่ด้านหน้าอย่างบังคับให้เปลี่ยนเส้นทาง ให้พิจารณาความปลอดภัยตามสภาพการจราจรและให้รถสามารถขึ้นไปรอบนทางด่วนได้โดยให้หยุดรอไว้ชิดขอบทางด้ายซ้ายและดับเครื่องยนต์รอจนกว่าขบวนเสด็จฯจะผ่านพ้น แล้วอนุญาตให้รถสามารถเดินทางต่อไปโดยเร็ว2.ให้ใช้รถจักรยานยนต์จากโครงการจราจรตามพระราชดำริช่วยกันรถที่จะขึ้นจากช่องทางอื่นมาบนทางด่วนไว้ก่อน จนกว่าขบวนเสด็จฯจะผ่านไปและอนุญาตให้สามารถเดนทางต่อไปได้โดยเร็ว3.การจราจรคับคั่งและติดขัดบนทางด่วนให้เปิดการจราจรไว้ 1 ช่องทางเพื่อให้ขบวนเสด็จฯสามารถผ่านได้
สำหรับการจัดการจราจรบริเวณศูนย์การค้า ที่สาธารณะและสนามบินให้ปฏิบัติ ที่สำคัญดังนี้ ในกรณีที่เสด็จอย่างเป็นทางการ ให้ปิดกั้นพื้นที่เท่าที่จำเป็นเพื่อถวายความปลอดภัยตามลักษณะงานเท่านั้น ให้มีการเน้นย้ำการปฏิบัติ ณ ที่หมายเฉพาะ เช่นบริเวณทางเข้า-ออก ให้ปิดกั้นในช่วงก่อนเสด็จฯเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ตามที่หมายต่างๆ ภายในอาคารสาธารณะ ให้ประสานกับพนักงานรักษาความปลอดภัยสถานที่ มิให้ไล่ประชาชนออกจากบริเวณที่ปิดประตูทางเข้า-ออก บันใดเลื่อน ลิฟต์ ในสถานที่เหล่านั้น ตลอดจนห้ามสั่งให้ประชาชนปิดประตูหน้าต่างอาคารบ้านและร้านค้าที่ใกล้กับที่จะเสด็จพระราชดำเนิน ปล่อยให้ประชาชนใช้ชีวิตประจำวันไปตามปกติ เพียงแต่ระมัดระวังอย่าให้คนเข้าไปชิดพระองค์เท่านั้น ขบวนเสด็จฯที่เป็นส่วนพระองค์ ขอให้พิจารณาใช้รถตู้ หรือรถยนต์สำหรับผู้ตามเสด็จ เพื่อทำให้ขบวนสั้นลงและให้รถยนต์ที่ตกค้างในเส้นทางเสด็จฯหยุดรถชิดทางซ้าย โดยไม่ต้องปิดการจราจรและให้เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนตามรายทางเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เพื่อรักษาความปลอดภัย
วันที่ 27 ก.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อเวลา 9.00น. พล.ต.อ. วรพงษ์ ชิวปรีชา ที่ปรึกษา สบ.10 พร้อมด้วย พล.ต.ท.ไตรรัตน์ อมาตยกุล รองหัวหน้านายตำรวจราชสำนักประจำ หรือ นรป. เป็นประธานฝึกอบรมแนวทางการปฏิบัติในการถวายความปลอดภัยและอำนวยการจราจร การเสด็จพระราชดำเนินให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของห้างสรรพสินค้าและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำนวน กว่า 200 คน เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจวิธีปฏิบัติการประสานงานและสร้างความมั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่ให้แก่ผู้เข้าอบรม
พล.ต.อ. วรพงษ์ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ เป็นการทำความเข้าใจเรื่องการประสานงานกับเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน โดยมีการบรรยายพิเศษจาก รองราชเลขาธิการ กรมราชองครักษ์ และนายตำรวจราชสำนักประจำ ซึ่งนอกจากการจัดสัมมนาในครั้งนี้แล้ว จะมีการจัดอบรมไปยังหน่วยงานส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ ทั้งเรื่องการเสด็จพระราชดำเนินส่วนตัวหรือเป็นทางการ โดยจะทำการอบรมเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรทั่วประเทศ โดยจะเริ่มต้นจากกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ระหว่างเดือนสิงหาคมไปจนถึงเดือนกันยายน นอกจากนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติยังได้จัดทำคู่มือนโยบายและแนวทางปฏิบัติในการถวายความสะดวกด้านการจราจรจำนวน 25000 เล่ม แจกจ่ายให้กับประชาชนทั่วประเทศอีกด้วย
ทั้งนี้ หนังสือ “นโยบายและแนวทางการปฏิบัติในการถวายความสะดวกด้านการจราจรในการเสด็จพระราชดำเนิน (เป็นการส่วนพระองค์)” ได้กำหนดแนวทางการจัดการจราจรที่เป็นเส้นทางเสด็จพื้นที่ราบให้อาทิ 1.ขบวนเสด็จผ่านถนนที่มีช่องคู่ขนานให้รถวิ่งในช่องทางคู่ขนานได้ตามปกติ 2.ถนนที่ไม่มีช่องคู่ขนาน จะมีเกาะกลางถนน หรือไม่มีเกาะกลางถนนก็ตาม และมีช่องทางเดินรถในทิศทางเดียวกันตั้งแต่ 2 ช่องทางขึ้นไป ให้เปิดการจราจรให้รถวิ่งสวนกับขบวนเสด็จได้ แต่ไม่อนุญาตให้รถที่วิ่งสวนใช้สัญญาณไฟวับวาบ ยกเว้นรถพยาบาลที่มีผู้ป่วยฉุกเฉิน 3. ถนนที่ไม่มีเกาะกลางถนน แต่ละฝั่งมีช่องทางเดินรถสวนกันได้เพียงช่องเดียว ฝั่งตรงข้ามไม่ต้องปิดการจราจร แต่ให้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจถวายความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกการจราจรในช่องทางรถสวน ช่องทางกลับรถ และช่องทางเข้าซอย 4. รถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าขบวนเสด็จในระยะใกล้ให้หยุดรถชิดช่องทางด้านซ้าย จนกว่าขบวนเสด็จจะผ่านไป 5. ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่จัดรถยนต์ “ปิดท้ายกันแซง” เพื่อป้องกันอุบัติเหตุและระวังไม่ให้รถแซงขบวนรับ-ส่ง สุดเขตต่อเขตพื้นที่รับผิดชอบ6. เมื่อมีรถตกค้างบนถนนในต่างจังหวัดห้ามไม่ให้ไล่รถเข้าปั๊มน้ำมันหรือเข้าซอยโดยเด็ดขาด ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรสั่งให้ผู้ขับขี่นำรถจอดชิดขอบทางด้านซ้ายและดับเครื่องยนต์ จนกว่าขบวนเสด็จจะผ่านไป 7. กรณีขบวนเสด็จผ่านบนพื้นราบมีสะพานลอยรถข้ามหรือมีทางรถข้ามพาด ให้เปิดการจราจรตามปกติ 8. กรณีขบวนเสด็จผ่านสะพานลอยคนข้าม ให้ประชาชนเดินข้ามตามปกติ9. การก่อสร้างบริเวณริมถนนที่จะเสด็จผ่าน ให้หยุดการทำงานชั่วคราว จนกว่าขบวนเสด็จจะผ่านไป
สำหรับการจัดการจราจรเป็นเส้นทางเสด็จฯ บนทางด่วนให้ปฏิบัติดังนีิ้ 1.ขบวนเสด็จฯจากพื้นราบจะขึ้นทางด่วนแล้วมีรถที่รอจะขึ้นทางด่วนอยู่ด้านหน้าอย่างบังคับให้เปลี่ยนเส้นทาง ให้พิจารณาความปลอดภัยตามสภาพการจราจรและให้รถสามารถขึ้นไปรอบนทางด่วนได้โดยให้หยุดรอไว้ชิดขอบทางด้ายซ้ายและดับเครื่องยนต์รอจนกว่าขบวนเสด็จฯจะผ่านพ้น แล้วอนุญาตให้รถสามารถเดินทางต่อไปโดยเร็ว2.ให้ใช้รถจักรยานยนต์จากโครงการจราจรตามพระราชดำริช่วยกันรถที่จะขึ้นจากช่องทางอื่นมาบนทางด่วนไว้ก่อน จนกว่าขบวนเสด็จฯจะผ่านไปและอนุญาตให้สามารถเดนทางต่อไปได้โดยเร็ว3.การจราจรคับคั่งและติดขัดบนทางด่วนให้เปิดการจราจรไว้ 1 ช่องทางเพื่อให้ขบวนเสด็จฯสามารถผ่านได้
สำหรับการจัดการจราจรบริเวณศูนย์การค้า ที่สาธารณะและสนามบินให้ปฏิบัติ ที่สำคัญดังนี้ ในกรณีที่เสด็จอย่างเป็นทางการ ให้ปิดกั้นพื้นที่เท่าที่จำเป็นเพื่อถวายความปลอดภัยตามลักษณะงานเท่านั้น ให้มีการเน้นย้ำการปฏิบัติ ณ ที่หมายเฉพาะ เช่นบริเวณทางเข้า-ออก ให้ปิดกั้นในช่วงก่อนเสด็จฯเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ตามที่หมายต่างๆ ภายในอาคารสาธารณะ ให้ประสานกับพนักงานรักษาความปลอดภัยสถานที่ มิให้ไล่ประชาชนออกจากบริเวณที่ปิดประตูทางเข้า-ออก บันใดเลื่อน ลิฟต์ ในสถานที่เหล่านั้น ตลอดจนห้ามสั่งให้ประชาชนปิดประตูหน้าต่างอาคารบ้านและร้านค้าที่ใกล้กับที่จะเสด็จพระราชดำเนิน ปล่อยให้ประชาชนใช้ชีวิตประจำวันไปตามปกติ เพียงแต่ระมัดระวังอย่าให้คนเข้าไปชิดพระองค์เท่านั้น ขบวนเสด็จฯที่เป็นส่วนพระองค์ ขอให้พิจารณาใช้รถตู้ หรือรถยนต์สำหรับผู้ตามเสด็จ เพื่อทำให้ขบวนสั้นลงและให้รถยนต์ที่ตกค้างในเส้นทางเสด็จฯหยุดรถชิดทางซ้าย โดยไม่ต้องปิดการจราจรและให้เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนตามรายทางเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เพื่อรักษาความปลอดภัย