ศาลอาญากรุงเทพใต้ เลื่อนอ่านอุทธรณ์คดี “ชูวิทย์” พร้อมพวกรื้อบาร์เบียร์สุขุมวิท เมื่อปี 2546 เหตุจำเลยมาไม่ครบ ศาลนัดอีกครั้ง 11 ก.ย.นี้
ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง 63 วันนี้ (25 ก.ค.) ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีรื้อบาร์เบียร์สุขุมวิท10 คดีหมายเลขดำ ด.2150/2546 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง จ.ส.อ.อภิชาติ ริมมสาร หรือรัมมะสาร, นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย อดีตผู้บริหารบริษัท สุขุมวิท ซิลเวอร์สตาร์, พ.ท.หิมาลัย ผิวพรรณ นายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา บก.สส. (ตำแหน่งขณะฟ้องปี 2546), พ.ต.ธัญเทพ ธรรมธร นายทหารสังกัดกองพันทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ตำแหน่งขณะฟ้องปี 2546) และพวกรวม 131 คน เป็นจำเลยในความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ , บุกรุกในเวลากลางคืน และกักขังหน่วงเหนี่ยวข่มขืนใจให้บุคคลปราศจากเสรีภาพ สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเช้ามืดเวลา 04.00 น.วันที่ 26 ม.ค. 2546 มีกลุ่มชายฉกรรจ์หลายร้อยคนแต่งกายชุดซาฟารี พร้อมรถแบ็กโฮบุกเข้าทำลายร้านบาร์เบียร์ 60 ร้าน ซึ่งตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 10 ไร่ บริเวณสุขุมวิทสแควร์ ซอยสุขุมวิท 10 ถนนสุขุมวิท แขวงและเขตคลองเตย กรุงเทพฯ เสียหายราบเป็นหน้ากลอง เนื่องจากกลุ่มนายทุนกลุ่มใหม่ได้ว่าจ้างให้เข้าไปรื้อร้านค้าของผู้เช่าเดิมเพื่อใช้พื้นที่ทำประโยชน์ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนสอบสวนจนสามารถดำเนินคดีต่อผู้ต้องหาทั้งสิ้นจำนวน 131 คน เช่น นายชูวิทย์, พ.ท.หิมาลัย ผิวพรรณ หรือเสธ.หิ, พ.ต.ธัญเทพ ธรรมธร หรือเสธ.แอ๊ป โดย พ.ต.ธัญเทพ และนายชูวิทย์นั้นได้เข้ามอบตัวในภายหลัง โดยพนักงานสอบสวนใช้เวลารวบรวมพยานหลักฐานกว่า 2 เดือน จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งฟ้องเมื่อวันที่ 13 มี.ค. 46 โดยทั้งหมดให้การปฏิเสธ
โดยนายชูวิทย์ หนึ่งในจำเลยเปิดเผยภายหลังขึ้นศาลว่า เนื่องจากวันนี้จำเลยเดินทางมาศาลไม่ครบ โดยมีจำเลย 8 รายไม่สามารถเดินทางมาศาลได้ตามนัด ศาลอาญากรุงเทพใต้จึงนัดฟังคำพิพากษาอุทธรณ์อีกครั้งในวันที่ 11 ก.ย.นี้ เวลา 09.00 น. ขณะที่ผ่านมาก็มีจำเลยเสียชีวิตไปแล้วบ้างประมาณ 10 ราย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้ศาลอาญากรุงเทพใต้ ซึ่งเป็นศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2549 พิพากษาให้จำคุก 1 ปี นายชาญเวทย์ มาลัยบูชา จำเลยที่ 49 กรณีเป็นทนายความนำเอกสารสิทธิ์การครอบครองที่ดินไปแจ้งต่อพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ให้ลงบันทึกประจำวันช่วงเวลาเดียวกับที่กลุ่มชายฉกรรจ์กำลังรื้อถอนบาร์เบียร์ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือและหลักฐานให้ผู้อื่นเข้าใจว่าการรื้อถอนถูกกฎหมาย ฐานเป็นผู้สนับสนุนให้ร่วมกันบุกรุกในเวลากลางคืน แต่ศาลเห็นว่าคำให้การในชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 49 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 8 เดือน ส่วนจำเลยอื่นศาลยกประโยชน์แห่งความสงสัย ให้ยกฟ้อง
ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง 63 วันนี้ (25 ก.ค.) ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีรื้อบาร์เบียร์สุขุมวิท10 คดีหมายเลขดำ ด.2150/2546 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง จ.ส.อ.อภิชาติ ริมมสาร หรือรัมมะสาร, นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย อดีตผู้บริหารบริษัท สุขุมวิท ซิลเวอร์สตาร์, พ.ท.หิมาลัย ผิวพรรณ นายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา บก.สส. (ตำแหน่งขณะฟ้องปี 2546), พ.ต.ธัญเทพ ธรรมธร นายทหารสังกัดกองพันทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ตำแหน่งขณะฟ้องปี 2546) และพวกรวม 131 คน เป็นจำเลยในความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ , บุกรุกในเวลากลางคืน และกักขังหน่วงเหนี่ยวข่มขืนใจให้บุคคลปราศจากเสรีภาพ สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเช้ามืดเวลา 04.00 น.วันที่ 26 ม.ค. 2546 มีกลุ่มชายฉกรรจ์หลายร้อยคนแต่งกายชุดซาฟารี พร้อมรถแบ็กโฮบุกเข้าทำลายร้านบาร์เบียร์ 60 ร้าน ซึ่งตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 10 ไร่ บริเวณสุขุมวิทสแควร์ ซอยสุขุมวิท 10 ถนนสุขุมวิท แขวงและเขตคลองเตย กรุงเทพฯ เสียหายราบเป็นหน้ากลอง เนื่องจากกลุ่มนายทุนกลุ่มใหม่ได้ว่าจ้างให้เข้าไปรื้อร้านค้าของผู้เช่าเดิมเพื่อใช้พื้นที่ทำประโยชน์ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนสอบสวนจนสามารถดำเนินคดีต่อผู้ต้องหาทั้งสิ้นจำนวน 131 คน เช่น นายชูวิทย์, พ.ท.หิมาลัย ผิวพรรณ หรือเสธ.หิ, พ.ต.ธัญเทพ ธรรมธร หรือเสธ.แอ๊ป โดย พ.ต.ธัญเทพ และนายชูวิทย์นั้นได้เข้ามอบตัวในภายหลัง โดยพนักงานสอบสวนใช้เวลารวบรวมพยานหลักฐานกว่า 2 เดือน จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งฟ้องเมื่อวันที่ 13 มี.ค. 46 โดยทั้งหมดให้การปฏิเสธ
โดยนายชูวิทย์ หนึ่งในจำเลยเปิดเผยภายหลังขึ้นศาลว่า เนื่องจากวันนี้จำเลยเดินทางมาศาลไม่ครบ โดยมีจำเลย 8 รายไม่สามารถเดินทางมาศาลได้ตามนัด ศาลอาญากรุงเทพใต้จึงนัดฟังคำพิพากษาอุทธรณ์อีกครั้งในวันที่ 11 ก.ย.นี้ เวลา 09.00 น. ขณะที่ผ่านมาก็มีจำเลยเสียชีวิตไปแล้วบ้างประมาณ 10 ราย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้ศาลอาญากรุงเทพใต้ ซึ่งเป็นศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2549 พิพากษาให้จำคุก 1 ปี นายชาญเวทย์ มาลัยบูชา จำเลยที่ 49 กรณีเป็นทนายความนำเอกสารสิทธิ์การครอบครองที่ดินไปแจ้งต่อพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ให้ลงบันทึกประจำวันช่วงเวลาเดียวกับที่กลุ่มชายฉกรรจ์กำลังรื้อถอนบาร์เบียร์ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือและหลักฐานให้ผู้อื่นเข้าใจว่าการรื้อถอนถูกกฎหมาย ฐานเป็นผู้สนับสนุนให้ร่วมกันบุกรุกในเวลากลางคืน แต่ศาลเห็นว่าคำให้การในชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 49 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 8 เดือน ส่วนจำเลยอื่นศาลยกประโยชน์แห่งความสงสัย ให้ยกฟ้อง