ตร.เมืองนครสวรรค์จับกุมคนร้ายแต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจไปหลอกลวงข่มขืนผู้หญิงถึง 4 ราย พฤติกรรมสุดแสบ! แสดงตนเป็นตำรวจสายสืบ ขู่ดำเนินจับคดี “ค้าประเวณี” พอถึงโรงเเรมจับเหยื่อข่มขืนยับ
เมื่อเวลา 23.30 น.วันที่ 23 กรกฎาคม 2555 ที่ผ่านมา พ.ต.ท.อนุชิต จันทร์ภักดี สว.สส.สภ.เมืองนครสวรรค์ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ ได้ร่วมกันจับกุมตัวนายสนธยา สีมารักษ์ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 296 หมู่ 3 ต.มหาโพธิ อ.เก้าเลี้ยว ผู้ต้องหาที่ชอบอ้างตัวเป็นตำรวจไปข่มขู่และข่มขืนหญิงสาวหลายราย ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวไว้ได้ที่ขณะกำลังเดินป้วนเปี้ยนอยู่ที่บริเวณหน้าเมืองเพ็ญแมนชั่น เขตเทศบาลนครนครสวรรค์ พร้อมของกลางเสื้อคลุมสีดำ ด้านหลังมีตัวอักษร POLICE สีขาว กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบที่คนร้ายสวมใส่ และโทรศัพท์มือถืออีก 1 เครื่อง โดยมีหญิงสาวผู้เสียหาย 4 รายทั้งที่ถูกข่มขืน และถูกข่มขู่ เดินทางมาชี้ตัวยืนยันต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ
สำหรับการจับกุมดังกล่าว สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้มีหญิงสาววัย 17 ปี เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ ว่าถูกนายสนธยาข่มขืนภายในห้องพักของโรงแรมแห่งหนึ่ง แถบตำบลวัดไทร โดยพฤติการณ์ของคนร้ายจะแต่งกายคล้ายตำรวจนอกเครื่องแบบ อ้างตัวเป็นตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดนครสวรรค์ ทำทีมาข้อตรวจค้น ก่อนจะกล่าวข่มขู่กับผู้เสียหายอย่างหน้าตาเฉยว่า “ถูกจับกุมในข้อหาค้าประเวณี” หากไม่อยากถูกจับกุมดำเนินคดี ให้ตามไปพบที่โรงแรมที่ถูกข่มขืน
จากการสอบถามผู้เสียหายรายนี้ คือ น.ส.เอ (นามสมมติ) เล่าว่า ช่วงที่ถูกนายสนธยาข่มขู่ ตนเองรู้สึกกลัวมาก เพราะลักษณะการแต่งกายดูเหมือนตำรวจจริง อีกทั้งคำพูดคำจาของคนร้ายยังดูจริงจังน่าเชื่อถือด้วย จึงได้เดินทางไปพบตามโรงแรมที่นัดหมายเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ เพราะไม่ได้ทำผิดอย่างที่ถูกกล่าวหา โดยจะยืนอธิบายอยู่ที่หน้าโรงแรมเพียงเท่านั้น แต่เมื่อไปถึงกลับต้องพลาดท่า เนื่องจากถูกนายสนธยาบังคับให้เข้าไปข้างในห้อง แล้วถูกนำธนบัตรฉบับละหนึ่งพันบาทมายัดใส่มือ พร้อมกับพูดว่ามีหลักฐานการค้าประเวณีชัดเจนคงไม่รอดแน่ ต้องถูกจับเข้าคุกสถานเดียว จึงทำให้ตนถึงกับทรุดเข่าอ่อน นั่งร้องไห้ขอให้คนร้ายปล่อยตัวไปนานนับครึ่งชั่วโมง กระทั่งนายสนธยาได้พูดเอ่ยต่อรองว่าต้องมีข้อแลกเปลี่ยน
“เมื่อหนูถามเขาว่าทำไมต้องมีข้อแลกเปลี่ยนเพราะไม่ได้ทำผิดอะไร และขอไม่มีข้อแลกเปลี่ยนใดๆ ทั้งสิ้น แต่นายสนธยากลับพูดว่า ในเมื่อผู้ชายกับผู้หญิงอยู่ในห้องโรงแรมกันสองต่อสอง ควรรู้นะว่าต้องทำอย่างไรบ้าง ซึ่งหนูก็ไม่ยอมและขัดขืนอยู่นาน จนในที่สุดก็มาถูกตำรวจเก๊ใช้กำลังบังคับข่มขืนจนสำเร็จความใคร่” น.ส.เอกล่าว
ด้าน พ.ต.ท.อนุชิตกล่าวว่า หลังจากมีการแจ้งความแล้ว ปรากฏว่าเมื่อช่วงสายของวันนี้ น.ส.ซี (นามสมมติ) ได้เดินทางมาร้องทุกข์ต่อตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนว่าถูกคนร้ายที่ชื่อนายสนธยาอ้างตัวเป็นตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ โทรศัพท์มาข่มขู่ แถมจะยัดเยียดข้อหายาเสพติดให้ โดยบอกว่าหากไม่อยากถูกจับกุมดำเนินคดีให้มาหาที่บริเวณหน้าเมืองเพ็ญแมนชั่น
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจสอบข้อมูลจนพบว่าคนร้ายเป็นรายเดียวกันกับที่ก่อเหตุข่มขืน น.ส.เอ จึงได้วางแผนให้ น.ส.ซีเดินทางไปพบตามที่นัดหมายไว้ โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ติดตามไปซุ่มอยู่รอบบริเวณ จนกระทั่งพบตัวนายสนธยามายืนอยู่ที่หน้าแมนชั่น จึงได้บุกเข้าชาร์จจับกุมตัวไว้ได้ดังกล่าว ส่วนการสอบสวนคนร้ายให้การรับสารภาพว่าก่อเหตุขมขู่ และข่มขืนจริง แต่พึ่งทำเพียงแค่ 4 ครั้ง โดยจะเลือกเหยื่อเป็นหญิงสาวที่ดูซื่อ หลอกง่าย ซึ่งเหยื่อแต่ละรายที่ถูกหลอกนั้นเพียงแค่ต้องการมีเพศสัมพันธ์ด้วยเท่านั้น ไม่ได้ต้องการข่มขู่เอาเงินหรือทรัพย์สินมีค่าของผู้เสียหายแต่อย่างใด
ทั้งนี้ จากการสอบสวนคนร้าย ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การมากนัก และเชื่อว่า นายสนธยาน่าจะก่อเหตุดังกล่าวมาแล้วหลายราย แต่ผู้เสียหายกลัวอับอายจึงไม่กล้าเข้าแจ้งความ ซึ่งเรื่องนี้ตำรวจชุดสืบสวนได้ควบคุมตัวคนร้ายพร้อมของกลางส่งให้พนักงานสอบสวน ไปสอบปากคำเพิ่มเติมเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เมื่อเวลา 23.30 น.วันที่ 23 กรกฎาคม 2555 ที่ผ่านมา พ.ต.ท.อนุชิต จันทร์ภักดี สว.สส.สภ.เมืองนครสวรรค์ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ ได้ร่วมกันจับกุมตัวนายสนธยา สีมารักษ์ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 296 หมู่ 3 ต.มหาโพธิ อ.เก้าเลี้ยว ผู้ต้องหาที่ชอบอ้างตัวเป็นตำรวจไปข่มขู่และข่มขืนหญิงสาวหลายราย ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวไว้ได้ที่ขณะกำลังเดินป้วนเปี้ยนอยู่ที่บริเวณหน้าเมืองเพ็ญแมนชั่น เขตเทศบาลนครนครสวรรค์ พร้อมของกลางเสื้อคลุมสีดำ ด้านหลังมีตัวอักษร POLICE สีขาว กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบที่คนร้ายสวมใส่ และโทรศัพท์มือถืออีก 1 เครื่อง โดยมีหญิงสาวผู้เสียหาย 4 รายทั้งที่ถูกข่มขืน และถูกข่มขู่ เดินทางมาชี้ตัวยืนยันต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ
สำหรับการจับกุมดังกล่าว สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้มีหญิงสาววัย 17 ปี เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ ว่าถูกนายสนธยาข่มขืนภายในห้องพักของโรงแรมแห่งหนึ่ง แถบตำบลวัดไทร โดยพฤติการณ์ของคนร้ายจะแต่งกายคล้ายตำรวจนอกเครื่องแบบ อ้างตัวเป็นตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดนครสวรรค์ ทำทีมาข้อตรวจค้น ก่อนจะกล่าวข่มขู่กับผู้เสียหายอย่างหน้าตาเฉยว่า “ถูกจับกุมในข้อหาค้าประเวณี” หากไม่อยากถูกจับกุมดำเนินคดี ให้ตามไปพบที่โรงแรมที่ถูกข่มขืน
จากการสอบถามผู้เสียหายรายนี้ คือ น.ส.เอ (นามสมมติ) เล่าว่า ช่วงที่ถูกนายสนธยาข่มขู่ ตนเองรู้สึกกลัวมาก เพราะลักษณะการแต่งกายดูเหมือนตำรวจจริง อีกทั้งคำพูดคำจาของคนร้ายยังดูจริงจังน่าเชื่อถือด้วย จึงได้เดินทางไปพบตามโรงแรมที่นัดหมายเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ เพราะไม่ได้ทำผิดอย่างที่ถูกกล่าวหา โดยจะยืนอธิบายอยู่ที่หน้าโรงแรมเพียงเท่านั้น แต่เมื่อไปถึงกลับต้องพลาดท่า เนื่องจากถูกนายสนธยาบังคับให้เข้าไปข้างในห้อง แล้วถูกนำธนบัตรฉบับละหนึ่งพันบาทมายัดใส่มือ พร้อมกับพูดว่ามีหลักฐานการค้าประเวณีชัดเจนคงไม่รอดแน่ ต้องถูกจับเข้าคุกสถานเดียว จึงทำให้ตนถึงกับทรุดเข่าอ่อน นั่งร้องไห้ขอให้คนร้ายปล่อยตัวไปนานนับครึ่งชั่วโมง กระทั่งนายสนธยาได้พูดเอ่ยต่อรองว่าต้องมีข้อแลกเปลี่ยน
“เมื่อหนูถามเขาว่าทำไมต้องมีข้อแลกเปลี่ยนเพราะไม่ได้ทำผิดอะไร และขอไม่มีข้อแลกเปลี่ยนใดๆ ทั้งสิ้น แต่นายสนธยากลับพูดว่า ในเมื่อผู้ชายกับผู้หญิงอยู่ในห้องโรงแรมกันสองต่อสอง ควรรู้นะว่าต้องทำอย่างไรบ้าง ซึ่งหนูก็ไม่ยอมและขัดขืนอยู่นาน จนในที่สุดก็มาถูกตำรวจเก๊ใช้กำลังบังคับข่มขืนจนสำเร็จความใคร่” น.ส.เอกล่าว
ด้าน พ.ต.ท.อนุชิตกล่าวว่า หลังจากมีการแจ้งความแล้ว ปรากฏว่าเมื่อช่วงสายของวันนี้ น.ส.ซี (นามสมมติ) ได้เดินทางมาร้องทุกข์ต่อตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนว่าถูกคนร้ายที่ชื่อนายสนธยาอ้างตัวเป็นตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ โทรศัพท์มาข่มขู่ แถมจะยัดเยียดข้อหายาเสพติดให้ โดยบอกว่าหากไม่อยากถูกจับกุมดำเนินคดีให้มาหาที่บริเวณหน้าเมืองเพ็ญแมนชั่น
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจสอบข้อมูลจนพบว่าคนร้ายเป็นรายเดียวกันกับที่ก่อเหตุข่มขืน น.ส.เอ จึงได้วางแผนให้ น.ส.ซีเดินทางไปพบตามที่นัดหมายไว้ โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ติดตามไปซุ่มอยู่รอบบริเวณ จนกระทั่งพบตัวนายสนธยามายืนอยู่ที่หน้าแมนชั่น จึงได้บุกเข้าชาร์จจับกุมตัวไว้ได้ดังกล่าว ส่วนการสอบสวนคนร้ายให้การรับสารภาพว่าก่อเหตุขมขู่ และข่มขืนจริง แต่พึ่งทำเพียงแค่ 4 ครั้ง โดยจะเลือกเหยื่อเป็นหญิงสาวที่ดูซื่อ หลอกง่าย ซึ่งเหยื่อแต่ละรายที่ถูกหลอกนั้นเพียงแค่ต้องการมีเพศสัมพันธ์ด้วยเท่านั้น ไม่ได้ต้องการข่มขู่เอาเงินหรือทรัพย์สินมีค่าของผู้เสียหายแต่อย่างใด
ทั้งนี้ จากการสอบสวนคนร้าย ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การมากนัก และเชื่อว่า นายสนธยาน่าจะก่อเหตุดังกล่าวมาแล้วหลายราย แต่ผู้เสียหายกลัวอับอายจึงไม่กล้าเข้าแจ้งความ ซึ่งเรื่องนี้ตำรวจชุดสืบสวนได้ควบคุมตัวคนร้ายพร้อมของกลางส่งให้พนักงานสอบสวน ไปสอบปากคำเพิ่มเติมเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป