นักข่าวไอเอ็นเอ็นร้องนครบาล ถูกชาวชุมชนซอยกิ่งเพชร 5 ข่มขู่ และทำร้ายร่างกาย ขณะไปร่วมปฏิบัติหน้าที่ หลัง “ชูวิทย์” พาสื่อไปทำข่าวบ่อนการพนัน ผชบ.น.สั่งประสานกองปราบ เพื่อขอดูคลิปวิดีโอ ก่อนออกหมายจับผู้ต้องหา มาดำเนินดคีต่อไป
วันนี้ (5 ก.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล น.ส.เก๋ (นามสมมติ) ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไอเอ็นเอ็น เดินทางเข้าร้องเรียนกับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.และ พล.ต.ต.พชร บุญสิทธิ์ ผบก.น.1 หลังถูกกลุ่มชายหญิงจำนวนกว่า 10 คน ภายในซอยเพชรบุรี 5 ข่มขู่ รื้อค้นทรัพย์สิน และบังคับให้ขึ้นรถ จยย.ไปในซอยแห่งหนึ่ง ขณะที่เดินทางไปทำข่าวบริเวณดังกล่าว
น.ส.เก๋เปิดเผยว่า ตนได้รับมอบหมายจากสำนักข่าวให้เดินทางไปถ่ายภาพบรรยากาศ และทำข่าวภายในเพชรบุรี ซอย 5 เมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา หลังจากที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรครักประเทศไทย พาสื่อมวลชนแขนงต่างๆ และเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจสอบบ่อนการพนัน เมื่อวันที่ 2 ก.ค.โดยขณะที่กำลังจะเดินทางกลับ ได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์และหญิงสาวเข้ามารุมล้อม และบังคับให้ตนขึ้นรถ จยย.ของชายคนหนึ่ง ไปยังอีกซอยหนึ่ง พร้อมได้ดึงกระเป๋าสะพายไป แล้วรื้อค้นทรัพย์สิน โดยภายในกระเป๋า มีบัตรผู้สื่อข่าวด้วย ก่อนจะหยิบบัตรประชาชนของตนไปถ่ายเก็บไว้ และยังใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปตน และเอาโทรศัพท์มือถือไปลบภาพด้วย โดยกล่าวหาว่า ตนเป็นคนของนายชูวิทย์ ซึ่งตนก็ปฏิเสธพร้อมกับบอกว่า เป็นผู้สื่อข่าว มาทำตามหน้าที่เท่านั้น
น.ส.เก๋กล่าวอีกว่า ยังมีคนบอกว่าให้บอกมาเป็นคนของใคร จะให้เงินห้าพันบาท แต่ตนบอกว่า ไม่อยากได้เงิน และขอร้องให้ปล่อยตัว กระทั่งกลุ่มคนดังกล่าวรื้อค้นทรัพย์สิน และตรวจสอบจนเป็นที่พอใจ จึงปล่อยตัว ตนรู้สึกกังวลใจ เพราะกลัวว่าจะเกิดอันตราย คนกลุ่มดังกล่าวถ่ายบัตรประชาชนไว้ ซึ่งมีทั้งภาพใบหน้า ชื่อ และที่อยู่ จึงต้องแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน
พล.ต.ท.คำรณวิทย์กล่าวว่า จากการสอบถามเบื้องต้นทราบว่า น.ส.เก๋เดินทางไปทำข่าวเพียงคนเดียว และหลังเกิดเหตุได้เดินทางไปแจ้งความที่กองบังคับการปราบปรามไว้แล้ว สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในท้องที่ สน.พญาไท หลังจากนี้จะให้ พล.ต.ต.พชร สั่งการให้ สน.พญาไท ทำการสอบปากคำ พร้อมทั้งประสานไปยังกองปราบเพื่อขอข้อมูล
พล.ต.ท.คำรณวิทย์กล่าวอีกว่า น.ส.เก๋ ยืนยันว่า จำหน้าบุคคลดังกล่าวได้ และมีการชี้ภาพผู้ต้องสงสัยบางส่วนแล้ว เมื่อได้ภาพมาก็จะทำการออกหมายจับดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป แต่จะเข้าข่ายความผิดใดนั้น จะต้อประสานกับทางกองปราบปรามเพื่อขอรายละเอียดเบื้องต้นก่อน
ต่อมา พ.ต.ท.โชติ สุวรรณจุณีย์ รองผกก.สส.สน.พญาไท, พ.ต.ท.เทพพิทักษ์ แสงกล้า พงส.(สบ3) และ ร.ต.อ.ธรากร แสนสี พงส.(สบ 1) ร่วมสอบปากคำผู้เสียหาย โดย พ.ต.ท.เทพพิทักษ์ เปิดเผยว่า หลังจากสอบปากคำเจ้าทุกข์แล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจะประสานขอดูภาพ และคลิปวิดีโอ จากทางกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ซึ่งเจ้าทุกข์ได้เดินทางไปแจ้งความไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อนำมาตรวจสอบ และให้เจ้าทุกข์ยืนยันรูปพรรณคนก่อเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะดูว่ามีความผิดเข้าข่ายข้อหาอะไรบ้าง ทั้งนี้ ถ้ามีโทษความผิดไม่เกิน 3 ปี แล้วรู้จักชื่อและนามสกุลจริงของคนก่อเหตุ เจ้าหน้าที่จะออกหมายเรียกมาสอบปากคำเพิ่มเติม แต่ถ้าไม่รู้จักชื่อนามสกุล เจ้าหน้าที่จะสืบสวนเพื่อหาชื่อนามสกุลคนร้าย ซึ่งถ้าสืบสวนแล้วไม่ทราบชื่อ ก็จะให้ศาลแขวงดุสิต ออกหมายจับต่อไป ส่วนอัตราโทษความผิดเกิน 3 ปีขึ้นไป จะรวบรวมหลักฐานขอหมายศาลอาญารัชดา เพื่อออกหมายจับคนก่อเหตุต่อไป
วันนี้ (5 ก.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล น.ส.เก๋ (นามสมมติ) ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไอเอ็นเอ็น เดินทางเข้าร้องเรียนกับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.และ พล.ต.ต.พชร บุญสิทธิ์ ผบก.น.1 หลังถูกกลุ่มชายหญิงจำนวนกว่า 10 คน ภายในซอยเพชรบุรี 5 ข่มขู่ รื้อค้นทรัพย์สิน และบังคับให้ขึ้นรถ จยย.ไปในซอยแห่งหนึ่ง ขณะที่เดินทางไปทำข่าวบริเวณดังกล่าว
น.ส.เก๋เปิดเผยว่า ตนได้รับมอบหมายจากสำนักข่าวให้เดินทางไปถ่ายภาพบรรยากาศ และทำข่าวภายในเพชรบุรี ซอย 5 เมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา หลังจากที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรครักประเทศไทย พาสื่อมวลชนแขนงต่างๆ และเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจสอบบ่อนการพนัน เมื่อวันที่ 2 ก.ค.โดยขณะที่กำลังจะเดินทางกลับ ได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์และหญิงสาวเข้ามารุมล้อม และบังคับให้ตนขึ้นรถ จยย.ของชายคนหนึ่ง ไปยังอีกซอยหนึ่ง พร้อมได้ดึงกระเป๋าสะพายไป แล้วรื้อค้นทรัพย์สิน โดยภายในกระเป๋า มีบัตรผู้สื่อข่าวด้วย ก่อนจะหยิบบัตรประชาชนของตนไปถ่ายเก็บไว้ และยังใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปตน และเอาโทรศัพท์มือถือไปลบภาพด้วย โดยกล่าวหาว่า ตนเป็นคนของนายชูวิทย์ ซึ่งตนก็ปฏิเสธพร้อมกับบอกว่า เป็นผู้สื่อข่าว มาทำตามหน้าที่เท่านั้น
น.ส.เก๋กล่าวอีกว่า ยังมีคนบอกว่าให้บอกมาเป็นคนของใคร จะให้เงินห้าพันบาท แต่ตนบอกว่า ไม่อยากได้เงิน และขอร้องให้ปล่อยตัว กระทั่งกลุ่มคนดังกล่าวรื้อค้นทรัพย์สิน และตรวจสอบจนเป็นที่พอใจ จึงปล่อยตัว ตนรู้สึกกังวลใจ เพราะกลัวว่าจะเกิดอันตราย คนกลุ่มดังกล่าวถ่ายบัตรประชาชนไว้ ซึ่งมีทั้งภาพใบหน้า ชื่อ และที่อยู่ จึงต้องแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน
พล.ต.ท.คำรณวิทย์กล่าวว่า จากการสอบถามเบื้องต้นทราบว่า น.ส.เก๋เดินทางไปทำข่าวเพียงคนเดียว และหลังเกิดเหตุได้เดินทางไปแจ้งความที่กองบังคับการปราบปรามไว้แล้ว สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในท้องที่ สน.พญาไท หลังจากนี้จะให้ พล.ต.ต.พชร สั่งการให้ สน.พญาไท ทำการสอบปากคำ พร้อมทั้งประสานไปยังกองปราบเพื่อขอข้อมูล
พล.ต.ท.คำรณวิทย์กล่าวอีกว่า น.ส.เก๋ ยืนยันว่า จำหน้าบุคคลดังกล่าวได้ และมีการชี้ภาพผู้ต้องสงสัยบางส่วนแล้ว เมื่อได้ภาพมาก็จะทำการออกหมายจับดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป แต่จะเข้าข่ายความผิดใดนั้น จะต้อประสานกับทางกองปราบปรามเพื่อขอรายละเอียดเบื้องต้นก่อน
ต่อมา พ.ต.ท.โชติ สุวรรณจุณีย์ รองผกก.สส.สน.พญาไท, พ.ต.ท.เทพพิทักษ์ แสงกล้า พงส.(สบ3) และ ร.ต.อ.ธรากร แสนสี พงส.(สบ 1) ร่วมสอบปากคำผู้เสียหาย โดย พ.ต.ท.เทพพิทักษ์ เปิดเผยว่า หลังจากสอบปากคำเจ้าทุกข์แล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจะประสานขอดูภาพ และคลิปวิดีโอ จากทางกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ซึ่งเจ้าทุกข์ได้เดินทางไปแจ้งความไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อนำมาตรวจสอบ และให้เจ้าทุกข์ยืนยันรูปพรรณคนก่อเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะดูว่ามีความผิดเข้าข่ายข้อหาอะไรบ้าง ทั้งนี้ ถ้ามีโทษความผิดไม่เกิน 3 ปี แล้วรู้จักชื่อและนามสกุลจริงของคนก่อเหตุ เจ้าหน้าที่จะออกหมายเรียกมาสอบปากคำเพิ่มเติม แต่ถ้าไม่รู้จักชื่อนามสกุล เจ้าหน้าที่จะสืบสวนเพื่อหาชื่อนามสกุลคนร้าย ซึ่งถ้าสืบสวนแล้วไม่ทราบชื่อ ก็จะให้ศาลแขวงดุสิต ออกหมายจับต่อไป ส่วนอัตราโทษความผิดเกิน 3 ปีขึ้นไป จะรวบรวมหลักฐานขอหมายศาลอาญารัชดา เพื่อออกหมายจับคนก่อเหตุต่อไป
