ตำรวจแถลงจับมือยิง นร.ไทยวิจิตรศิลป ดับบนรถเมล์สาย 59 พร้อมผู้โดยสารถูกลูกหลงอีก1 ราย ชี้ เห็นคู่อริทำท่าชักอาวุธมีด จึงยิงสวนขึ้นไปบนรถ จนมีผู้เสียชีวิต ก่อนแยกย้ายกันหลบหนี เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่น และพกพาอาวุธปืน” พร้อมเพื่อนอีก 3 ราย
วันนี้ (17 มิ.ย.) เวลา 10.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รรท.ผบช.น. พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ พล.ต.ต.พิสิฏฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สำเริง สุวรรณพงษ์ ผบก.น.2 พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รองผบก.น.2 พ.ต.อ.สำราญ นวลมา ผกก.สน.ดอนเมือง พ.ต.อ.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผกก.สส.บก.น.2 พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดกก.สส.บก.น.2 แถลงจับกุมตัว นายแมน (นามสมมติ) อายุ 17 ปี นักเรียนโรงเรียนวิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง ชั้นปีที่ 1 ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลเยาวชนและครอบครัวกลางที่ จ.124/2555 ลงวันที่ 15 มิ.ย.2555 พร้อมของกลางอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ ลูกซองสั้น ขนาดเบอร์ 12 จำนวน 1 กระบอก และเสื้อคลุมสีดำ ที่ใส่วันเกิดเหตุ จำนวน 1 ตัว โดยจับกุมได้ที่ถนนพหลโยธินขาเข้า เยื้องกับร้านอาหารบ้านสวน ต.ลำไทร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา
พล.ต.ต.คำรณวิทย์ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 17.38 น.ได้มีกลุ่มวัยรุ่นใช้อาวุธปืนยิงคู่อริบนรถโดยสารประจำทาง สาย 59 ทำให้ นายวันชัย หรือเจ๊ก ทองสองแก้ว อายุ 21 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 1 โรงเรียนไทยวิจิตรศิลป และ นางยุพา พลายงาม อายุ 48 ปี ผู้โดยสาร ถึงแก่ความตาย นอกจากนี้ ยังมีผู้บาดเจ็บอีก 2 ราย คือ นายธนสิทธิ์ ท้ายเมือง อายุ 21 ปี และ น.ส.กานต์สินี เจียมกิจรุ่ง อายุ 18 ปี ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดที่ป้ายรถประจำทางฝั่งตรงข้ามอาคารช่างบริษัท การบินไทย ถนนวิภาวดีรังสิต ฝั่งขาออก แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง กทม.เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณดังกล่าว และสอบปากคำพยานผู้อยู่ในเหตุการณ์ จนกระทั่งทราบว่า นายแมน คือ ผู้ก่อเหตุ จึงขอศาลออกหมายจับ จนกระทั่งสามารถติดตามจับกุมตัวได้ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.เวลาประมาณ 22.30 น.
จากการสอบสวนนายแมน ให้การรับสารภาพว่า ในวันเกิดเหตุได้ยืนรอรถโดยสารประทำทางที่ป้ายดังกล่าว เพื่อกลับบ้านย่านสะพานใหม่ ตามปกติ ร่วมกับเพื่อนสถาบันเดียวกันเป็นกลุ่มจำนวน 9 คน ขณะนั้นมีรถประจำทางสาย 59 วิ่งมาจอดเพื่อรับผู้โดยสารที่ป้าย ตนเห็นกลุ่มนักเรียนสถาบันไทยวิจิตรศิลปคู่อริบนรถประจำทาง ซึ่งทำท่าจะชักอาวุธมีด ตนจึงได้ใช้อาวุธปืนลูกซองสั้นที่พกติดตัวมาด้วย ยิงขึ้นไปบนรถตรงประตู ขณะที่รถขับเคลื่อนตัวออกไป ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน และบาดเจ็บ 2 คน
หลังเกิดเหตุตนจึงได้นั่งแท็กซี่หลบหนีไปตามถนนวิภาวดีรังสิตขาเข้า ส่วนกลุ่มเพื่อนได้วิ่งหลบหนีกระจายไปคนละทิศทาง ส่วนอาวุธปืนนั้น ตนซื้อมาจากเพื่อนในราคา 2,000 บาท ซึ่งก็ไม่ได้พกติดตัวทุกวัน ส่วนใหญ่จะพกอาวุธมืดมากกว่า เพราะเมื่อมีเหตุทะเลาะกันจะใช้อาวุธมีดไม่ค่อยใช้ปืน ทั้งนี้ ยอมรับว่า ตนไม่ได้รู้จักกับผู้ตาย แต่เห็นว่า เป็นกลุ่มสถาบันคู่อริ จึงก่อเหตุดังกล่าว เพราะจังหวะที่ยิงไปได้เห็นเพียงว่ามีคนหมอบลง แต่ไม่คิดว่าจะมีผู้เสียชีวิต ส่วนสาเหตุที่ทำลงไป เพราะตนเคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับกลุ่มนักเรียนไทยวิจิตรศิลป ซึ่งใช้อาวุธมีดฟันทำร้ายตนที่ย่านดอนเมือง และสายไหม จึงเกิดความแค้นฝังใจ ส่วนผู้โดยสารที่โดนลูกหลงเสียชีวิตตนขอโทษและเสียใจที่ทำลงไป ทั้งนี้ รู้สึกสำนึกผิดแล้วที่ทำให้ผู้อื่นถูกลูกหลงเสียชีวิต และอยากฝากไปถึงนักเรียนเทคนิค หรือเทคโนว่าคุยกันให้ดี ก่อนจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ขอให้ตั้งใจเรียนอย่ามาทำแบบตน ให้นึกถึงหัวอกพ่อแม่ จะได้ไม่เสียใจทีหลัง
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหานายแมน “ร่วมกันฆ่าผู้อื่น, ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น, ร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธฯ” โดยจะนำตัวไปฝากขังต่อศาลศาลเยาวชนและครอบครัวกลางภายในวันนี้
พล.ต.ต.คำรณวิทย์ กล่าวอีกว่า ส่วนผู้ต้องหารายอื่นๆ อีก 8 คน นั้นได้เข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่หมดแล้วตั้งแต่เมื่อวานนี้ (16 มิ.ย.) ส่วน นายแมน ทางเจ้าหน้าที่จะไม่นำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เพราะยังเป็นเยาวชนอยู่ เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาไป 3 ราย ในข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่น, ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น, ร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธฯ” เพราะให้การสัมพันธ์กันบางอย่างเข้าข่ายตามข้อหาดังกล่าว สำหรับอีก 5 รายนั้นต้องทำการสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อสามารถแจ้งข้อหาได้
“ทั้งนี้ สำหรับมาตรการป้องกันเหตุนักเรียนตีกันนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นแค่เพียงการป้องกันปลายเหตุ เมื่อมีเหตุก็ต้องติดตามจับกุมตามกฎหมาย ซึ่งทางแก้ที่ถูกต้องจะต้องแก้ที่ต้นเหตุ จะต้องเชิญสถาบันที่นักเรียนเกิดความขัดแย้งและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายมาพูดคุยกัน เพื่อหามาตรการป้องกันเหตุทะเลาะวิวาทของนักเรียนสถาบันต่างๆไม่ให้เกิดขึ้นอีก” พล.ต.ต.คำรณวิทย์ กล่าว