ศธ.พร้อมเยียวยาเหยื่อเด็กอาชีวะก่อเหตุยิงคู่อริบนรถเมล์ “ศศิธารา” จ่อพบ “เพรียวพันธ์” แฉข้อมูลร้านค้าเก็บเงิน นร.20 บาท แลกรับฝากอาวุธ พร้อมขอกำลังตำรวจช่วยดูแลพื้นที่เสี่ยง ก่อนสั่งปิด ร.ร.ไทยวิจิตรศิลป์ 7 วัน หวั่นเด็กลุกฮือแก้แค้น ส่วนผู้ก่อเหตุยังไม่ฟันธงว่าเป็น หรือเคยเป็น นร.วท.ดอนเมือง ด้าน “สุชาติ” มอบนโยบาย สอศ.-สช.ส่ง นร.เข้าอบรมธรรมะ ประสานทหาร ตร.ช่วยอบรมความเป็นสุภาพบุรุษ ลั่นภายใน 3 เดือน หากมี นร.อาชีวะก่อเหตุผู้บริหารต้องรับผิดชอบ
จากกรณีข่าวนักเรียนช่างกลใช้อาวุธปืนไล่ยิงนักเรียนคู่อริบนรถโดยสารประจำทางสาย 59 วิ่งระหว่าง รังสิต-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ วานนี้ (13 มิ.ย.) เป็นผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย คือ นายวันชัย ทองสองแก้ว ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ปี 1 โรงเรียนไทยวิจิตรศิลป์ และ นางยุพา พรายงาม ผู้โดยสารที่ถูกลูกหลง ขณะเดียวกัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย คือ นายชัยสิทธิ์ คล้ายเมือง อายุ 22 ปี ซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส และ น.ส.กาศิณี เกียงจิตภู่ อายุ 18 ปี ถูกยิงเข้าที่แขนโดยทั้ง 2 คน เป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร
วันนี้ (14 มิ.ย.) ที่กระทรวงศึกษาธิการ น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเรียก นายชาญวิทย์ ทับสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (เลขาธิการ กช.) และ นายวีระเดช เหลืองหิรัญ ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง เข้าพบเพื่อรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ว่า กระทรวงศึกษาธิการ รู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะมีทั้งผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ ซึ่ง ศธ.จะเข้าไปดูแลช่วยค่ารักษาพยาบาล และค่าฌาปนกิจศพ เบื้องต้น ในส่วนของวิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง ซึ่งเป็นผู้ลงมือก่อเหตุนั้น ทางผู้บริหารวิทยาลัยยังไม่มั่นใจว่าผู้ก่อเหตุเป็นนักเรียนของ วท.ดอนเมืองหรือเป็นนักศึกษาที่ลาออกไปแล้ว และกลับมาก่อเหตุ
ส่วนกรณีโรงเรียนไทยวิจิตรศิลป์ ซึ่งอยู่ในกำกับดูแลของ สำนักงานคณะกรรมการการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) นั้น เบื้องต้นได้สั่งการให้ปิดการเรียนการสอนเป็นเวลา 3-7 วัน เพื่อรอดูสถานการณ์ เนื่องจากกังวลว่าจะเกิดการแก้แค้นกันขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้โรงเรียนไทยวิจิตรศิลป์ จะเคยมีการก่อเหตุวิวาทมาก่อนหน้า และทาง สช.เคยคาดโทษไว้ก็จะยังไม่มีการลงโทษใดๆ ในเวลานี้ เพราะนักเรียนของโรงเรียนเป็นผู้ถูกกระทำ อีกทั้งทราบว่านักเรียนที่เสียชีวิตก็เป็นเด็กที่มีพฤติกรรมดี โดยก่อนเกิดเหตุนั้นนักเรียนคนดังกล่าวได้ลุกให้ผู้เสียชีวิตอีกคนหนึ่งนั่งแทนด้วย ทั้งนี้ ในส่วนของผู้รับใบอนุญาตก่อตั้งโรงเรียนไทยวิจิตรศิลป์นั้นให้ความร่วมมือโดยให้ข้อมูลกับทาง ศธ.และเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเต็มที่
ทั้งนี้ ในวันพรุ่งนี้ (15 มิ.ย.) เวลา 13.30 น.ผู้รับใบอนุญาตและผู้บริหารสถานศึกษาของทั้ง 2 แห่งจะประชุมร่วมกันหาทางแก้ปัญหาในระยะยาว และในสัปดาห์หน้าตนจะเข้าพบ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพื่อขอความร่วมมือส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมสอดส่องพฤติกรรมนักศึกษาของวิทยาลัยกลุ่มทั้งรัฐและเอกชนทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 10 แห่ง รวมทั้งจะเข้าให้ข้อมูลเกี่ยวกับพื้นที่เฝ้าระวัง รวมถึงเด็กกลุ่มเสี่ยงที่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด
“คราวนี้ ศธ.จะร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ใช้ยาแรงในการแก้ไขปัญหานักเรียนตีกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดเหตุในช่วยเปิดภาคเรียนเพราะเด็กคิดว่าเป็นเรื่องปกติ ที่สำคัญ ทาง วท.ดอนเมืองให้ข้อมูลด้วยว่า นักเรียนนำอาวุธไปซ่อนตามห้างร้านต่างๆ โดยเสียค่าฝากวันละ 20 บาท ทำให้เวลาครูค้นตัวนักเรียนจึงไม่เจออาวุธ ตรงนี้ ศธ.จะขอให้ทาง วท.ดอนเมือง เข้าให้ข้อมูลกับทางตำรวจและขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจสอบ เพราะลำพังเราเองไม่มีอำนาจจะเข้าไปตรวจค้น หรือดำเนินการอะไรได้ ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องขอให้ตำรวจเข้ามาช่วยเหลือจุดนี้ ส่วนที่จะเอาผิดร้านค้าที่รับฝากอาวุธได้หรือไม่นั้นยังไม่สามารถตอบได้ขึ้นอยู่กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะเดียวกัน ก็จะประสานกับทางกรุงเทพมหานคร เพื่อขอความช่วยเหลือในการใช้กล้องวงจรปิดสอดส่องดูแลอีกทางหนึ่ง” น.ส.ศศิธารา กล่าว
ปลัด ศธ.กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ได้รับการร้องขอจากทาง ผู้บริหาร วท.ดอนเมือง ว่า อยากให้ช่วยเหลือเรื่องกำลังคนเพิ่มเติมในการติดตามดูแลนักเรียน เพราะวิทยาลัยกำลังคนไม่เพียงพอ ดังนั้น ศธ.จะจัดส่งเจ้าหน้าที่จากศูนย์เสมารักษ์เข้าไปสมทบ ขณะเดียวกัน ในส่วนของนักเรียนกลุ่มเสี่ยงทาง ศธ.มีแนวทางจะนำเด็กจากวิทยาลัยคู่อริ ทั้ง 10 แห่งนี้ มาจับคู่แล้วนำเข้าค่ายอบรมร่วมกันเป็นระยะเวลา 20 วัน หรือ 1 เดือนเป็นอย่างน้อย โดยจะขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารมาดูแล เพื่อป้องกันความปลอดภัยและช่วยอบรมนักเรียนด้วย ขณะเดียวกันระหว่างอบรมนั้นก็จะจัดส่งครูไปสอนในวิชาที่เป็นความรู้พื้นฐานทางวิชาการเพื่อให้นักเรียนมีความรู้สึกว่ามีครูคนเดียวกัน
ด้าน นายวีระเดช กล่าวว่า ที่ผ่านมา ทางวิทยาลัยได้ส่งครูออกตรวจตามจุดเสี่ยงที่มีโอกาสจะเกิดเหตุความรุนแรงได้ทั้งเช้าและเย็น แต่เมื่อเด็กรู้ตัวก็จะขยับพื้นที่หนีไปเรื่อยๆ ซึ่งนอกเหนือกำลังที่วิทยาลัยจะดูแลได้ เพราะบางพื้นที่เด็กมีความชำนาญมากกว่าเรา จึงขอให้ ศธ.มาช่วยดูแลเพื่อเพิ่มกำลังและออกตรวจให้มากขึ้น และที่จริงแล้วทางวิทยาลัยยังไม่แน่ใจว่าผู้ก่อเหตุเป็นนักเรียนของวิทยาลัยจริงหรือไม่ จึงขอตรวจสอบให้แน่ใจก่อน ดังนั้น คงยังไม่สั่งปิดการเรียนการสอนเพื่อไม่ให้กระทบกับนักเรียนดีๆ ส่วนมาก
นายชาญวิทย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา สช.ได้ร่วมมือกับ 10 วิทยาลัยคู่อริกลุ่มเสี่ยงในการจัดโซนออกตรวจพื้นที่ และเฝ้าระวังเหตุทะเลาะวิวาท ซึ่งคราวนี้ได้เพิ่มมาตรการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมดูแลอีกทางหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา สช.ได้มีการจัดให้นักเรียนในสังกัด มาเข้าค่ายอบรมธรรมะพร้อมจัดส่งครูเข้าไปสอนวิชาพื้นฐานร่วมกัน โดยจะเพิ่มเวลาเป็น 20 วันจากเดิมจัดแค่ 3 วัน เนื่องจากเห็นผลแล้วว่าการจัดกิจกรรมดังกล่าวทำให้นักเรียนมีพฤติกรรมในทิศทางดีขึ้น
ขณะที่ ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า ตนได้กำชับ นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการกาอาชีวศึกษา (เลขาธิการ กอศ.) และ เลขาธิการ กช.ให้นำนโยบายส่งนักเรียนเข้ารับการอบรมปฏิบัติธรรม และให้ขอความร่วมมือจากทหาร ตำรวจมาร่วมอบรมนักเรียนสร้างความเป็นสุภาพบุรุษเพื่อช่วยขัดเกลานิสัย สร้างวินัยให้แก่นักเรียนมีความรู้จักผิดชอบชั่วดี โดยกำหนดให้ในระยะเวลา 3 เดือนนี้ จะต้องไม่มีปัญหานักเรียนอาชีวะก่อเหตุวิวาทอีก หากยังมีการก่อเหตุผู้บริหารสถานศึกษา และผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องรับผิดชอบ โดยหากเป็นโรงเรียนรัฐก็เอาโทษกับผู้บริหาร ส่วนโรงเรียนเอกชนก็จะเอาโทษได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งมีตั้งแต่ให้ยุติการรับนักเรียนในปีการศึกษาถัดไป ไปจนถึงการสั่งปิดสถานศึกษาถาวร
จากกรณีข่าวนักเรียนช่างกลใช้อาวุธปืนไล่ยิงนักเรียนคู่อริบนรถโดยสารประจำทางสาย 59 วิ่งระหว่าง รังสิต-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ วานนี้ (13 มิ.ย.) เป็นผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย คือ นายวันชัย ทองสองแก้ว ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ปี 1 โรงเรียนไทยวิจิตรศิลป์ และ นางยุพา พรายงาม ผู้โดยสารที่ถูกลูกหลง ขณะเดียวกัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย คือ นายชัยสิทธิ์ คล้ายเมือง อายุ 22 ปี ซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส และ น.ส.กาศิณี เกียงจิตภู่ อายุ 18 ปี ถูกยิงเข้าที่แขนโดยทั้ง 2 คน เป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร
วันนี้ (14 มิ.ย.) ที่กระทรวงศึกษาธิการ น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเรียก นายชาญวิทย์ ทับสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (เลขาธิการ กช.) และ นายวีระเดช เหลืองหิรัญ ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง เข้าพบเพื่อรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ว่า กระทรวงศึกษาธิการ รู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะมีทั้งผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ ซึ่ง ศธ.จะเข้าไปดูแลช่วยค่ารักษาพยาบาล และค่าฌาปนกิจศพ เบื้องต้น ในส่วนของวิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง ซึ่งเป็นผู้ลงมือก่อเหตุนั้น ทางผู้บริหารวิทยาลัยยังไม่มั่นใจว่าผู้ก่อเหตุเป็นนักเรียนของ วท.ดอนเมืองหรือเป็นนักศึกษาที่ลาออกไปแล้ว และกลับมาก่อเหตุ
ส่วนกรณีโรงเรียนไทยวิจิตรศิลป์ ซึ่งอยู่ในกำกับดูแลของ สำนักงานคณะกรรมการการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) นั้น เบื้องต้นได้สั่งการให้ปิดการเรียนการสอนเป็นเวลา 3-7 วัน เพื่อรอดูสถานการณ์ เนื่องจากกังวลว่าจะเกิดการแก้แค้นกันขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้โรงเรียนไทยวิจิตรศิลป์ จะเคยมีการก่อเหตุวิวาทมาก่อนหน้า และทาง สช.เคยคาดโทษไว้ก็จะยังไม่มีการลงโทษใดๆ ในเวลานี้ เพราะนักเรียนของโรงเรียนเป็นผู้ถูกกระทำ อีกทั้งทราบว่านักเรียนที่เสียชีวิตก็เป็นเด็กที่มีพฤติกรรมดี โดยก่อนเกิดเหตุนั้นนักเรียนคนดังกล่าวได้ลุกให้ผู้เสียชีวิตอีกคนหนึ่งนั่งแทนด้วย ทั้งนี้ ในส่วนของผู้รับใบอนุญาตก่อตั้งโรงเรียนไทยวิจิตรศิลป์นั้นให้ความร่วมมือโดยให้ข้อมูลกับทาง ศธ.และเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเต็มที่
ทั้งนี้ ในวันพรุ่งนี้ (15 มิ.ย.) เวลา 13.30 น.ผู้รับใบอนุญาตและผู้บริหารสถานศึกษาของทั้ง 2 แห่งจะประชุมร่วมกันหาทางแก้ปัญหาในระยะยาว และในสัปดาห์หน้าตนจะเข้าพบ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพื่อขอความร่วมมือส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมสอดส่องพฤติกรรมนักศึกษาของวิทยาลัยกลุ่มทั้งรัฐและเอกชนทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 10 แห่ง รวมทั้งจะเข้าให้ข้อมูลเกี่ยวกับพื้นที่เฝ้าระวัง รวมถึงเด็กกลุ่มเสี่ยงที่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด
“คราวนี้ ศธ.จะร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ใช้ยาแรงในการแก้ไขปัญหานักเรียนตีกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดเหตุในช่วยเปิดภาคเรียนเพราะเด็กคิดว่าเป็นเรื่องปกติ ที่สำคัญ ทาง วท.ดอนเมืองให้ข้อมูลด้วยว่า นักเรียนนำอาวุธไปซ่อนตามห้างร้านต่างๆ โดยเสียค่าฝากวันละ 20 บาท ทำให้เวลาครูค้นตัวนักเรียนจึงไม่เจออาวุธ ตรงนี้ ศธ.จะขอให้ทาง วท.ดอนเมือง เข้าให้ข้อมูลกับทางตำรวจและขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจสอบ เพราะลำพังเราเองไม่มีอำนาจจะเข้าไปตรวจค้น หรือดำเนินการอะไรได้ ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องขอให้ตำรวจเข้ามาช่วยเหลือจุดนี้ ส่วนที่จะเอาผิดร้านค้าที่รับฝากอาวุธได้หรือไม่นั้นยังไม่สามารถตอบได้ขึ้นอยู่กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะเดียวกัน ก็จะประสานกับทางกรุงเทพมหานคร เพื่อขอความช่วยเหลือในการใช้กล้องวงจรปิดสอดส่องดูแลอีกทางหนึ่ง” น.ส.ศศิธารา กล่าว
ปลัด ศธ.กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ได้รับการร้องขอจากทาง ผู้บริหาร วท.ดอนเมือง ว่า อยากให้ช่วยเหลือเรื่องกำลังคนเพิ่มเติมในการติดตามดูแลนักเรียน เพราะวิทยาลัยกำลังคนไม่เพียงพอ ดังนั้น ศธ.จะจัดส่งเจ้าหน้าที่จากศูนย์เสมารักษ์เข้าไปสมทบ ขณะเดียวกัน ในส่วนของนักเรียนกลุ่มเสี่ยงทาง ศธ.มีแนวทางจะนำเด็กจากวิทยาลัยคู่อริ ทั้ง 10 แห่งนี้ มาจับคู่แล้วนำเข้าค่ายอบรมร่วมกันเป็นระยะเวลา 20 วัน หรือ 1 เดือนเป็นอย่างน้อย โดยจะขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารมาดูแล เพื่อป้องกันความปลอดภัยและช่วยอบรมนักเรียนด้วย ขณะเดียวกันระหว่างอบรมนั้นก็จะจัดส่งครูไปสอนในวิชาที่เป็นความรู้พื้นฐานทางวิชาการเพื่อให้นักเรียนมีความรู้สึกว่ามีครูคนเดียวกัน
ด้าน นายวีระเดช กล่าวว่า ที่ผ่านมา ทางวิทยาลัยได้ส่งครูออกตรวจตามจุดเสี่ยงที่มีโอกาสจะเกิดเหตุความรุนแรงได้ทั้งเช้าและเย็น แต่เมื่อเด็กรู้ตัวก็จะขยับพื้นที่หนีไปเรื่อยๆ ซึ่งนอกเหนือกำลังที่วิทยาลัยจะดูแลได้ เพราะบางพื้นที่เด็กมีความชำนาญมากกว่าเรา จึงขอให้ ศธ.มาช่วยดูแลเพื่อเพิ่มกำลังและออกตรวจให้มากขึ้น และที่จริงแล้วทางวิทยาลัยยังไม่แน่ใจว่าผู้ก่อเหตุเป็นนักเรียนของวิทยาลัยจริงหรือไม่ จึงขอตรวจสอบให้แน่ใจก่อน ดังนั้น คงยังไม่สั่งปิดการเรียนการสอนเพื่อไม่ให้กระทบกับนักเรียนดีๆ ส่วนมาก
นายชาญวิทย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา สช.ได้ร่วมมือกับ 10 วิทยาลัยคู่อริกลุ่มเสี่ยงในการจัดโซนออกตรวจพื้นที่ และเฝ้าระวังเหตุทะเลาะวิวาท ซึ่งคราวนี้ได้เพิ่มมาตรการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมดูแลอีกทางหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา สช.ได้มีการจัดให้นักเรียนในสังกัด มาเข้าค่ายอบรมธรรมะพร้อมจัดส่งครูเข้าไปสอนวิชาพื้นฐานร่วมกัน โดยจะเพิ่มเวลาเป็น 20 วันจากเดิมจัดแค่ 3 วัน เนื่องจากเห็นผลแล้วว่าการจัดกิจกรรมดังกล่าวทำให้นักเรียนมีพฤติกรรมในทิศทางดีขึ้น
ขณะที่ ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า ตนได้กำชับ นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการกาอาชีวศึกษา (เลขาธิการ กอศ.) และ เลขาธิการ กช.ให้นำนโยบายส่งนักเรียนเข้ารับการอบรมปฏิบัติธรรม และให้ขอความร่วมมือจากทหาร ตำรวจมาร่วมอบรมนักเรียนสร้างความเป็นสุภาพบุรุษเพื่อช่วยขัดเกลานิสัย สร้างวินัยให้แก่นักเรียนมีความรู้จักผิดชอบชั่วดี โดยกำหนดให้ในระยะเวลา 3 เดือนนี้ จะต้องไม่มีปัญหานักเรียนอาชีวะก่อเหตุวิวาทอีก หากยังมีการก่อเหตุผู้บริหารสถานศึกษา และผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องรับผิดชอบ โดยหากเป็นโรงเรียนรัฐก็เอาโทษกับผู้บริหาร ส่วนโรงเรียนเอกชนก็จะเอาโทษได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งมีตั้งแต่ให้ยุติการรับนักเรียนในปีการศึกษาถัดไป ไปจนถึงการสั่งปิดสถานศึกษาถาวร