ญาติเหยื่อผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นักเรียนนักเลง ยิงถล่มคู่อริบนรถเมล์สาย 59 เดินทางรับศพที่สถาบันนิติเวช วอนผู้เกี่ยวข้องดูแลปัญหาเรื่องนี้อย่างจริงจัง ชี้ ให้ปิด ร.ร.หากไม่สามารถควบคุมเด็กให้อยู่ในกรอบได้
วันนี้ (14 มิ.ย.) เวลา 12.00 น.ที่สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ นายเลิงชัย ไพรโสภา อายุ 39 ปี สามี ลูกชายและลูกสาว พร้อมด้วยญาติๆ ของ นางยุพา พลายงาม อายุ 48 ปี ผู้โดยสารรถเมล์สาย 59 ที่ถูกลูกหลงเสียชีวิตจากเหตุการณ์เด็กนักเรียนช่างกลยิงถล่มคู่อริ เหตุเกิดบนถนนวิภาวดีรังสิตขาออก ด้านหน้าอาคารช่างการบินไทย เดินทางรับศพนางยุพา โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า ทั้งนี้ หลังรับศพจะนำกลับไปตั้งบำเพ็ญกุศล ที่วัดเขียนเขต อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี
นายเลิงชัย กล่าวว่า ตนอยู่กินกับ นางยุพา มาประมาณ 15 ปีแล้ว โดย นางยุพา มีอาชีพเป็นแม่บ้านอยู่ที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง โดยทุกวันหลังเลิกงานในเวลา 17.00 น.นางยุพา จะนั่งรถผ่านเส้นทางนี้เป็นประจำ เพื่อกลับบ้านย่านธัญบุรี จากนั้นก็จะรับประทานอาหารเย็นร่วมกับเพื่อนบ้านที่รู้จักสนิทสนมกันทุกวันเช่นกัน ซึ่งวันเกิดเหตุภรรยาได้หายไปนานจนผิดสังเกต เพื่อนบ้านจึงโทรศัพท์ไปตามผู้เสียชีวิต แต่มีตำรวจมารับโทรศัพท์แทน พร้อมบอกว่า นางยุพาถูกยิงเสียชีวิต เพื่อนบ้านจึงโทร.มาบอกตน จึงรีบเดินทางไปยังที่เกิดเหตุ โดยทันทีที่เห็นศพนางยุพา ตนแทบล้มทั้งยืนและรู้สึกเสียใจมาก
“อยากให้ออกกฎหมายที่เด็ดขาดมากกว่านี้ เพราะเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้ว ขอให้ทางผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ช่วยดูแลด้วย เพราะครอบครัวของผมเองยังทำงานหาเช้ากินค่ำ ครอบครัวใคร ใครก็รัก ถ้าทางโรงเรียนยังไม่สามารถควบคุมนักเรียนนักเลงได้ ก็ขอให้ปิดโรงเรียนไปเลยดีกว่า อยากให้กรณีของภรรยาตนเองเป็นกรณีสุดท้ายจริงๆ ที่ผ่านมา ภรรยาก็เคยเล่าให้ฟังว่า เส้นทางที่เดินทางไปกลับบ้าน กับที่ทำงาน มีเหตุเด็กนักเรียนตีกันบ่อย ผมก็เคยเตือนแล้วให้นั่งรถเมล์ปรับอากาศ เพราะไม่ค่อยเกิดเหตุเด็กตีกัน แต่ภรรยาอยากจะประหยัด เนื่องจากรายได้ก็ไม่มาก จึงนั่งรถพัดลมธรรมดา จนกระทั่งมาเกิดเหตุในที่สุด” นายเลิงชัย กล่าว
ต่อมา ด.ต.วน ทองสองแก้ว ผบ.หมู่งานปราบปราม สภ.ธัญบุรี และ นางอัจฉริยา หยาดน้ำ บิดาและมารดาของ นายวันชัย ทองสองแก้ว อายุ 21 ปี นักศึกษาชั้น ปวส.ปี 1 โรงเรียนไทยวิจิตรศิลป์ ที่ถูกยิงเสียชีวิตเช่นเดียวกัน ได้มารับศพเพื่อนำไปบำเพ็ญกุศลที่วัดนาบุญ คลอง 7 จ.ปทุมธานี
โดย ด.ต.วน กล่าวว่า นายวันชัย เป็นลูกคนเล็ก เรียนจบ ปวช.ปี 3 ที่ ร.ร.ไทยวิจิตรศิลป์ หลังจากเรียนจบ ตนเองก็อยากให้เรียนต่อปริญญาตรี ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง แต่ลูกชายไม่เรียน จึงให้ไปเรียนที่ มหาวิทยาลัยอิสเทิร์นเอเชียแทน ทั้งนี้ ตนเองไม่รู้ว่าลูกได้ย้ายกลับมาเรียนที่ ร.ร.ไทยวิจิตรศิลป์ ตั้งแต่เมื่อใด มารู้ก็ตอนที่เสียชีวิตเมื่อวานนี้ ซึ่งลูกคงย้ายมาเรียนปวส.ตามเพื่อน โดยปกติลูกชายจะขับรถจักรยานยนต์ไปเรียนทุกวัน แต่วันที่เกิดเหตุลูกชายได้จอดรถไว้ที่ห้างฟิวเจอร์ปาร์ค รังสิต แล้วนั่งรถเมล์ไปเรียน ตอนแรกที่ไปจุดเกิดเหตุยังไม่คิดว่าเป็นลูกตัวเองแต่เมื่อเห็นขากางเกงก็รู้ว่าใช่ลูก เข่าก็แทบทรุดเลย
ด.ต.วน กล่าวอีกว่า อยากให้คนที่ก่อเหตุรีบมามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะทราบว่าตำรวจรู้ตัวแล้ว สำหรับปัญหาเด็กนักเรียนตีกันนั้น ในฐานะที่ตนเองเป็นตำรวจ ยอมรับว่า ดูแลให้ทั่วถึงยาก ป้องกันยากแต่ก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับใครอีก ตอนนี้ก็ได้แต่พยายามทำใจและอโหสิกรรมให้คนที่ทำกับลูก
ด้าน นางอัจฉริยา กล่าวว่า ตนเองรู้ล่วงหน้าเพียงหนึ่งวัน ว่า ลูกย้ายโรงเรียนมาเรียนที่นี้ ก่อนที่ลูกชายจะเสียชีวิต และเชื่อว่า เหตุการณ์ที่เกิดกับลูกจะไม่ใช่เหตุการณ์สุดท้ายแน่นอน ก่อนหน้านี้ ไม่เคยคิดว่า เหตุการณ์ลักษณะนี้จะเกิดกับลูกตัวเองเลย และลูกก็ไม่เคยบอกว่าเคยมีเรื่องกับใครยังไง รวมทั้งไม่เคยรู้จักกับเพื่อนของลูก ซึ่งตนเองจะไม่ให้อภัย ไม่ให้อโหสิกรรมคนที่ทำกับลูก และรู้ว่าตำรวจรู้ตัวแล้วอยากให้ตำรวจจับตัวคนร้ายให้ได้โดยเร็ว
ด้าน พ.ต.อ.วิรุฬห์ ศุภสิงห์ศิริปรีชา นายแพทย์ (สบ4) กลุ่มงานนิติพยาธิ นายแพทย์พิสูจน์ศพ ได้สรุปสาเหตุการเสียชีวิตของ นายวันชัย ทองสองแก้ว ว่า ถูกกระสุนปืนไปทำลายปอดและหัวใจ เป็นเหตุให้ถึงแก่ชีวิต ส่วน นางยุพา พลายงาม สรุปว่าถูกกระสุนปืนไปทำลายสมอง เป็นเหตุให้ถึงแก่ชีวิต