ตำรวจขอความร่วมมือผู้ปกครองอย่าจอดรถแช่ขณะส่งบุตรหลานหน้าโรงเรียน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้รถติด ระบุควรจัดการธุระจำเป็นในรถให้เรียบร้อยก่อนถึงหน้าโรงเรียน ไม่ควรจอดแช่ แม้กระทั่งจอดลงไปเปิดเอากระเป๋านักเรียนที่ท้ายกระโปรงรถ ขณะที่ บก.จร.เผยสถิติในรอบ 15 วันที่ผ่านมามีผู้ทำผิดกฎจราจรรวม 56,962 ราย ฝ่าฝืนจอดรถในที่ห้ามจอด มากสุดถึง 22,570 ราย
วันนี้ (21 พ.ค.) พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร รอง ผบช.น. รับผิดชอบงานด้านการจราจร กำชับสั่งการไปยังตำรวจจราจรทุกหน่วยงานในสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาลที่ทำหน้าที่ดูแลอำนวยความสะดวกด้านการจราจร และจัดการจราจรหน้าโรงเรียนที่มีปัญหาช่วงเปิดเทอมระยะนี้ ให้ระดมกำลังตำรวจเต็มพื้นที่ 100 เปอร์เซ็นต์ ห้ามหยุด ห้ามลา ห้ามขาด จนกว่าสภาพการจราจรจะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น พร้อมสั่งเตรียมความพร้อมรับมือการจราจรในวัน 23 พ.ค. ซึ่งจะมีโรงเรียนใน กทม.เปิดเทอมพร้อมกันอีก 1,200 แห่ง และให้ตำรวจดำเนินการตามแผนปฏิบัติจราจรเปิดเทอมอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะ 6 ถนนสายหลักและถนนหน้าโรงเรียน 22 แห่งที่มีปัญหา เช่น โรงเรียนราชินีบน โรงเรียนเซนต์คาเบียล โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนแวนต์ โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน โรงเรียนอัสสัมชัญคอนแวนต์ โรงเรียนมาแตร์เดอี โรงเรียนเซนต์ดอมินิก โรงเรียนวัฒนา เป็นต้น โดยเฉพาะช่วงเช้าชั่วโมงเร่งด่วน 06.30-08.00 น. เป็นช่วงเวลาที่คนออกจากบ้านมาทำงานในช่วงเดียวกับที่นักเรียนไปโรงเรียน
รอง ผบช.น.กล่าวแนะนำผู้ปกครองที่ขับรถรับส่งบุตรหลานว่า ให้ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด เตรียมพร้อมการส่งบุตรหลานมาจากบ้านโดยเฉพาะเรื่องกระเป๋านักเรียน เงินค่าขนม ห้ามจอดแช่หน้าโรงเรียนแล้วค่อยไปหยิบกระเป๋านักเรียนจากท้ายรถ ทำให้การจราจรติดขัด ตลอดจนการกินข้าวในรถก็ควรเรียบร้อยก่อนถึงโรงเรียน การนอนในรถไม่ใช่มาถึงโรงเรียนแล้วค่อยปลุก ที่สำคัญที่สุดคือ เส้นทางการเดินทางต้องเตรียมพร้อม กรณีเกิดฝนตก หรือมีอุบัติเหตุขวางทางผู้ปกครองควรมีเส้นทางสำรองไว้ด้วย
ขณะเดียวกัน กองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) ได้รายงานสถิติการกวดขันจับกุมผู้ขับขี่กระทำความผิดกฎหมายจราจร 12 ข้อหาหลักในรอบ 15 วันที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 1-15 พ.ค. โดยจับกุมในพื้นที่ กทม.ได้ทั้งหมด 56,962 ราย พบว่า ความผิดข้อหาที่มีผู้กระทำผิดมากที่สุดคือ จอดรถในที่ห้ามจอด มากถึง 22,570 ราย รองลงมาข้อหาไม่สวมหมวกนิรภัย 11,340 ราย ข้อหาขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด 4,335 ราย ข้อหาไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนจับกุม 3,542 ราย ข้อหาขับรถย้อนศร 3,108 ราย ข้อหาจอดรถบนทางเท้า 3,030 ราย ข้อหาจอดรถซ้อนคัน 2,478 ราย ข้อหาแซงในที่คับขัน 2,344 ราย ข้อหาขับรถบนทางเท้า 2,041 ราย ข้อหาเมาแล้วขับ 1,025 ราย ข้อหามลพิษควันดำ 921 ราย และข้อหาแข่งรถในทาง 48 ราย โดยกองบัญชการตำรวจนครบาล และกองบังคับการตำรวจจราจรเน้นย้ำการปฏิบัติอย่างจริงจัง นอกจากนี้ให้ดูแลเรื่องอาชญากรรมและยาเสพติดควบคู่กันไปด้วย
สำหรับภาพรวมการจราจรในรอบ 7 วันที่ผ่านมา พบว่า การจราจรช่วงเช้าชั่วโมงเร่งด่วนบนถนนสายหลัก 6 เส้นทางยังติดขัดคือ ถนนยกระดับรามคำแหง ถนนรัชดาภิเษก ขาเข้า ถนนวิภาวดีรังสิต ถนนรามคำแหงรอบใน ถนนเพชรบุรี ถนนบรมราชชนนี และพบการจราจรติดขัดรวม 33 จุดทั่วกทม. ส่วนในช่วงเย็น ติดขัดหนักที่ถนนรามคำแหง รัชดาภิเษก และการอำนวยความสะดวกจราจรในช่วงเปิดเทอม ที่จะเปิดเทอมพร้อมกันในวันที่ 23 พ.ค. 2555 นี้
ส่วนข้อร้องเรียนต่าง ๆ ที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อน และมีการร้องเรียน ผ่านทาง บก.จร.ทางสายด่วน 1197 ส่วนใหญ่ที่พบเป็นการเรียกเก็บเงินจากตำรวจจราจร โดยไม่ออกใบสั่งกับผู้ใช้รถที่ผิดวินัยการจราจร นอกนั้นก็เป็นเรื่องต่างๆ อาทิ การตั้งด่านโดยไม่มีตำรวจสัญญาบัตรคุม รถแท็กซี่กีดขวางป้ายรถประจำทาง ทางรอง ผบช.น.ได้สั่งการให้มีการแก้ไขอย่างต่อเนื่อง
วันนี้ (21 พ.ค.) พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร รอง ผบช.น. รับผิดชอบงานด้านการจราจร กำชับสั่งการไปยังตำรวจจราจรทุกหน่วยงานในสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาลที่ทำหน้าที่ดูแลอำนวยความสะดวกด้านการจราจร และจัดการจราจรหน้าโรงเรียนที่มีปัญหาช่วงเปิดเทอมระยะนี้ ให้ระดมกำลังตำรวจเต็มพื้นที่ 100 เปอร์เซ็นต์ ห้ามหยุด ห้ามลา ห้ามขาด จนกว่าสภาพการจราจรจะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น พร้อมสั่งเตรียมความพร้อมรับมือการจราจรในวัน 23 พ.ค. ซึ่งจะมีโรงเรียนใน กทม.เปิดเทอมพร้อมกันอีก 1,200 แห่ง และให้ตำรวจดำเนินการตามแผนปฏิบัติจราจรเปิดเทอมอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะ 6 ถนนสายหลักและถนนหน้าโรงเรียน 22 แห่งที่มีปัญหา เช่น โรงเรียนราชินีบน โรงเรียนเซนต์คาเบียล โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนแวนต์ โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน โรงเรียนอัสสัมชัญคอนแวนต์ โรงเรียนมาแตร์เดอี โรงเรียนเซนต์ดอมินิก โรงเรียนวัฒนา เป็นต้น โดยเฉพาะช่วงเช้าชั่วโมงเร่งด่วน 06.30-08.00 น. เป็นช่วงเวลาที่คนออกจากบ้านมาทำงานในช่วงเดียวกับที่นักเรียนไปโรงเรียน
รอง ผบช.น.กล่าวแนะนำผู้ปกครองที่ขับรถรับส่งบุตรหลานว่า ให้ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด เตรียมพร้อมการส่งบุตรหลานมาจากบ้านโดยเฉพาะเรื่องกระเป๋านักเรียน เงินค่าขนม ห้ามจอดแช่หน้าโรงเรียนแล้วค่อยไปหยิบกระเป๋านักเรียนจากท้ายรถ ทำให้การจราจรติดขัด ตลอดจนการกินข้าวในรถก็ควรเรียบร้อยก่อนถึงโรงเรียน การนอนในรถไม่ใช่มาถึงโรงเรียนแล้วค่อยปลุก ที่สำคัญที่สุดคือ เส้นทางการเดินทางต้องเตรียมพร้อม กรณีเกิดฝนตก หรือมีอุบัติเหตุขวางทางผู้ปกครองควรมีเส้นทางสำรองไว้ด้วย
ขณะเดียวกัน กองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) ได้รายงานสถิติการกวดขันจับกุมผู้ขับขี่กระทำความผิดกฎหมายจราจร 12 ข้อหาหลักในรอบ 15 วันที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 1-15 พ.ค. โดยจับกุมในพื้นที่ กทม.ได้ทั้งหมด 56,962 ราย พบว่า ความผิดข้อหาที่มีผู้กระทำผิดมากที่สุดคือ จอดรถในที่ห้ามจอด มากถึง 22,570 ราย รองลงมาข้อหาไม่สวมหมวกนิรภัย 11,340 ราย ข้อหาขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด 4,335 ราย ข้อหาไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนจับกุม 3,542 ราย ข้อหาขับรถย้อนศร 3,108 ราย ข้อหาจอดรถบนทางเท้า 3,030 ราย ข้อหาจอดรถซ้อนคัน 2,478 ราย ข้อหาแซงในที่คับขัน 2,344 ราย ข้อหาขับรถบนทางเท้า 2,041 ราย ข้อหาเมาแล้วขับ 1,025 ราย ข้อหามลพิษควันดำ 921 ราย และข้อหาแข่งรถในทาง 48 ราย โดยกองบัญชการตำรวจนครบาล และกองบังคับการตำรวจจราจรเน้นย้ำการปฏิบัติอย่างจริงจัง นอกจากนี้ให้ดูแลเรื่องอาชญากรรมและยาเสพติดควบคู่กันไปด้วย
สำหรับภาพรวมการจราจรในรอบ 7 วันที่ผ่านมา พบว่า การจราจรช่วงเช้าชั่วโมงเร่งด่วนบนถนนสายหลัก 6 เส้นทางยังติดขัดคือ ถนนยกระดับรามคำแหง ถนนรัชดาภิเษก ขาเข้า ถนนวิภาวดีรังสิต ถนนรามคำแหงรอบใน ถนนเพชรบุรี ถนนบรมราชชนนี และพบการจราจรติดขัดรวม 33 จุดทั่วกทม. ส่วนในช่วงเย็น ติดขัดหนักที่ถนนรามคำแหง รัชดาภิเษก และการอำนวยความสะดวกจราจรในช่วงเปิดเทอม ที่จะเปิดเทอมพร้อมกันในวันที่ 23 พ.ค. 2555 นี้
ส่วนข้อร้องเรียนต่าง ๆ ที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อน และมีการร้องเรียน ผ่านทาง บก.จร.ทางสายด่วน 1197 ส่วนใหญ่ที่พบเป็นการเรียกเก็บเงินจากตำรวจจราจร โดยไม่ออกใบสั่งกับผู้ใช้รถที่ผิดวินัยการจราจร นอกนั้นก็เป็นเรื่องต่างๆ อาทิ การตั้งด่านโดยไม่มีตำรวจสัญญาบัตรคุม รถแท็กซี่กีดขวางป้ายรถประจำทาง ทางรอง ผบช.น.ได้สั่งการให้มีการแก้ไขอย่างต่อเนื่อง