xs
xsm
sm
md
lg

"ปอร์เช่VSฟอร์จูนเนอร์" ใช่ว่า...ใครแน่กว่าใคร?

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนทางด่วนอุตราภิมุข หรือดอนเมืองโทลล์เวย์ ของกลางดึกวันที่ 27 เม.ย. เป็นอุบัติเหตุรถยนต์ชนกันรวม 3 คัน มีผู้เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 1 ราย ซึ่งโดยปกติ ถือเป็นเหตุว.40 อันเป็นรหัสเรียกขาน เหตุรถชนกันตามปกติธรรมดา ไม่มีอะไรพิเศษ แต่อุบัติเหตุของคืนดังกล่าว ถือว่าพิเศษ เพราะสภาพของรถที่เกิดอุบัติเหตุนั้น แทบจะมองไม่ออกเสียด้วยซ้ำว่าเคยเป็นรถมาก่อน อีกทั้งเมื่อนึกถึงการพุ่งเข้าชนกัน ถือว่า รุนแรงมากที่สุดในเหตุการณ์หนึ่ง

รถที่เกิดอุบัติเหตุในครั้งนั้นประกอบด้วย รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ษข-3333 กทม. รถเก๋งสปอร์ตยี่ห้อปอร์เช สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน กก-911 กทม. และรถเก๋งยี่ห้อมาสด้า 2 สีขาว ทะเบียน ฎว-2188 กทม. ทว่า มีเพียงรถปอร์เซ่ หรือพอร์ซ กับรถฟอร์จูนเนอร์เท่านั้นที่อยู่ในความสนใจของชาวบ้าน กลายเป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ไปทั่วบ้านทั่วเมือง ว่าใครกันแน่ เป็นฝ่ายผิดฝ่ายถูก !

คงต้องย้อนกลับไปดู เหตุการณ์ตั้งแต่ต้น แล้วจะกระจ่างว่า ทำไมเรื่องนี้ ยังไม่ได้ข้อสรุป หรือจบลงง่ายๆ เริ่มจากเมื่อเวลา 00.10 น.ของวันที่ 27 เม.ย. พ.ต.ท.ชัยวัฒน์ อินทร์เทศ พนักงานสอบสวน (สบ 2) งานศูนย์ควบคุมจราจรวิภาวดีรังสิต/ทางพิเศษ (สน.วิภาวดี) รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถชนกันมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต บนโทลล์เวย์ขาออก ช่วงหน้าอาคารที่ทำการหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ จึงรีบรุดไปตรวจสอบพร้อมมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

ที่เกิดเหตุพบรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ษข-3333 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ในสภาพถูกชนจากด้านหลังจนยุบเกือบถึงที่นั่งคนขับ มีผู้เสียชีวิตติดอยู่บริเวณที่นั่งคนขับ ทราบต่อมาชื่อ "พ.ต.ศักดิภัทร ปทุมารักษ์" บุตรชายนายชาญชัย ปทุมารักษ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และรมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สภาพศพสวมเสื้อยืดคอกลมสีขาว กางเกงขาสั้นสีดำ มีบาดแผลกะโหลกเปิด คอหัก ใกล้กันพบรถเก๋งสปอร์ตยี่ห้อปอร์เช สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน กก-911 กรุงเทพมหานคร อยู่ในสภาพจอดขวางถนน มีร่องรอยการเฉี่ยวชนอย่างรุนแรงจนด้านหน้ารถพังยับเยิน มีผู้เสียชีวิตติดคาที่นั่งด้านคนขับ 1 ราย ทราบชื่อ"นายไทฟ้า ชยวรประภา" อายุ 54 ปี กรรมการผู้จัดการ บ.บัดดี้ กรุ๊ป จำกัด และเป็นเจ้าของโรงแรมบัดดี้ วิลเลจ ถนนข้าวสาร สภาพศพสวมเสื้อโปโลสีดำ กางเกงยีนส์ขายาวสีฟ้า คอหัก กระดูกแขนขาหักผิดรูป ถัดไปอีกประมาณ 10 เมตร พบรถเก๋งยี่ห้อมาสด้า 2 สีขาว ทะเบียน ฎว-2188 กรุงเทพมหานคร ได้รับความเสียหายด้านหน้ามีร่องรอยการชน มีผู้บาดเจ็บ 1 ราย ทราบชื่อนายอำนาจ กลิ่นอยู่ อายุ 30 ปี เจ้าหน้าที่จึงรีบนำผู้บาดเจ็บส่ง รพ.วิภาวดี

พ.ต.ท.ชัยวัฒน์ ระบุว่า เบื้องต้นตำรวจยังไม่สามารถสรุปสาเหตุของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นได้ แต่จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า จุดที่ชนครั้งแรกกับจุดที่รถหยุดอยู่ห่างกันถึง 120 เมตร ขณะเดียวกันเชื่อว่าก่อนเกิดเหตุรถทั้ง 2 คันน่าจะขับมาด้วยความเร็วสูง โดยเฉพาะรถเก๋งปอร์เช่นั้น เข็มไมล์ของรถค้างอยู่ที่ 280 กม./ชม. อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะได้ประสานขอภาพวงจรปิดจากโทลล์เวย์ พร้อมสอบปากคำผู้ได้รับบาดเจ็บเพื่อสรุปสาเหตุของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นต่อไป

ประเด็นสำคัญ เข็มไมล์หรือเกจ์วัดความเร็วของรถปอร์เช่ในจุดเกิดเหตุ เข็มชี้และค้างอยู่ที่ความเร็ว280กิโลเมตร/ชั่วโมง เกิดอะไรขึ้นกับรถทั้งสองคัน?

ผู้เสียชีวิตทั้งสองราย ถือเป็นผู้มีชื่อเสียงในสังคม คนหนึ่งเป็นนายทหารยศพ.ต. บุตรชายของนายชาญชัย ปทุมารักษ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และรมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อีกคนหนึ่งเป็นนักธุรกิจ เป็นเจ้าของโรงแรมบัดดี้ วิลเลจ ถนนข้าวสาร ซึ่งในวันไปรับศพ นอกจากคนในครอบครัว ญาติพี่น้องแล้ว ยังมีพล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รองผบ.ตร. ไปรอรับศพที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อนำศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดเทพศิรินทราวาสวรวิหารด้วย ถือว่า ไม่ธรรมดาทั้ง 2 ฝ่าย

หลังเกิดอุบัติเหตุได้ไปเพียงวันเดียว ในวันรุ่งขึ้น (28 เม.ย.) พ.ต.ท.ชัยวัฒน์ เจ้าของคดีออกมาเปิดเผยถึงความคืบหน้าอีกครั้งว่า บริเวณดังกล่าวกล้องวงจรปิดไม่สามารถจับภาพขณะเกิดเหตุการณ์รถชนได้ โดยเจ้าหน้าที่ได้ประสานขอตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณจุดที่ใกล้เคียงทั้งหมดแทน และรอผลตรวจจากเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ซึ่งเข้าตรวจสอบซากรถยนต์ที่สภาพยับเยินทั้ง 2 คัน หาร่องรอยการชนของรถทั้งคู่เพื่อหาข้อเท็จจริงและสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น โดยคดีนี้อยู่ในความสนใจของประชาชนทั่วไป จึงคาดว่าจะทราบผลรายงานภายใน 1-2 สัปดาห์ ก่อนสรุปสำนวนคดีต่อไป

ในขณะเดียวกัน พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผู้ช่วยผบ.ตร. ออกมาระบุเกี่ยวกับเหตุการณ์ครั้งนี้ว่า ในฐานะอดีต ผบช.สพฐ. (ผู้บัญชาการสำนักพิสูจน์หลักฐาน) ได้แนะนำวิธีการเก็บหลักฐานและขั้นตอนต่างๆ ให้แก่เจ้าหน้าที่ พฐ. เช่น การตรวจวัดระยะทางเบรกและความสัมพันธ์ของรอยเบรก การเก็บหลักฐานของสีรถทั้ง 2 คัน และคำนวณความเร็วของรถทั้งหมดจากภาพของกล้องวงจรปิดบนโทลล์เวย์ที่เกิดเหตุมาตรวจสอบ ก่อนนำมาวิเคราะห์เพื่อหาข้อเท็จจริง ส่วนการตรวจและพิสูจน์ศพของสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ จะตรวจหาบาดแผลของศพทั้งหมด พร้อมเก็บตัวอย่างเลือดไปตรวจหาสารต่างๆ ในร่างกาย เพื่อประกอบเป็นสำนวนคดีทั้งหมด คาดว่าใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ จากนั้นส่งให้พนักงานสอบสวนไปประกอบสำนวนคดีต่อไป

วันที่ 30 เม.ย. พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร รองผบช.น. ซึ่งรับผิดชอบดูแลงานจราจร ออกมาเปิดเผยถึงการสอบสวนของคดีนี้เพียงว่า ต้องรอกองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) และพนักงานสอบสวนอีกครั้ง ยังไม่สามารถสรุปได้ รอผลต่างๆให้ชัดเจนก่อน ส่วนเวลาจะพยายามให้เร็วที่สุด เพราะต้องตอบข้อกังขาของสังคมให้ได้ โดยเชื่อว่า ออกมาแล้วผู้รับผิดชอบจะชี้แจงเอง

"เรื่องนี้ต้องประมาทอยู่แล้ว เพราะการใช้ความเร็วสูงกว่ากฎหมายกำหนดถือว่าเป็นเรื่องการประมาทส่วนหนึ่งแล้ว ส่วนใครจะประมาทเป็นเรื่องต้องตรวจสอบอีกครั้ง ต้องดูว่าใครประมาท ใครกระทำจึงสามารถสู่การตั้งข้อหาได้"พล.ต.ต.วรศักดิ์ระบุไว้

วันที่ 1 พ.ค. พล.ต.ท.จรัมพร เข้าหารือร่วมกับพนักงานสอบสวนสน.วิภาวดี เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน พร้อมกับลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุ จากนั้นให้สัมภาษณ์ว่า มาตรวจสอบร่องรอยการชนและการเบรก อีกทั้งประมวลเหตุการณ์ขณะที่รถยนต์ทั้ง 2 คัน ขับมาก่อนประสบอุบัติเหตุ จะนำเข็มไมล์ของรถยนต์ทั้ง 2 คัน ส่งให้ผู้เชี่ยวชาญด้านฟิสิกส์ จากคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตรวจสอบ และตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่อยู่ใกล้เคียงกับจุดเกิดเหตุแต่ละตัว ที่แต่ละจุดห่างกันประมาน 900 เมตร ก่อนจะคำนวณหาความเร็วที่รถยนต์ทั้งสองคน ขับขับขี่ ขณะเดียวกัน จะยกตัวถังรถเพื่อดูสภาพเกียร์ว่ามีความสัมพันธ์กับเลขไมล์รถหรือไม่ เพื่อหาสาเหตุของอุบัติเหตุต่อไป

ครั้นพอวันที่ 2 พ.ค. พล.ต.ท.จรัมพร เจ้าเดิม ออกมากล่าวถึงเหตุการณ์ครั้งนี้อีกครั้งว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบรอบความเร็วของรถยนต์ตามเรือนไมค์ที่ปรากฏอยู่ และตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดทั้ง 16 ตัว ที่เริ่มตั้งแต่รถทั้ง 2 คันวิ่งขึ้นมาบริเวณทางโทลล์เวย์ดังกล่าว ซึ่งภาพจากกล้องตัวที่ 1-12 ยังไม่เห็นการชน แต่อาจจะนำไปดูค่าเฉลี่ยของความเร็วหรือบอกสภาพการเดินทางของรถได้ เพื่อบ่งบอกถึงพฤติการณ์การใช้รถของทั้งคู่ ทั้งนี้ ต้องตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดตัวที่ 14-16 ซึ่งเป็นจุดที่รถชนกันจนเกิดอุบัติเหตุเพื่อหาข้อเท็จจริง

จากรายงานแจ้งว่า หลังจากเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ หมายเลขทะเบียน ษข-3333 ด้วยการยกรถขึ้นและตรวจสอบบริเวณใต้ท้องรถ พบว่า มีสีเทาของรถปอร์เช่ รุ่นจีที-2 หมายเลขทะเบียน กก-911 สันนิษฐานว่ารถยนต์ฟอร์จูนเนอร์อาจจะทับรถยนต์ปอร์เช่ขณะที่เกิดอุบัติเหตุ นอกจากนี้ยังได้ตรวจสอบร่องรอยต่างๆ เพื่อรวบรวมเป็นข้อมูลหาสาเหตุที่แท้จริงของอุบัติเหตุในครั้งนี้ต่อไป

การให้สัมภาษณ์ของพล.ต.ท.จรัมพร ทำให้จับประเด็นได้ว่า เพราะเหตุใด พล.ต.ท.จรัมพร จึงให้สัมภาษณ์ในทำนองว่า เมื่อยกรถฟอร์จูนเนอร์ขึ้นตรวจสอบใต้ท้องรถ จึงพบว่า มีสีเทาของรถปอร์เช่อยู่ สันนิษฐานว่ารถยนต์ฟอร์จูนเนอร์อาจจะทับรถยนต์ปอร์เช่ขณะที่เกิดอุบัติเหตุ?

เรื่องนี้ จะให้ประชาชนเข้าใจเป็นอื่นได้อย่างไร รถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ วิ่งไล่ทับรถยนต์ปอร์เช่ อย่างนั้นหรือ ทั้งในทางทฤษฎีและปฏิบัติ ย่อมเป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางที่รถยนต์ฟอร์จูนเนอร์ จะวิ่งไล่กวดรถยนต์ปอร์เช่ที่ใช้ความเร็วขณะนั้นได้ทัน !

ความคืบหน้าของคดีนี้ เงียบหายไปอีกพัก จนกระทั่งในวันที่ 8 พ.ค. คราวนี้ พล.ต.ท.จรัมพร ให้สัมภาษณ์ที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (สพฐ.ตร.) พร้อมกับพล.ต.ต.อภิรัตน์ ปรักกมะกุล ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (ผบก.พฐก.) เจ้าหน้าที่ตรวจพิสูจน์ที่เกิดเหตุ และเจ้าหน้าที่ศูนย์บริการปอร์เช่ บริษัท เอเอเอสออโต้ เซอร์วิส จำกัด โดยเป็นการร่วมประชุมเพื่อตรวจสอบทางเทคนิคแผงหน้าปัดวัดความเร็วรถ รอบรถ ระดับน้ำมัน และความร้อน ของรถปอร์เช่ ซึ่งพล.ต.ท.จรัมพรระบุว่า ได้หารือกับผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิคของผู้นำเข้ารถยี่ห้อปอร์เช่ พบว่า ปกติแล้วเมื่อระบบไฟฟ้าตัด เข็มวัดเลขไมล์ต่างๆ ของรถจะต้องกลับมาอยู่ที่เลข 0 จึงต้องเชิญนักเทคนิคมาร่วมตรวจสอบร่วมกับนักวิทยาศาสตร์ของ พฐก. เพื่อดูว่าประเด็นความเร็วที่แท้จริงของรถปอร์เช่ในช่วงเกิดอุบัติเหตุเป็นเท่าใด เนื่องจากความเร็วเป็นปัจจัยหนึ่งของการเกิดอุบัติเหตุ อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบเบื้องต้น รถปอร์เช่ขับมาด้วยความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดอยู่แล้ว นอกจากนี้ จะตรวจสอบด้วยว่า เหตุใดเมื่อระบบไฟฟ้าตัดแล้ว เข็มวัดระดับต่างๆ ไม่กลับไปอยู่ที่เลข 0 ซึ่งเจ้าหน้าที่เทคนิคของรถปอร์เช่เองก็ไม่สามารถให้คำตอบได้ ต้องมีการตรวจสอบเรือนหน้าปัด ขณะที่ต่างประเทศเองก็ไม่มีตัวอย่างการเกิดอุบัติเหตุที่รุนแรงขนาดนี้เพื่อเป็นกรณีตัวอย่างให้ประเทศไทยได้

"คาดว่าภายใน 2 วัน จะสามารถส่งหลักฐานให้พนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป ทั้งนี้ ได้นำเรือนหน้าปัดของรถปอร์เช่มาตรวจสอบเพียงคันเดียว ส่วนรถโตโยต้าไม่พบประเด็นเรื่องความเร็ว นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดผู้ขับขี่ด้วย ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะสามารถบ่งบอกพฤติกรรมการขับรถเพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับประชาชนได้"พล.ต.ท.จรัมพรกล่าวไว้

ยังไม่รู้ว่า คดีนี้ จะลงเอย หรือผลสอบสวนจะออกมาเป็นอย่างไร แต่เท่าที่ฟังพล.ต.ท.จรัมพรให้สัมภาษณ์มาโดยตลอดนั้น ส่วนใหญ่กล่าวถึงเพียงรถปอร์เช่ แถมเป็นไปในทิศทางที่ดี ไม่ค่อยได้กล่าวถึงรถฟอร์จูนเนอร์มากนัก ซึ่งผลการสอบสวนของตำรวจ จะมีผลต่อเรื่องประกัน ทั้งยังอาจเป็นข้อมูลเบื้องต้น ในการที่จะใช้ฟ้องร้องทางแพ่งกันได้ต่อไปในอนาคตด้วยหรือไม่ก็เป็นได้

เราไม่รู้ว่า ผู้ขับขี่รถทั้งสองคัน ใครผิดใครถูก คดีลูกสาวไฮโซ ขับซีวิคชนรถตู้บนโทลล์เวย์ จนมีผู้เสียชีวิต 9 ศพนั้น ผู้คนก็ก่นด่าตำรวจกันมามากโขแล้ว ตำรวจควรจะทำเรื่องนี้ให้เป็นที่กระจ่างกับสังคม เพื่อเพิ่มต้นทุนทางสังคม ด้านสีขาวให้กับองค์กร ไม่ใช่อยู่ที่ว่า คนตระกูลนี้ รู้จักนายตำรวจระดับบิ๊กมากมาย คนตระกูลนั้น เส้นสายใหญ่โต แล้วกะจะเป่าคดีไปทางโน่นทางนี้ ถ้าเป็นอย่างนี้ ต้นทุนทางสังคมของตำรวจ มีแต่นับวันจะติดลบลงไปเรื่อยๆ

มีการพูดคุยหยอกล้อกันเล่นๆในหมู่แวดวงตำรวจทำนองว่า เวลารถชนกัน ตำรวจได้ยินเสียงอะไร บ้างก็ทายว่า เสียงดัง"โครม" เสียงดัง"ปัง" แล้วแต่จะจินตนาการกันไป แต่ส่วนใหญ่มักทายผิดหมด เพราะคำเฉลย เวลารถชนกัน ตำรวจจะได้ยินแต่คำว่า "ตังค์ ตังค์ ตังค์"เพียงอย่างเดียว !
กำลังโหลดความคิดเห็น