รวบแก๊งหลอกคนงานไปทำโครงการท่อก๊าซไทย-พม่า อ้างมีรายได้งามถึงเงินแสน ทำให้เหยื่อหลงเชื่อโอนเงินค่าดำเนินการให้ก่อน โดยบางรายถึงกับลาออกจากที่ทำงานเดิมเพื่อหาเงิน 7 หมื่นจ่ายแลกได้ไปนอก ชี้ แก๊งนี้จะยึดพาสปอร์ตของผู้สมัครงานเอาไว้จะคืนให้เมื่อจ่ายเงินค่าดำเนินการครบจำนวน รวมทั้งเร่งให้สมัครงาน โดยจะอ้างว่าใกล้หมดเขตรับสมัครแล้ว
วันนี้ (23 มี.ค.) ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) เมื่อเวลา 10.30 น. พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืชน์ ผบก.ปคม. พ.ต.อ.สุวิชญ์พล อิ่มใจรัชต์ รอง ผบก.ปคม.พ.ต.อ.ณพวัฒน์ อารยางกูร ผกก.1 บก.ปคม.แถลงการจับกุม นายฐานุพงศ์ โฆษิตธิติพันธ์ อายุ 63 ปี และ นางสายพิน สุขประเสริฐ อายุ 56 ปี ผู้ต้องหาหลอกลวงแรงงานไปทำงานท่อก๊าซไทย-พม่า โดยจับกุมได้ที่ บริษัท เคเอสพี จำกัด ตั้งอยู่ที่ซอยจตุโชติ 20 ถนนสุขาภิบาล 5 แขวงออเงิน เขตสายไหม กทม.
พล.ต.ต.ชวลิต กล่าวว่า เมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ได้เข้าแจ้งความว่าผู้ต้องหาทั้งสองรายได้ประกาศรับสมัครคนงานไปทำงานในโครงการท่อก๊าซไทย-พม่า ด้านเมืองทวาย ผ่านมาทาง จ.กาญจนบุรี มีรายได้เดือนละ 72,000-120,000 บาท ทำให้มีประชาชนหลงเชื่อจ่ายเงินค่าดำเนินการล่วงหน้า 30,000-70,000 บาท จากนั้นผู้ต้องหาทำทีให้คนงานมาอบรมที่บริษัท เคเอสพี จำกัด ตั้งอยู่ที่ซอยจตุโชติ 20 ถนนสุขาภิบาล 5 แขวงออเงิน เขตสายไหม กทม.แต่เมื่อถึงกำหนดเดินทางไปทำงานผู้ต้องหาผลัดผ่อนเรื่อยมา คนงานเห็นท่าไม่ดีจึงรวมตัวเข้าร้องเรียนที่กระทรวงแรงงาน ก่อนจะมีการประสานมายัง บก.ปคม.จับกุมดังกล่าว
พล.ต.ต.ชวลิต กล่าวต่อว่า จากการตรวจพบว่า โครงการวางท่อก๊าซไทย-พม่า นั้น มีอยู่จริง แต่โครงการนี้รัฐบาลได้มอบหมายให้บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด ผู้เสียหายบางคนถึงกับลาออกจากที่ทำงานเดิม และหาเงิน 70,000 บาท มาจ่ายเป็นค่าดำเนินการ เพราะหวังว่าจะไปทำงานที่ได้รับเงินเดือน 100,000 บาท นอกจากนี้ ยังมีผู้เสียหายอีก 339 คน ที่จะเข้าร้องทุกข์เพิ่มเติมในสัปดาห์หน้า จึงอยากฝากเตือนผู้หางานว่าให้ตรวจสอบข้อมูลบริษัทเหล่านี้ให้ละเอียดโดยเฉพาะบริษัทที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ย่านออเงิน สายไหม รามอินทรา ทุ่งสองห้อง และหากพบบุคคลที่มีพฤติการณ์หลอกลวงประชาชนลักษณะนี้ให้แจ้งมาที่ บก.ปคม.สายด่วน 1191
จากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา จึงแจ้งข้อหาร่วมกันจัดหางานให้คนหางานไปทำงานต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนจัดหางานกลาง และร่วมกันหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางาน หรือส่งไปฝึกงานในต่างประเทศ มีโทษจำคุกตั้งแต่ 3-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 60,000-200,000 บาท
ด้าน นายวรเดช อันเตวาสิก อายุ 45 ปี พนักงานบริษัท เคเคที จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ไทยออยส์ จำกัด หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ได้รับการติดต่อจากนางสายพิน ตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยให้ไปสมัครงานที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พร้อมพวกอีก 4 คน โดยจะอ้างเอกสารของบริษัท เมียนมาร์ ออฟ ชอร์ ประเทศพม่า โดยทุกคนที่มาทั้ง 339 คน เสียเงินไปคนละ 50,000-60,000 บาท โดยนายฐานุพงศ์ เป็นคนประสานงานกับชาวต่างประเทศ และสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ
“ผมคิดว่าคนพวกนี้เป็นเหลือบไรยิ่งกว่าเดนมนุษย์ ต้องชื่นชมว่าตำรวจสามารถตามจับคนกลุ่มนี้ได้ในเวลาเพียง 8 วัน เพื่อหยุดสร้างความเสียหายต่อไป ส่วนรูปแบบการหลอกลวงของแก๊งตุ๋นคนงานไปทำงานต่างประเทศกลุ่มนี้ ยังมีการยึดหนังสือเดินทาง หรือพาสปอร์ตของผู้สมัครงานเอาไว้ โดยจะคืนให้เมื่อจ่ายเงินค่าดำเนินการครบจำนวน รวมทั้งเร่งให้สมัครงาน โดยจะอ้างว่าใกล้หมดเขตรับสมัครแล้ว” นายวรเดช กล่าว
วันนี้ (23 มี.ค.) ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) เมื่อเวลา 10.30 น. พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืชน์ ผบก.ปคม. พ.ต.อ.สุวิชญ์พล อิ่มใจรัชต์ รอง ผบก.ปคม.พ.ต.อ.ณพวัฒน์ อารยางกูร ผกก.1 บก.ปคม.แถลงการจับกุม นายฐานุพงศ์ โฆษิตธิติพันธ์ อายุ 63 ปี และ นางสายพิน สุขประเสริฐ อายุ 56 ปี ผู้ต้องหาหลอกลวงแรงงานไปทำงานท่อก๊าซไทย-พม่า โดยจับกุมได้ที่ บริษัท เคเอสพี จำกัด ตั้งอยู่ที่ซอยจตุโชติ 20 ถนนสุขาภิบาล 5 แขวงออเงิน เขตสายไหม กทม.
พล.ต.ต.ชวลิต กล่าวว่า เมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ได้เข้าแจ้งความว่าผู้ต้องหาทั้งสองรายได้ประกาศรับสมัครคนงานไปทำงานในโครงการท่อก๊าซไทย-พม่า ด้านเมืองทวาย ผ่านมาทาง จ.กาญจนบุรี มีรายได้เดือนละ 72,000-120,000 บาท ทำให้มีประชาชนหลงเชื่อจ่ายเงินค่าดำเนินการล่วงหน้า 30,000-70,000 บาท จากนั้นผู้ต้องหาทำทีให้คนงานมาอบรมที่บริษัท เคเอสพี จำกัด ตั้งอยู่ที่ซอยจตุโชติ 20 ถนนสุขาภิบาล 5 แขวงออเงิน เขตสายไหม กทม.แต่เมื่อถึงกำหนดเดินทางไปทำงานผู้ต้องหาผลัดผ่อนเรื่อยมา คนงานเห็นท่าไม่ดีจึงรวมตัวเข้าร้องเรียนที่กระทรวงแรงงาน ก่อนจะมีการประสานมายัง บก.ปคม.จับกุมดังกล่าว
พล.ต.ต.ชวลิต กล่าวต่อว่า จากการตรวจพบว่า โครงการวางท่อก๊าซไทย-พม่า นั้น มีอยู่จริง แต่โครงการนี้รัฐบาลได้มอบหมายให้บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด ผู้เสียหายบางคนถึงกับลาออกจากที่ทำงานเดิม และหาเงิน 70,000 บาท มาจ่ายเป็นค่าดำเนินการ เพราะหวังว่าจะไปทำงานที่ได้รับเงินเดือน 100,000 บาท นอกจากนี้ ยังมีผู้เสียหายอีก 339 คน ที่จะเข้าร้องทุกข์เพิ่มเติมในสัปดาห์หน้า จึงอยากฝากเตือนผู้หางานว่าให้ตรวจสอบข้อมูลบริษัทเหล่านี้ให้ละเอียดโดยเฉพาะบริษัทที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ย่านออเงิน สายไหม รามอินทรา ทุ่งสองห้อง และหากพบบุคคลที่มีพฤติการณ์หลอกลวงประชาชนลักษณะนี้ให้แจ้งมาที่ บก.ปคม.สายด่วน 1191
จากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา จึงแจ้งข้อหาร่วมกันจัดหางานให้คนหางานไปทำงานต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนจัดหางานกลาง และร่วมกันหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางาน หรือส่งไปฝึกงานในต่างประเทศ มีโทษจำคุกตั้งแต่ 3-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 60,000-200,000 บาท
ด้าน นายวรเดช อันเตวาสิก อายุ 45 ปี พนักงานบริษัท เคเคที จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ไทยออยส์ จำกัด หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ได้รับการติดต่อจากนางสายพิน ตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยให้ไปสมัครงานที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พร้อมพวกอีก 4 คน โดยจะอ้างเอกสารของบริษัท เมียนมาร์ ออฟ ชอร์ ประเทศพม่า โดยทุกคนที่มาทั้ง 339 คน เสียเงินไปคนละ 50,000-60,000 บาท โดยนายฐานุพงศ์ เป็นคนประสานงานกับชาวต่างประเทศ และสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ
“ผมคิดว่าคนพวกนี้เป็นเหลือบไรยิ่งกว่าเดนมนุษย์ ต้องชื่นชมว่าตำรวจสามารถตามจับคนกลุ่มนี้ได้ในเวลาเพียง 8 วัน เพื่อหยุดสร้างความเสียหายต่อไป ส่วนรูปแบบการหลอกลวงของแก๊งตุ๋นคนงานไปทำงานต่างประเทศกลุ่มนี้ ยังมีการยึดหนังสือเดินทาง หรือพาสปอร์ตของผู้สมัครงานเอาไว้ โดยจะคืนให้เมื่อจ่ายเงินค่าดำเนินการครบจำนวน รวมทั้งเร่งให้สมัครงาน โดยจะอ้างว่าใกล้หมดเขตรับสมัครแล้ว” นายวรเดช กล่าว
