“ปานศิริ” เผย คดีระเบิด 3 จุดกลางกรุงคืบหน้ามากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ พร้อมแจ้ง 4 ข้อกล่าวหาอิหร่านขาขาด เผยอัยการและพนักงานสอบฯแปลเอกสารแล้วเสร็จ พร้อมเตรียมเดินทางไปประสานมาเลย์ขอตัว “มาซูด” มาดำเนินคดี ชี้เหตุระเบิดในไทยคล้ายที่อินเดีย รับมีบางอย่างเชื่อมโยงข้อมูลอินเดีย
วันนี้ (09.30 น.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัตร รองผบ.ตร.ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีระเบิด 3 จุดกลางกรุง พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ต.พิสิฎฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น.เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.บช.น.เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.5 ฝ่ายสืบสวน สน.คลองตัน พนักงานสอบสวน บก.น.5 และ สน.คลองตัน ได้ร่วมประชุมชุดสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีระเบิด 3 จุดที่ซอยสุขุมวิท 71 เมื่อวันที่ (14 ก.พ.) ที่ผ่านมา โดยใช้เวลาการประชุมนานกว่า 2 ชม.
พล.ต.อ.ปานศิริ เปิดเผยหลังการประชุม ว่า ความสมบูรณ์ของพยานหลักฐานทั้งหมด รวมถึงพยานบุคคลและหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์มีความคืบหน้าไปมาก และจากการตรวจพยานหลักฐานหลายจุดยังสามารถเชื่อมโยง และยืนยันถึงการกระทำผิดของผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ซึ่งถือว่ามีความคืบหน้าไปมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ โดยบ่ายวันนี้พนักงานสอบสวนจะเข้าสอบปากคำ นายซาอิด โมราดิ ชาวอิหร่าน ผู้ต้องหาที่ถูกระเบิดขาขาด พร้อมกับแจ้ง 4 ข้อกล่าวหาตามที่ศาลอนุมัติออกหมายจับ หลังจากแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ยืนยันว่า นายซาอิด โมราดิ สามารถให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนได้แล้ว โดยข้อมูลจากการสอบสวนทั้งหมดพนักงานสอบสวนจะทำหนังสือส่งไปยังทางการมาเลเซีย เพื่อใช้ประกอบในการขอตัว นายมาซูด เซดากาห์ ซาเดห์ กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวน และพนักงานอัยการได้แปลเอกสารเป็นภาษาอังกฤษแล้วเสร็จ และพร้อมจะเดินทางไปประสานทางการมาเลเซียในวันที่ 25-26 มีนาคมนี้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จากกรณีที่สื่อประเทศอินเดียเผยผลการสอบสวนแล้วว่า นายมาซูด มีส่วนเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดรถยนต์นักการทูตอิสราเอล ประจำนิวเดลี อินเดีย พล.ต.อ.ปานศิริ กล่าวว่า ในเรื่องดังกล่าวหลังเกิดเหตุเอกอัคราชทูตอินเดียกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เข้าพบ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร.และหลังจากนั้น ก็มีการประสานงานกันในระดับเจ้าหน้าที่มาโดยตลอด โดยเฉพาะช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอินเดียก็ได้ประสานงานเข้ามาเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ประเทศอินเดีย ซึ่งมีการเกิดระเบิดไปแล้ว กับข้อมูลของทางตำรวจไทย ซึ่งเป็นเรื่องสากลทั่วโลกอยู่แล้ว โดยเมื่อเกิดเหตุทางประชาคมตำรวจก็มีการประสานงานและแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ซึ่งเหตุระเบิดที่ประเทศอินเดียและประเทศไทย พบว่าคล้ายกัน 4 ประการ คือ 1.ตัววัตถุระเบิด ไม่ว่าจะเป็นลักษณะการประกอบ กลไกการทำงานของระเบิด ภาชนะที่บรรจุ และแม่เหล็กที่ติดกับวัตถุระเบิด 2.เรื่องของเป้าหมาย พบว่า มีกลุ่มเป้าหมายเดียวกัน คือ ประสงค์ต่อตัวบุคคล 3.เรื่องของการเตรียมการก่อเหตุ คือ ใช้รถ จยย.เป็นพาหนะเหมือนกัน และ 4.มีการเตรียมจัดหาสถานที่พัก เพื่อเตรียมวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งเรื่องเหล่านี้ได้มีการประสานงานกันเรื่อยมา มีข้อมูลบางอย่างที่เชื่อได้ว่าผู้ต้องหามีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ระเบิดที่ประเทศอินเดีย ซึ่งทางอินเดียเองก็อยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผล
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า น่าจะเป็นกลุ่มเดียวกันกับที่เคยก่อเหตุที่ประเทศอินเดียแล้วเข้ามาวางแผนก่อเหตุในประเทศไทยใช่หรือไม่ พล.ต.อ.ปานศิริ กล่าวว่า ไม่ใช่เช่นนั้น ซึ่งเป็นเพียงการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน โดยพบว่าอาจมีบางอย่างเชื่อมโยงกับข้อมูลของทางประเทศอินเดีย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงข้อเท็จจริง ที่ทางการประเทศอินเดียต้องการนำตัวนายมาซูด จากประเทศมาเลเซียกลับไปสอบปากคำและดำเนินคดีที่ประเทศอินเดีย พล.ต.อ.ปานศิริ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องภายในของประเทศอินเดีย สำหรับขั้นตอนการขอตัวนายมาซูด กลับมาที่ประเทศไทย โดยพนักงานอัยการได้ดำเนินการคืบหน้าไปมากพอสมควร ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นศาลของมาเลเซียแล้ว กระทั่งมีการขอเอกสารเพิ่มเติม ซึ่งทางอัยการและพนักงานสอบสวนจะเดินทางนำไปมอบให้ในวันที่ 25-26 มี.ค.ที่จะถึงนี้ ส่วนทางการอินเดียจะขอตัวหรือไม่ต้องสอบถามไปที่ทางการประเทศอินเดีย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีของนายโมราดิ ว่า ต้องรีบดำเนินคดีให้เข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลโดยเร็วที่สุด เพื่อนำหลักฐานไปยื่นใช่หรือไม่ พล.ต.อ.ปานศิริ กล่าวว่า ข้อมูลการสอบปากคำของนายโมราดิ เป็นส่วนหนึ่งที่จะนำเสนอให้กับทางอัยการ เพื่อเป็นหลักฐาน โดยในวันที่นำเอกสารไปยื่นให้กับทางการประเทศมาเลเซียคงยังไม่มีคำฟ้อง เพียงแต่เป็นพยานหลักฐานที่สืบสวนและสอบสวนได้ ทั้งพยานบุคคล การตรวจพิสูจน์ ความเสียหาย และภาพถ่ายต่างๆ ซึ่งพนักงานอัยการได้รวมรวมเอาไว้หมดแล้ว
เมื่อถามว่า จนถึงขณะนี้มีความมั่นใจมากน้อยแค่ไหนว่าจะได้ตัวนายมาซูด กลับมาดำเนินคดี พล.ต.อ.ปานศิริ กล่าวว่า ประเทศมาเลเซียให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยเรื่องดังกล่าวได้เข้าสู่กระบวนการของศาลมาเลเซียแล้ว เพียงแต่มีการขอหลักฐานเพิ่มเติม และอยู่ระหว่างเตรียมเดินทางไปชี้แจงหลักการทั้งหมดที่ประเทศมาเลเซีย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า สามารถแจ้งข้อหาก่อการร้ายกับผู้ต้องหาได้เลยหรือไม่ พล.ต.อ.ปานศิริ กล่าวว่า เรื่องการเกี่ยวพันกับการก่อการร้าย ทางตำรวจได้ดำเนินการอยู่ตลอดเวลา และในที่ประชุมตนก็ได้สั่งการเพิ่มเติมไปแล้ว ซึ่งขณะนี้ข้อหายังคงเป็นไปตามที่ศาลอนุมัติหมายจับมา เรื่องการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมนั้นอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผล
ต่อมาเวลา 13.45 น.ที่โรงพยาบาลตำรวจ พล.ต.อ.ปานศิริ พร้อมด้วย พล.ต.ต.อนุชัย และ พ.ต.อ.นายแพทย์ พงศ์ธร สุโฆษิต หัวหน้ากลุ่มงานศัลยกรรม โรงพยาบาลตำรวจแพทย์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เดินทางเข้าสอบปากคำนายซาอิด ซึ่งเข้ารับการรักษาอาการตัวอยู่ ซึ่งในวันนี้เป็นครั้งแรกที่แพทย์อนุญาตให้พนักงานสอบสวนเข้าสอบปากคำ โดยใช้เวลากว่า 2 ชม.
พ.ต.อ.นายแพทย์ พงศ์ธร เจ้าของไข้ดูแลผู้ต้องหา เปิดเผยว่า ขณะนี้สภาพร่างกายของผู้ต้องหานั้นสมบูรณ์มาก ทั้งร่างกายและจิตใจพร้อมให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยช่วงแรกผู้ต้องหาจะมีอาการเครียดอยู่บ้าง แต่อาการของผู้ต้องหาก็ดีขึ้นตามลำดับ โดยมีเพียงบาดแผลที่ขาซ้ายเท่านั้นเป็นแผลเหวอะ ซึ่งทางทีมแพทย์ได้ผ่าตัดเอาผิวหนังมาปิดเรียบร้อยแล้ว และบริเวณดวงตาข้างขวาที่โดนสะเก็ดระเบิด ยังมีอาการอักเสบและมีการติดเชื้อ โดยได้ให้ยาฆ่าเชื้อไปแล้ว คาดว่า ภายใน 1-2 สัปดาห์ จะสามารถนำผู้ต้องหาออกจากโรงพยาบาลได้
พล.ต.อ.ปานศิริ กล่าวภายหลังการสอบปากคำ ว่า นายซาอิด ยอมรับว่า วันนั้นอยู่ในบ้านหลังดังกล่าวด้วย และรู้จักกับชาวอิหร่านคนอื่นๆ มาก่อนที่จะเกิดเหตุขึ้น รวมทั้ง นายนูโรซิ ซายัน อารี อัคบาร์ ที่ออกจากบ้านเกิดเหตุเมื่อช่วงเช้าก่อนระเบิดขึ้น ทั้งนี้ ยังยอมรับด้วยว่า เคยพักอยู่ที่นาซา เวกัส และ เพชรบุรี สูท โดยได้พักอาศัยอยู่กับนายมาซูด เซดากาห์ ซาเดห์ อย่างไรก็ตาม เฉพาะที่นาซ่าเวกัสนั้นมีการพบสติ๊กเกอร์อักษร SEJEAL จำนวน 400 กว่าแผ่น รวมทั้งยอมรับว่าได้ใช้รถจักรยานยนต์ทั้ง 2 คันจริง ตามที่ตำรวจยึดมาได้ แต่ผู้ต้องหาปฏิเสธที่จะบอกเรื่องที่มาของระเบิด ซึ่งเจ้าหน้าที่ทำได้เพียงสืบสวนขยายผลต่อ ส่วนเป้าหมายของการนำระเบิดเข้ามานั้นเป็นเรื่องของสำนวนคดีไม่สามารถบอกได้
พล.ต.อ.ปานศิริ กล่าวอีกว่า การสอบปากคำเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี และเป็นไปตามที่มีการสืบสวนก่อนหน้านี้หลายเรื่องตรงกับการตรวจพิสูจน์ตามหลักวิทยาศาสตร์ที่ตำรวจเก็บหลักฐานตรวจสอบหมดแล้ว โดยวันนี้ทางพนักงานสอบสวน พร้อมด้วย ทนายความจากสภาทนายฯและล่ามภาษาอาราบิกได้แจ้งข้อกล่าวหา นายซาอิด 4 ข้อหา คือ ร่วมกันใช้วัตถุระเบิด ทำให้เกิดระเบิด พยายามฆ่าผู้อื่นและพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน ซึ่งผู้ต้องหาให้การภาคเสธ
จากการสอบสวน นายซาอิด ยอมรับว่า เป็นคนก่อเหตุให้เกิดแรงระเบิดขึ้นบ้านหลังดังกล่าวจริง และได้ออกจากบ้านเป็นคนสุดท้าย พร้อมระเบิด 2 ลูก ต่อมาได้เรียกแท็กซี่ แต่มีคนติดตามมาจึงโยนระเบิดตกข้างรถแท็กซี่ ซึ่งเมื่อมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาระงับเหตุก็ได้โยนระเบิดใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจแต่โยนไม่พ้นจึงเกิดระเบิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้ต้องหาให้การพาดพิงใครอีกหรือไม่ พล.ต.อ.ปานศิริ กล่าวว่า เรื่องนี้ขอให้อยู่ในสำนวน ซึ่งคงต้องมีการสอบสวนเพิ่มเติมอีก ต้องมีการสอบสวนมากกว่า 1 ครั้ง สำหรับนายซาอิดพนักงานสอบสวนจะส่งคำร้องฝากครั้งต่อศาลผลัดแรกในวันที่ 22 มีนาคมนี้
วันนี้ (09.30 น.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัตร รองผบ.ตร.ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีระเบิด 3 จุดกลางกรุง พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ต.พิสิฎฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น.เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.บช.น.เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.5 ฝ่ายสืบสวน สน.คลองตัน พนักงานสอบสวน บก.น.5 และ สน.คลองตัน ได้ร่วมประชุมชุดสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีระเบิด 3 จุดที่ซอยสุขุมวิท 71 เมื่อวันที่ (14 ก.พ.) ที่ผ่านมา โดยใช้เวลาการประชุมนานกว่า 2 ชม.
พล.ต.อ.ปานศิริ เปิดเผยหลังการประชุม ว่า ความสมบูรณ์ของพยานหลักฐานทั้งหมด รวมถึงพยานบุคคลและหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์มีความคืบหน้าไปมาก และจากการตรวจพยานหลักฐานหลายจุดยังสามารถเชื่อมโยง และยืนยันถึงการกระทำผิดของผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ซึ่งถือว่ามีความคืบหน้าไปมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ โดยบ่ายวันนี้พนักงานสอบสวนจะเข้าสอบปากคำ นายซาอิด โมราดิ ชาวอิหร่าน ผู้ต้องหาที่ถูกระเบิดขาขาด พร้อมกับแจ้ง 4 ข้อกล่าวหาตามที่ศาลอนุมัติออกหมายจับ หลังจากแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ยืนยันว่า นายซาอิด โมราดิ สามารถให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนได้แล้ว โดยข้อมูลจากการสอบสวนทั้งหมดพนักงานสอบสวนจะทำหนังสือส่งไปยังทางการมาเลเซีย เพื่อใช้ประกอบในการขอตัว นายมาซูด เซดากาห์ ซาเดห์ กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวน และพนักงานอัยการได้แปลเอกสารเป็นภาษาอังกฤษแล้วเสร็จ และพร้อมจะเดินทางไปประสานทางการมาเลเซียในวันที่ 25-26 มีนาคมนี้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จากกรณีที่สื่อประเทศอินเดียเผยผลการสอบสวนแล้วว่า นายมาซูด มีส่วนเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดรถยนต์นักการทูตอิสราเอล ประจำนิวเดลี อินเดีย พล.ต.อ.ปานศิริ กล่าวว่า ในเรื่องดังกล่าวหลังเกิดเหตุเอกอัคราชทูตอินเดียกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เข้าพบ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร.และหลังจากนั้น ก็มีการประสานงานกันในระดับเจ้าหน้าที่มาโดยตลอด โดยเฉพาะช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอินเดียก็ได้ประสานงานเข้ามาเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ประเทศอินเดีย ซึ่งมีการเกิดระเบิดไปแล้ว กับข้อมูลของทางตำรวจไทย ซึ่งเป็นเรื่องสากลทั่วโลกอยู่แล้ว โดยเมื่อเกิดเหตุทางประชาคมตำรวจก็มีการประสานงานและแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ซึ่งเหตุระเบิดที่ประเทศอินเดียและประเทศไทย พบว่าคล้ายกัน 4 ประการ คือ 1.ตัววัตถุระเบิด ไม่ว่าจะเป็นลักษณะการประกอบ กลไกการทำงานของระเบิด ภาชนะที่บรรจุ และแม่เหล็กที่ติดกับวัตถุระเบิด 2.เรื่องของเป้าหมาย พบว่า มีกลุ่มเป้าหมายเดียวกัน คือ ประสงค์ต่อตัวบุคคล 3.เรื่องของการเตรียมการก่อเหตุ คือ ใช้รถ จยย.เป็นพาหนะเหมือนกัน และ 4.มีการเตรียมจัดหาสถานที่พัก เพื่อเตรียมวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งเรื่องเหล่านี้ได้มีการประสานงานกันเรื่อยมา มีข้อมูลบางอย่างที่เชื่อได้ว่าผู้ต้องหามีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ระเบิดที่ประเทศอินเดีย ซึ่งทางอินเดียเองก็อยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผล
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า น่าจะเป็นกลุ่มเดียวกันกับที่เคยก่อเหตุที่ประเทศอินเดียแล้วเข้ามาวางแผนก่อเหตุในประเทศไทยใช่หรือไม่ พล.ต.อ.ปานศิริ กล่าวว่า ไม่ใช่เช่นนั้น ซึ่งเป็นเพียงการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน โดยพบว่าอาจมีบางอย่างเชื่อมโยงกับข้อมูลของทางประเทศอินเดีย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงข้อเท็จจริง ที่ทางการประเทศอินเดียต้องการนำตัวนายมาซูด จากประเทศมาเลเซียกลับไปสอบปากคำและดำเนินคดีที่ประเทศอินเดีย พล.ต.อ.ปานศิริ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องภายในของประเทศอินเดีย สำหรับขั้นตอนการขอตัวนายมาซูด กลับมาที่ประเทศไทย โดยพนักงานอัยการได้ดำเนินการคืบหน้าไปมากพอสมควร ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นศาลของมาเลเซียแล้ว กระทั่งมีการขอเอกสารเพิ่มเติม ซึ่งทางอัยการและพนักงานสอบสวนจะเดินทางนำไปมอบให้ในวันที่ 25-26 มี.ค.ที่จะถึงนี้ ส่วนทางการอินเดียจะขอตัวหรือไม่ต้องสอบถามไปที่ทางการประเทศอินเดีย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีของนายโมราดิ ว่า ต้องรีบดำเนินคดีให้เข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลโดยเร็วที่สุด เพื่อนำหลักฐานไปยื่นใช่หรือไม่ พล.ต.อ.ปานศิริ กล่าวว่า ข้อมูลการสอบปากคำของนายโมราดิ เป็นส่วนหนึ่งที่จะนำเสนอให้กับทางอัยการ เพื่อเป็นหลักฐาน โดยในวันที่นำเอกสารไปยื่นให้กับทางการประเทศมาเลเซียคงยังไม่มีคำฟ้อง เพียงแต่เป็นพยานหลักฐานที่สืบสวนและสอบสวนได้ ทั้งพยานบุคคล การตรวจพิสูจน์ ความเสียหาย และภาพถ่ายต่างๆ ซึ่งพนักงานอัยการได้รวมรวมเอาไว้หมดแล้ว
เมื่อถามว่า จนถึงขณะนี้มีความมั่นใจมากน้อยแค่ไหนว่าจะได้ตัวนายมาซูด กลับมาดำเนินคดี พล.ต.อ.ปานศิริ กล่าวว่า ประเทศมาเลเซียให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยเรื่องดังกล่าวได้เข้าสู่กระบวนการของศาลมาเลเซียแล้ว เพียงแต่มีการขอหลักฐานเพิ่มเติม และอยู่ระหว่างเตรียมเดินทางไปชี้แจงหลักการทั้งหมดที่ประเทศมาเลเซีย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า สามารถแจ้งข้อหาก่อการร้ายกับผู้ต้องหาได้เลยหรือไม่ พล.ต.อ.ปานศิริ กล่าวว่า เรื่องการเกี่ยวพันกับการก่อการร้าย ทางตำรวจได้ดำเนินการอยู่ตลอดเวลา และในที่ประชุมตนก็ได้สั่งการเพิ่มเติมไปแล้ว ซึ่งขณะนี้ข้อหายังคงเป็นไปตามที่ศาลอนุมัติหมายจับมา เรื่องการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมนั้นอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผล
ต่อมาเวลา 13.45 น.ที่โรงพยาบาลตำรวจ พล.ต.อ.ปานศิริ พร้อมด้วย พล.ต.ต.อนุชัย และ พ.ต.อ.นายแพทย์ พงศ์ธร สุโฆษิต หัวหน้ากลุ่มงานศัลยกรรม โรงพยาบาลตำรวจแพทย์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เดินทางเข้าสอบปากคำนายซาอิด ซึ่งเข้ารับการรักษาอาการตัวอยู่ ซึ่งในวันนี้เป็นครั้งแรกที่แพทย์อนุญาตให้พนักงานสอบสวนเข้าสอบปากคำ โดยใช้เวลากว่า 2 ชม.
พ.ต.อ.นายแพทย์ พงศ์ธร เจ้าของไข้ดูแลผู้ต้องหา เปิดเผยว่า ขณะนี้สภาพร่างกายของผู้ต้องหานั้นสมบูรณ์มาก ทั้งร่างกายและจิตใจพร้อมให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยช่วงแรกผู้ต้องหาจะมีอาการเครียดอยู่บ้าง แต่อาการของผู้ต้องหาก็ดีขึ้นตามลำดับ โดยมีเพียงบาดแผลที่ขาซ้ายเท่านั้นเป็นแผลเหวอะ ซึ่งทางทีมแพทย์ได้ผ่าตัดเอาผิวหนังมาปิดเรียบร้อยแล้ว และบริเวณดวงตาข้างขวาที่โดนสะเก็ดระเบิด ยังมีอาการอักเสบและมีการติดเชื้อ โดยได้ให้ยาฆ่าเชื้อไปแล้ว คาดว่า ภายใน 1-2 สัปดาห์ จะสามารถนำผู้ต้องหาออกจากโรงพยาบาลได้
พล.ต.อ.ปานศิริ กล่าวภายหลังการสอบปากคำ ว่า นายซาอิด ยอมรับว่า วันนั้นอยู่ในบ้านหลังดังกล่าวด้วย และรู้จักกับชาวอิหร่านคนอื่นๆ มาก่อนที่จะเกิดเหตุขึ้น รวมทั้ง นายนูโรซิ ซายัน อารี อัคบาร์ ที่ออกจากบ้านเกิดเหตุเมื่อช่วงเช้าก่อนระเบิดขึ้น ทั้งนี้ ยังยอมรับด้วยว่า เคยพักอยู่ที่นาซา เวกัส และ เพชรบุรี สูท โดยได้พักอาศัยอยู่กับนายมาซูด เซดากาห์ ซาเดห์ อย่างไรก็ตาม เฉพาะที่นาซ่าเวกัสนั้นมีการพบสติ๊กเกอร์อักษร SEJEAL จำนวน 400 กว่าแผ่น รวมทั้งยอมรับว่าได้ใช้รถจักรยานยนต์ทั้ง 2 คันจริง ตามที่ตำรวจยึดมาได้ แต่ผู้ต้องหาปฏิเสธที่จะบอกเรื่องที่มาของระเบิด ซึ่งเจ้าหน้าที่ทำได้เพียงสืบสวนขยายผลต่อ ส่วนเป้าหมายของการนำระเบิดเข้ามานั้นเป็นเรื่องของสำนวนคดีไม่สามารถบอกได้
พล.ต.อ.ปานศิริ กล่าวอีกว่า การสอบปากคำเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี และเป็นไปตามที่มีการสืบสวนก่อนหน้านี้หลายเรื่องตรงกับการตรวจพิสูจน์ตามหลักวิทยาศาสตร์ที่ตำรวจเก็บหลักฐานตรวจสอบหมดแล้ว โดยวันนี้ทางพนักงานสอบสวน พร้อมด้วย ทนายความจากสภาทนายฯและล่ามภาษาอาราบิกได้แจ้งข้อกล่าวหา นายซาอิด 4 ข้อหา คือ ร่วมกันใช้วัตถุระเบิด ทำให้เกิดระเบิด พยายามฆ่าผู้อื่นและพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน ซึ่งผู้ต้องหาให้การภาคเสธ
จากการสอบสวน นายซาอิด ยอมรับว่า เป็นคนก่อเหตุให้เกิดแรงระเบิดขึ้นบ้านหลังดังกล่าวจริง และได้ออกจากบ้านเป็นคนสุดท้าย พร้อมระเบิด 2 ลูก ต่อมาได้เรียกแท็กซี่ แต่มีคนติดตามมาจึงโยนระเบิดตกข้างรถแท็กซี่ ซึ่งเมื่อมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาระงับเหตุก็ได้โยนระเบิดใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจแต่โยนไม่พ้นจึงเกิดระเบิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้ต้องหาให้การพาดพิงใครอีกหรือไม่ พล.ต.อ.ปานศิริ กล่าวว่า เรื่องนี้ขอให้อยู่ในสำนวน ซึ่งคงต้องมีการสอบสวนเพิ่มเติมอีก ต้องมีการสอบสวนมากกว่า 1 ครั้ง สำหรับนายซาอิดพนักงานสอบสวนจะส่งคำร้องฝากครั้งต่อศาลผลัดแรกในวันที่ 22 มีนาคมนี้