ตำรวจเล็งเอาผิด แฝดพี่น้องผู้ตะบันหน้า “วรเจตน์” ในข้อหาแจ้งความเท็จ กรณีอ้างเป็นอาสาสมัครทหารพรานไปยื่นขออนุญาตขอใบพกพาอาวุธปืนอีกกระทง
วันนี้ (9 มี.ค.) เวลา 13.00 น.ที่ สน.ชนะสงคราม พ.ต.ท.ณัฐกร คุ้มทรัพย์ รองผกก.สส.สน.ชนะสงคราม เปิดเผยความคืบหน้ากรณี นายสุพจน์ และนายสุพัฒน์ ศิลารัตน์ อายุ 30 ปี พี่น้องฝาแฝด ก่อเหตุทำร้ายร่างกาย นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และแกนนำกลุ่มนิติราษฎร์ที่เรียกร้องให้แก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ได้รับบาดเจ็บบริเวณโหนกแก้มขวา และหน้าผาก ก่อนทั้งคู่หลบหนีไป บริเวณลานจอดรถคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เมื่อวันที่ 29 ก.พ.ที่ผ่านมา
ต่อมา วันที่ 1 มี.ค.2555 นายสุพจน์ และ นายสุพัฒน์ ศิลารัตน์ พี่น้องฝาแฝด ได้เดินทางเข้ามอบตัว ที่ สน.ชนะสงคราม โดย นายสุพจน์ ศิลารัตน์ แฝดผู้พี่นั้น ยังเคยมีคดีพกพาอาวุธปืน ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พ.ศ.2490 ที่ สน.ดอนเมือง เมื่อประมาณต้นปี 2553 ทำให้บวกโทษคดีกระทำผิด พ.ร.บ.อาวุธปืน คดีแดง 1336/53 ของศาลอาญาที่รอการลงโทษเพิ่มอีก 7 เดือน รวมเป็น 10 เดือน ส่วน นายสุพัฒน์ ศิลารัตน์ แฝดน้อง จำคุก 3 เดือน เพราะรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา จากนั้นญาติของทั้งสองคนได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสดคนละ 50,000 บาท ขอปล่อยชั่วคราว และศาลพิจารณาคำร้องยื่นประกันตัวแล้วอนุญาตให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาทั้งสองชั่วคราว ระหว่างอุทธรณ์สู้คดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกรณีฝาแฝดพี่น้อง แอบอ้างเป็นอาสาสมัครทหารพรานเพื่อไปยื่นขอใบอนุญาตครอบครองอาวุธปืน เบื้องต้นอยู่ระหว่างพิจารณาเพื่อแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ตามความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน และจะต้องนำสำนวนไปประกอบกันเพื่อยื่นต่อศาล และนายทะเบียนให้พิจารณาถอดถอนใบ ป.4 อนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน นอกจากนี้ ปืนทุกกระบอกที่ทั้ง 2 รายครอบครองอยู่อาจถูกสั่งให้ยึดเป็นของกลางได้ หากศาลมีคำสั่งหลังจากนี้
พ.ต.ท.ณัฐกร กล่าวว่า ขณะนี้ทำหนังสือถึงกองทัพบกไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างการรอผลตรวจสอบจากกองทัพบก อีกทีว่า นายสุพจน์ และ นายสุพัฒน์ ศิลารัตน์ พี่น้องฝาแฝดนั้นเป็นอาสาทหารพรานจริงหรือไม่ โดยคาดว่าน่าจะรู้ผลภายในสัปดาห์หน้า ถ้าผลการตรวจสอบออกมาแล้วพบว่าฝาแฝดทั้งสองรายนี้ไม่ได้เป็นทหารจริง จะทำเรื่องประสานไปยังนายทะเบียนของ อ.ธัญบุรี เพื่อขอให้ตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ว่า เอกสารดังกล่าวถูกต้องหรือไม่ และเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับฝาแฝดทั้งคู่ กรณีครอบครองอาวุธปืนต่อไป