xs
xsm
sm
md
lg

คุก 3 เดือน! คู่แฝดชก “วรเจตน์” - คนพี่ “สุพจน์” เจอเด้งบวกโทษคดีเก่าด้วย

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายสุพจน์ -นายสุพัฒน์ ศิลารัตน์ คู่แฝดตะบันหน้า วรเจตน์
ศาลแขวงดุสิตสั่งจำคุกคู่แฝดชกหน้า “วรเจตน์” คนละ 6 เดือน สารภาพลดโทษเหลือคุกคนละ 3 เดือน ไม่รอลงอาญา ส่วนแฝดพี่ “สุพจน์” ให้บวกโทษผิด พ.ร.บ.อาวุธปืนของศาลอาญาที่รอการลงโทษไว้ รวมจำคุกเป็น 10 เดือน ศาลตีราคาประกันคนละ 2.2 หมื่นบาท ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์สู้คดี

วันนี้ (8 มี.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานอัยการคดีศาลแขวงดุสิต ถ.ตลิ่งชัน พนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม ได้นำตัวสุพจน์ ศิลารัตน์ และนายสุพัฒน์ ศิลารัตน์ ทั้งสองอายุ 30 ปี เป็นฝาแฝดพี่น้องชาว จ.ปทุมธานี ผู้ต้องหาคดีทำร้ายร่างกายผู้อื่น มารายงานตัวต่อพนักงานอัยการฝ่ายคดีศาลแขวงดุสิต หลังจากนั้นพนักงานอัยการได้นำทั้งสองไปยื่นฟ้องเป็นจำเลยที่ 1-2 ต่อศาลแขวงดุสิตในความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บเป็นอันตรายแก่กาย

อัยการระบุในคำฟ้องว่า เมื่อวันที่ 29 ก.พ.55 เวลากลางคืน จำเลยทั้งสองได้ไปดักรอและรุมชกทำร้ายนายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาตร์ แกนนำกลุ่มนิติราษฎร์ ที่เรียกร้องให้แก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 บริเวณโหนกแก้มขวา และหน้าผากได้รับบาดเจ็บก่อนหลบหนีไป ซึ่งเหตุเกิดบริเวณลานจอดรถหน้าคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทั้งนี้ อัยการโจทก์ขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 และให้นับโทษต่อนายสุพจน์ จำเลยที่ 1 ในคดีแดง 1336/53 ของศาลอาญา ในคดีกระทำผิด พ.ร.บ.อาวุธปืน ที่ศาลรอการลงโทษไว้จำนวน 7 เดือนด้วย จำเลยรับสารภาพ

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยทั้งสองกระทำผิดตามฟ้องจริง พิพากษาจำคุกจำเลยคนละ 6 เดือน คำรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุกจำเลยไว้คนละ 3 เดือนโดยไม่รอลงอาญา ซึ่งในส่วนของนายสุพจน์ จำเลยที่ 1 ให้บวกโทษคดีกระทำผิด พ.ร.บ.อาวุธปืน คดีแดง 1336/53 ของศาลอาญาที่รอการลงโทษไว้ 7 เดือน รวมจำคุกนายสุพจน์ไว้ 10 เดือน

จากนั้นญาติของทั้งสองได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสดคนละ 50,000 บาท ขอปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล

ต่อมาศาลพิจารณาคำร้องยื่นประกันตัวแล้วอนุญาตให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาทั้งสองชั่วคราว ระหว่างอุทธรณ์สู้คดี โดยศาลตีราคาประกันเป็นเงินสดคนละ 22,000 บาท

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 21 เม.ย. 2553 พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 ได้เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายสุพจน์ ศิลารัตน์ ชาว จ.ปทุมธานี เป็นจำเลยต่อศาลอาญา สรุปว่าเมื่อวันที่ 17 ม.ค. 2553 เวลากลางคืน จำเลยมีอาวุธปืนออโตเมติก ยี่ห้อโคลท์ รุ่น COLT M1991A1 SERIES 80 ขนาด .45 (11 มม.) ทะเบียนปืน กท-3713055 จำนวน 1 กระบอก ซึ่งเป็นของผู้มีชื่อที่ได้รับอนุญาตให้มีและใช้ ,กระสุนปืนออโตเมติกขนาด .45 ( 11 มม.) จำนวน 50 นัด,ซองกระสุนปืน 2 อัน สามารถใช้ยิงทำอันตรายแก่ชีวิตและวัตถุได้ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และจำเลยบังอาจพาอาวุธปืนดังกล่าวติดตัวไปในถนนสรงประภา เขตดอนเมือง โดยไม่ได้รับอนุญาต เหตุเกิดที่แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 4, 7, 72 จำเลยให้การรับสารภาพ และศาลได้พิพากษาวันเดียวกันทันที

โดยศาลพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 วรรคสาม , 72 ทวิ วรรคสอง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของผู้อื่น ซึ่งได้รับใบอนุญาตไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ลงโทษจำคุก 8 เดือน ปรับ 4,000 บาท ฐานพาอาวุธปืนติดตัวเข้าไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาตและโดยไม่มีเหตุอันสมควร ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ และความผิดฐานพาอาวุธปืนติดตัวเข้าไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยเปิดเผย หรือโดยไม่มีเหตุอันสมควร ตามประมวลกฎหมายอาญาเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 6 เดือน และปรับ 2,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ให้กระทงละกึ่งหนึ่ง ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ จำคุก 4 เดือน และปรับ 2,000 บาท ฐานพาอาวุธปืนฯ โดยไม่ได้รับอนุญาตและโดยไม่มีเหตุอันสมควร จำคุก 3 เดือน ปรับ 1, 000 บาท รวมจำคุก 7 เดือน ปรับ 3,000 บาท

พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ประกอบกับจำเลยไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56
กำลังโหลดความคิดเห็น