xs
xsm
sm
md
lg

ตร.นัด “คู่แฝด” มือชกหน้า “วรเจตน์” สั่งฟ้อง 12 มี.ค.นี้

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายสุพจน์ - สุพัฒน์ ศิลารัตน์ สองพี่น้องฝาแฝด ชาว จ.ปทุมธานี ผู้ต้องหาชกหน้า วรเจตน์
ตำรวจเดินหน้าทำคดี “วรเจตน์ ภาคีรัตน์” ถูกทำร้าย นัด 2 ผู้ต้องหาคู่แฝด พบพนักงานสอบสวนเพื่อส่งฟ้องศาล 12 มีนาคม นี้ ระบุ 2 ผู้ต้องหาสามารถเดินทางไปต่างประเทศได้ เนื่องจากยังไม่ได้มีการอายัดตัว ขณะที่ผลการตรวจร่างกาย “วรเจตน์” ยังไม่ออก เบื้องต้นยังไม่แจ้งข้อหาฝาแฝดเพิ่ม

วันนี้ (5 มี.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พ.ต.อ.วิชาญญ์วัชร์ บริรักษ์กุล รองผบก.น.1 (ดูแลงานสอบสวน) เปิดเผยการทำสำนวนคดีที่ นายสุพจน์ ศิลารัตน์ อายุ 30 ปี และ นายสุพัฒน์ ศิลารัตน์ อายุ 30 ปี สองพี่น้องฝาแฝด ชาว จ.ปทุมธานี กรณีทำร้ายร่างกาย นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เนื่องจากไม่พอใจที่ นายวรเจตน์ เข้าไปเป็นแกนนำกลุ่มนิติราษฎร์ และเคลื่อนไหวการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 เมื่อวันที่ 29 ก.พ.ที่ผ่านมา

พ.ต.อ.วิชาญญ์วัชร์ เปิดเผยว่า ในส่วนของใบ ป.4 (ครอบครองอาวุธปืน) นั้น เป็นหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทย ไม่เกี่ยวข้องกับตำรวจ ส่วนการจะเพิกถอนนั้นอยู่ที่กติกา เช่น ทำผิดโดยใช้อาวุธปืนก็ต้องพิจารณา เรื่องนี้ให้ทาง พ.ต.ท.ณฐกร คุ้มทรัพย์ รองผกก.สส.สน.ชนะสงคราม ดูว่า กรณีอย่างนี้ผู้อนุญาต ถือว่าอนุญาตถูกต้องตามข้อมูลหรือไม่ โดยได้ยื่นถามฝ่ายปกครองแล้ว โดยสามารถเพิ่มโทษ นายสุพจน์ แฝดผู้เป็นพี่ได้ เนื่องจากมีคดีอาวุธปืนผิดมือ สน.ดอนเมือง รอลงอาญา 2 ปี อยู่ในเงื่อนไขเพิ่มโทษได้อยู่ ส่วน นายสุพัฒน์ แฝดคนน้องนั้น ได้รับการจำคุกมาก่อนหน้านี้ และจากการตรวจสอบได้เลยระยะเวลาเพิ่มโทษแล้ว

เมื่อถามว่า ผู้ต้องหามีสิทธิเดินทางไปต่างประเทศหรือไม่ เพราะในเฟซบุ๊กมีผู้มาโพสต์แสดงตนว่า เป็นทนายของฝาแฝดทั้งคู่ บอกว่า ไปท่องเที่ยวที่ฮาวาย พร้อมครอบครัว พ.ต.อ.วิชาญญ์วัชร์ กล่าวว่า เรื่องนี้สามารถเดินทางไปได้ เนื่องจากยังไม่ได้มีการอายัดตัว เพราะการอายัดต้องมีหมายจับ

ส่วนสำนวนคดีรอผลตรวจสอบประวัติ ใบแพทย์ รอยลายนิ้วมือ โดยมีกำหนดนัดวันที่ 12 มีนาคม ให้มาพบพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม เพื่อส่งฟ้องศาล แต่หากไม่มาจะขอเลื่อนก็ต้องบอกด้วยว่าเหตุใดจึงไม่มา ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือที่เป็นลายลักษณ์อักษร ใช้แค่คำพูดไม่ได้ เรื่องนี้ทางผู้บังคับบัญชาบอกว่าไม่ต้องเร่งรีบ แต่ต้องรอหลักฐานให้ครบก่อน

วันเดียวกันที่ สน.ชนะสงคราม พ.ต.ท.ณฐกร คุ้มทรัพย์ รองผกก.สส.สน.ชนะสงคราม เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบประวัติอาชญากรของทั้งสองพี่น้องฝาแฝดนั้น ยังไม่เรียบร้อยอยู่ระหว่างให้ลูกน้องไปขอข้อมูลจากทาง สน.ดอนเมือง เกี่ยวกับคดีเก่าที่ผู้ต้องหาเคยถูกจับกุมมาก่อน เมื่อได้ข้อมูลมาแล้วต้องดูอีกทีว่าจะเข้าข่ายต้องเพิ่มโทษในส่วนนี้หรือไม่ ขณะนี้ได้รับผลตรวจจากแพทย์โรงพยาบาลเจ้าพระยาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยทางแพทย์ระบุว่า จากการตรวจสอบบาดแผลฟกช้ำบริเวณโหนกแก้มด้านขวา และบาดแผลที่ฟกช้ำบริเวณคางด้านซ้ายของนายวรเจตน์ ได้ลงความเห็นให้พักรักษาตัวเป็นเวลา 7 วัน ถ้าไม่มีโรคอื่นแทรกซ้อน ซึ่งในที่นี้ถือว่าอาการไม่สาหัส จึงไม่ต้องแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับทั้งสองคน และขอยืนยันว่าทุกอย่างจะดำเนินการไปตามขั้นตอน

พ.ต.ท.ณฐกร กล่าวอีกว่า ได้นัดผู้ต้องหาทั้งสองคนเพื่อจะนำตัวส่งฟ้องศาลแขวงดุสิต ในวันที่ 12 มี.ค.นี้แล้ว เชื่อว่า ไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะยังสามารถติดต่อกันอยู่ตลอด สำหรับเรื่องอาวุธปืนของสองพี่น้องนั้น กำลังให้ลูกน้องไปทำการตรวจสอบที่กองทะเบียนอยู่ว่า ได้มีการขออนุญาตและยื่นเอกสารอย่างถูกต้องหรือไม่ แล้วขอในนามบุคคลใด ทั้งบุคคลทั่วไปหรือข้าราชการ ซึ่งไม่นานจะทราบผล สำหรับกรณีที่ว่าทั้งคู่จะไปพักผ่อนที่ฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกาตามที่เป็นข่าวหรือไม่ตนไม่ทราบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ระบุว่า นายสุพจน์ และ นายสุพัฒน์ สองพี่น้องฝาแฝด ได้เดินทางไปพักผ่อนที่ฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา นั้น ไม่น่าจะเป็นความจริง เพียงแค่ต้องการหลบหน้าสื่อมวลชนและไม่อยากให้ใครซักถามมากกว่า โดยเชื่อว่าทั้งคู่ยังอยู่ในเมืองไทย เพราะทั้งคู่ยังติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ตลอดเวลา
กำลังโหลดความคิดเห็น