ศาลยกประโยชน์แห่งความสงสัยยกฟ้อง ปอ ประตูน้ำ กับลูกเมีย คดีเปิดบ่อนพนัน ส่วนลูกน้องเจ้าของกรรมสิทธิ์ตึกที่เปิดเป็นบ่อนโดนคุก 1 ปี
วันนี้ (21 ก.พ.) เมื่อเวลา 13.00 น.ที่ห้องพิจารณา 914 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 1 เป็นโจทก์ฟ้องนายไพจิตร ธรรมโรจน์พินิจ หรือ ปอ ประตูน้ำ ผู้กว้างขวางย่าน ซ.กิ่งเพชร ที่ 1 นางอำภา หรือ ซ้อ ธรรมโรจน์พินิจ ภรรยานายไพจิตร ที่ 2 น.ส.ประภาพรรณ ธรรมโรจน์พินิจ บุตรสาว ที่ 3 นายวันชัย หรือ ตี๋ใหญ่ แซ่เหลี่ยว ที่ 4 นายสุรินทร์ หรือ บั๊ก วงศ์ดามา ที่ 5 นายสมชัย หรือ คุ้ง บุญมั่นแสนสุข ที่ 6 นายจงศักดิ์ หรือ จ่าแดง เชื่อวิเชียร ที่ 7 และ นายอำนาจ หรือทนายกัง มีศรีกมลกุล ที่ 8 ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-8 ตามลำดับในความผิดฐาน ร่วมกันจัดให้มีการเล่นพนัน เอาทรัพย์สินโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันรับของโจร, ร่วมกันเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา, ร่วมกันซื้อหรือรับไว้โดยประการใดซึ่งรู้ว่าเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากร ข้อห้ามหรือข้อจำกัด และร่วมกันมีไพ่ไว้ในครอบครองเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ขอให้ลงโทษตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83, 91, 357, พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469, พ.ร.บ.ไพ่ พ.ศ.2486, พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 และ พ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.2475
คดีนี้โจทก์ฟ้องสรุปว่า เมื่อระหว่างวันเดือนใดไม่ปรากฏชัด พ.ศ.2546 ถึงวันที่ 4 ก.พ.2549 เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยทั้งแปดร่วมกันจัดให้มีการเล่นพนันขนาดใหญ่ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน โดยจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกันซื้อและรับไว้เครื่องจักรกลไฟฟ้าประเภทตู้ม้า จำนวน 15 ตู้ ราคา 30,000 บาท คิดเป็นค่าอากรขาเข้า 6,000 บาท ภาษีมูลค่าเพิ่ม 2,520 บาท รวมราคาของและค่าภาษีอากรเป็นเงิน 38,520 บาท ชิปแลกเงิน จำนวน 9,862 อัน ราคา 400,991.95 บาท คิดเป็นอากรขาเข้า 80,194 บาท ภาษีมูลค่าเพิ่ม 33,680 บาท รวมราคาของและค่าภาษีอากรเป็นเงิน 514,865.95 บาท เครื่องนับไพ่อัตโนมัติ 24 เครื่อง ราคา 5,202.72 บาท คิดเป็นอากรขาเข้า 1,040.54 บาท ภาษีมูลค่าเพิ่ม 437.03 บาท รวมราคาของและค่าภาษีอากรเป็นเงิน 6,680.29 บาท ไพ่ จำนวน 1,507 สำรับ ราคาสำรับละ 87.74 บาท รวมเป็นเงิน 132,224.18 บาท โดยมีผู้ลักลอบนำของดังกล่าวซึ่งเป็นของที่มีแหล่งกำเนิดในต่างประเทศและต้องขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร โดยหลีกเลี่ยงอากร ข้อห้ามและข้อจำกัดอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย รวมทั้งตรวจยึดรถยนต์ได้ 64 คัน โดยจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 5 และที่ 6 ได้ร่วมกันรับของโจร รับจำนำหรือรับไว้โดยประการใดซึ่งรถยนต์ หมายเลขทะเบียน ษณ 3345 กรุงเทพฯ จำนวน 1 คัน แล้วจำเลยทั้งสี่ดังกล่าวได้บังอาจเรียกดอกเบี้ยในการให้กู้ยืมเงินในอัตราร้อยละ 10 ต่อเดือน หรือร้อยละ 120 ต่อปี ซึ่งสูงเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดให้เรียกเก็บได้ อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย เหตุเกิดที่แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จากพยานหลักฐานโจทก์ แม้จะฟังได้ว่าตึกแถวในซอยเจริญสุข ถ.ราชปรารถ จะดัดแปลงเป็นบ่อนพนันและเปิดให้มีการเล่นพนันตลอด 24 ชม.ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ชุดปราบปราบการพนันและผู้มีอิทธิพลได้ส่งสายสืบเข้าไปแอบเล่นพนันในวันที่ 2-3 ก.พ.49 ก่อนที่วางแผนให้ชุดจับกุมเข้าไปจับกุมผู้ต้องหาในเวลา 05.00 น.ของวันที่ 4 ก.พ.49 ได้นักเล่นพนันทั้งหมด 262 คน ซึ่งเดิมตึกดังกล่าวเคยมีชื่อของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นภรรยาของจำเลยที่ 1 ถือครองกรรมสิทธิ์อยู่ แต่จำเลยที่ 2 ได้นำสืบว่าได้ขายและให้เช่าตึกกับจำเลยที่ 4 ไปแล้ว ซึ่งจำเลยที่ 1 และ 2 นำสืบโดยมีหลักฐานเป็นโฉนดที่ดินและการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ถูกต้อง ดังนั้น ที่จำเลยที่ 4 อ้างว่าเคยใช้ตึกเปิดเป็นโรงงานตัดเย็บผ้า โดยภายหลังเลิกกิจการจึงได้ให้คนอื่นเช่าต่อ แต่จากพยานหลักฐานกลับปรากฏว่าจำเลยที่ 4 เคยฟ้องไล่ที่บุคคลอื่น จึงเชื่อว่าขณะเกิดเหตุตึกดังกล่าวจำเลยที่ 4 ยังเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ และรู้เห็นเรื่องการเปิดบ่อนพนัน อีกทั้งพยานโจทก์ยังนำสืบว่า เจ้าของบ่อนพนันคือนายตี๋ ซึ่งเป็นคนเดียวกับจำเลยที่ 4 จึงรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 4 จัดให้มีการเล่นพนัน
ส่วนที่ฝ่ายโจทก์นำสืบ โดยนำภาพถ่ายที่ได้จากกล้องวงจรปิดของสายสืบขณะแฝงตัวเข้าไปในบ่อนและถ่ายภาพไว้ ปรากฏภาพจำเลยที่ 1 เล่นพนันนั้น แต่จากคำเบิกความของพยานอื่นไม่ยืนยันว่าจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของบ่อน แต่เจ้าของบ่อน คือ นายตี๋ ซึ่งผู้เล่นพนันไม่จำเป็นต้องมีความผิดฐานเป็นเจ้าของบ่อน และเจ้าของบ่อนก็ไม่ใช่จะมีความผิดฐานเป็นผู้เล่นเสมอไป พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมายังไม่เพียงพอให้รับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 และ 2 ผิดฐานเป็นผู้เปิดให้เล่นพนัน จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 เช่นเดียวกับจำเลยที่ 3 ที่ 5 ที่ 6 ที่ 7 ที่ 8 พิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 1-3, 5-8 แต่ให้ขังจำเลยที่ 1 ไว้ระหว่างอุทธรณ์ ส่วนจำเลยที่ 4 มีความผิดฐานจัดให้มีการเล่นพนัน ซึ่งเป็นความผิดกรรมเดียว แต่ผิดต่อกฎหมายหลายบท ตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ. 2478 ให้จำคุกเป็นเวลา 1 ปี
ต่อมาญาตินายไพจิตร จำเลยที่ 1 ซึ่งศาลมีคำสั่งให้ขังระหว่างอุทธรณ์ได้ยื่นโฉนดที่ดิน ราคาประเมิน 2 ล้านบาท ขอปล่อยตัวชั่วคราว ขณะที่นายวันชัย หรือตี๋ใหญ่ แซ่เหลี่ยว จำเลยที่ 4 ซึ่งศาลพิพากาให้จำคุก 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา ฐานจัดให้มีการเล่นพนันนั้น ก็ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสด 500,000 บาท
ศาลพิเคราะห์หลักทรัพย์และคำร้อง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยทั้งสอง ระหว่างอุทธรณ์ โดยตีราคาประกันคนละ 500,000 บาท และห้ามจำเลยทั้งสองเดินทางออกนอกประเทศด้วย เว้นแต่ศาลจะมีคำสั่งอนุญาต