โจ๋ขี่ จยย.ชิงทรัพย์สาวใหญ่ ตร.วิสามัญฯ ดับ

2 โจ๋เสพยาขี่ จยย.กระชากสร้อยคอสาวใหญ่ สายตรวจบางโพงพางประสบเหตุพอดี ไล่กวดยิงรถล้มดับ 1 ราย อีกรายบาดเจ็บ อ้างว่าภรรยาตั้งครรภ์ต้องหาเงินมาใช้จ่าย ทั้งยังสารภาพเพิ่งพ้นคุกข้อหาเสพยาเสพติดปลายปีที่ผ่านมา

วันนี้ (29 ม.ค.) เวลา 20.30 น. ร.ต.อ.ศักดิ์นรินทร์ รัตนพันธ์ พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.วัดพระยาไกร รับแจ้งเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สน.บางโพงพาง ยิงต่อสู้กับคนร้ายชิงทรัพย์ที่บริเวณกลางซอยสาธุประดิษฐ์ 20 แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบแล้วรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พล.ต.ต.กฤษณ์ เปียแก้ว ผบก.น.5 พ.ต.อ.เกียรติณรงค์ เฉลิมสุข ผกก.สน.วัดพระยาไกร พ.ต.ท.ปราชญาณ จิเนราวัต รอง ผกก.สส.สน.วัดพระยาไกร พ.ต.ท.บุญญฤทธิ์ ไทมโนธรรม พ.ต.ท.ศรศักดิ์ ทองมี สว.สส.สน.วัดพระยาไกร เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่ร่วมกตัญญู

ที่เกิดเหตุบริเวณกลางซอยสาธุประดิษฐ์ 20 พบกองเลือดขนาดใหญ่อยู่กลางถนนจำนวนหนึ่ง ทราบชื่อนายดาวแก้ว ไม่ทราบนามสกุล อายุประมาณ 17 ปี ถูกกระสุนปืนไม่ทราบขนาดของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยิงเข้าที่บริเวณท้ายทอยด้านซ้ายทะลุเบ้าตาขวา 1 นัด หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่สายตรวจ สน.บางโพงพางได้ประสานไปยังมูลนิธิร่วมกตัญญูรีบนำคนร้ายที่ถูกยิงบาดเจ็บสาหัสส่ง รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สน.บางโพงพาง แจ้งว่าสามารถควบคุมตัวผู้กระทำผิดได้ 1 ราย คือ นายอาณัต ดอกจูม อายุ 28 ปี ชาวอำเภอไทยเจริญ จ.ยโสธร พร้อมของกลางอาวุธปืนอัดลม 1 กระบอก จักรยานยนต์ยี่ห้อซูซูกิ รุ่นเสตป สีดำ-แดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 1 สลึง จำนวนครึ่งเส้น

จากการสอบสวนนางอุไร ผู้เสียหายให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนกับลูกสาวอายุ 7 ขวบกำลังเดินอยู่บริเวณบาทวิถีริมถนน ระหว่างเดินอยู่นั้นมีคนร้ายเป็นชายวัยรุ่น 2 คนขี่จักรยานยนต์มาประชิดตัว แล้วหนึ่งในคนร้ายลงจากรถเดินเข้ามากระชากสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 1 สลึงที่สวมใส่อยู่ที่คอ แต่ตนพยายามขัดขืนจึงถูกคนร้ายตบไปหนึ่งครั้ง แต่ตนคิดได้ว่ามาพร้อมกับลูกสาวเกรงว่าจะได้รับอันตรายจึงไม่ขัดขืนต่อสู้ เมื่อคนร้ายได้สร้อยคอไปเพียงแค่ครึ่งเส้น แล้วหล่นอยู่ที่ตัวอีกครึ่งเส้น คนร้ายได้รีบซ้อนท้ายรถหลบหนีไปทันที ระหว่างนั้นมีรถเจ้าหน้าที่สายตรวจ สน.บางโพงพางผ่านมาพอดี จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ติดตามจับกุม ซึ่งตนได้เห็นว่าคนร้ายมีท่าทีเหมือนจะควักบางสิ่งที่เอว แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นอาวุธชนิดใด แต่หลังจากที่ตำรวจขับจักรยานยนต์ติดตามคนร้ายไปนั้น ตนได้ยินเสียงดังขึ้นไม่ทราบว่าเสียงอะไร ส่วนตัวเองนั้นไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรง มีเพียงถูกตบที่ใบหน้าและรอยถลอกที่ซอกคอด้านซ้ายเท่านั้น

หลังจากนั้นเวลาประมาณ 22.00 น. พ.ต.อ.กสิณ ศรีธรรมาสุข ผกก.สน.บางโพงพาง และเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.บางโพงพาง ได้ควบคุมตัวนายอาณัต พร้อมจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ รวมทั้งนำตัวนางอุไร สุขจันทร์ อายุ 40 ปี ผู้เสียหายและสร้อยคอทองคำหนักหนึ่งสลึง จำนวน 1 เส้น มาส่งมอบให้พนักงานสอบสวน สน.วัดพระยาไกร ทำการสอบสวนต่อไป รวมทั้งให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบสภาพศพและรอยเขม่าดินปืนของผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต

ส่วนการสอบสวนนายอาณัต ผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุชิงทรัพย์ให้การอ้างว่า ก่อนเกิตเหตุตนได้ขับรถไปหานายดาวแก้ว ซึ่งเป็นเพื่อนของเพื่อนอีกทอดหนึ่งที่อยู่ซอยพระราม 3 ซอย 6 เขตยานนาวา โดยนายดาวแก้วนัดให้มาพบหลังจากได้คุยโทรศัพท์กันว่าจะไปขับรถเล่นและหาเงินใช้ เพราะภรรยาตนกำลังตั้งครรภ์ใกล้คลอดแต่ยังไม่มีเงินเป็นค่าใช้จ่าย ตนจึงขับรถไปหานายดาวแก้วพากันขับรถเล่นไปตามเส้นทางละแวกดังกล่าว กระทั่งมาพบผู้เสียหายและนายดาวแก้วสังเกตเห็นว่าผู้เสียหายได้ใส่สร้อยคอทองคำ จึงให้ตนวนกลับรถมาหา โดยขับรถชะลอเข้าไปใกล้ๆ จากนั้นนายดาวแก้วกำลังจะลงจากท้ายรถ แต่ตนได้ทักเพราะเห็นว่ามีจักรยานยนต์ขับตามหลังมา จึงเปลี่ยนใจขับรถหลบหนีไป ซึ่งตนไม่ทราบว่านายดาวแก้วได้กระชากสร้อยมาแล้วหรือไม่ และไม่รู้เรื่องด้วยว่านายดาวแก้วพกพาอาวุธใดติดตัวมาด้วย กระทั่งถูกยิงจนทำให้รถล้มลงตนได้รับบาดเจ็บที่ขา และมาทราบว่านายดาวแก้วถูกยิงบาดเจ็บเลือดไหลเปื้อนด้านหลังเสื้อตนด้วย โดยก่อนหน้านี้ตนทำงานโรงงานกระดาษย่านพระราม 3 และเสพยาบ้ามานาน เคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ยานนาวา จับกุมเมื่อ 2 ปีก่อนในข้อหาเสพยาเสพติด ต้องโทษจำคุก 2 เดือน และเพิ่งพ้นโทษมาเมื่อปลายปีที่ผ่านมา สำหรับคดีที่ก่อขึ้นครั้งนี้นายอาณัตอ้างว่า เพิ่งทำเป็นครั้งแรก

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหานายอาณัตว่าชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ก่อนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป