ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคดีโจ๋วัย 20 เหยื่อถูกถีบรถ จยย.ล้มหัวฟาดพื้นดับกลางสะพานข้ามคลองบางลิ่ม ย่านพุทธมณฑสาย 1 เป็นการชิงทรัพย์ เนื่องจากไม่พบบาดแผลผู้ตายถูกทำร้ายก่อนที่รถจะล้ม แต่ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง คาดท้ายสุดอาจเป็นเพียงอุบัติเหตุแล้วบังเอิญมีพวกหวังดีประสงค์ร้ายแวะดูเหตุการณ์ก่อนที่จะลักรถของผู้ตายหลบหนีไป พร้อมสืบหารถผู้ตายอยู่กับผู้ใดและตรวจวงจรปิดเพื่อเร่งคลี่คลายคดีต่อไป
วันนี้ (30 ม.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. พ.ต.อ.พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง ผกก.สน.ตลิ่งชัน กล่าวถึงความคืบหน้าคดีกลุ่มเด็กแว้นก่อเหตุถีบจักรยานยนต์ของนายปณิทัศน์ สุขสี อายุ 20 ปี ล้มจนหัวไปฟาดพื้นเสียชีวิต และแฟนสาวที่ซ้อนมาด้วยบาดเจ็บสาหัสบนถนนกลางสะพานข้ามคลองบางลิ่ม ย่านพุทธมณฑลสาย 1 แขวงและเขตตลิ่งชัน กทม. พร้อมขโมยจักรยานยนต์ของผู้ตายหลบหนีไปเมื่อวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า วันที่เกิดเหตุตนเดินทางไปดูสถานที่ด้วยตัวเองพบรอยครูดบนถนนเป็นทางยาวกว่า 50 เมตร ก่อนที่ร่างผู้ตายและแฟนสาวจะไปหยุดแน่นิ่งกลางสะพานแสดงให้เห็นว่าก่อนรถจะล้มผู้ตายต้องใช้ความเร็วสูงไม่น่าจะต่ำกว่า 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งคนนั่งและซ้อนท้ายทั้ง 2 คน ยังไถลครูดยาวไปไกลได้ขนาดนั้น อย่างไรก็ตาม ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจเพราะมีการประชุมสรุปความคืบหน้าคดีกับฝ่ายสืบสวนทุกวัน ซึ่งที่สำคัญเราต้องหาประจักษ์พยานให้ได้ เพราะช่วงเกิดเหตุไม่มีผู้ใดให้ข้อมูลว่าเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด โดยมีคนเห็นแค่ช่วงที่คนร้ายยกรถผู้ตายสตาร์ทขับหลบหนีไป ซึ่งขณะนี้ยังไม่ปักใจเชื่อว่าเป็นการชิงทรัพย์ เนื่องจากไม่พบบาดแผลว่าผู้ตายถูกทำร้ายร่างกายก่อนที่รถจะล้ม แต่ชุดคลี่คลายคดียังไม่ได้ตัดประเด็นใดๆ ทิ้ง เนื่องจากมีความเป็นไปได้ทั้งหมด โดยท้ายที่สุดอาจเป็นเพียงอุบัติเหตุแล้วบังเอิญมีพวกหวังดีประสงค์ร้ายแวะดูเหตุการณ์ก่อนที่จะลักทรัพย์รถของผู้ตายหลบหนีไปก็เป็นได้
ด้าน พ.ต.ท.เลิศศักดิ์ เขียมทรัพย์ สว.สส.สน.ตลิ่งชัน เปิดเผยว่า ได้พยายามนำกำลังออกตามหาพยานเพิ่มเติมในละแวกที่เกิดแล้ว แต่ยังไม่พบว่าผู้ใดเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ซึ่งมีเพียง รปภ.คนหนึ่งระบุว่าได้ยินเสียงท่อรถจักรยานยนต์หลายคันแข่งซิ่งกันมาก่อนที่จะมีเสียงรถล้มอย่างแรง โดยขณะนี้ตำรวจจะพยายามสืบหาให้ได้ว่ารถผู้ตายอยู่กับผู้ใด ซึ่งอาจเป็นฝีมือคนร้าย หรือกลุ่มเพื่อนผู้ตายที่เป็นเด็กแว้น สำหรับหลักฐานจากกล้องวงจรปิดกำลังประสานขอรายละเอียดจากห้างร้านในละแวกใกล้เคียงอยู่ว่าจะมีกล้องตัวใดบันทึกภาพก่อนหรือหลังเกิดเหตุได้หรือไม่ ขณะเดียวกัน อาการของแฟนสาวผู้ตายที่ไปด้วยกันก็ยังอยู่ในขั้นโคม่ายังไม่ทุเลาลงจึงยังไม่สามารถให้การกับตำรวจได้
