ศาลสั่งจำคุก 1 ปี ปรับ 4 หมื่นบาท “เก่ง การุณ” กระโดดถีบท้องน้อย “สมเกียรติ” แถมด่าผ่านรายการวิทยุกล่าวหาเป็นนักปลุกระดม จ้องล้มล้างระบอบประชาธิปไตย ศาลปรานีเพราะไม่เคยต้องโทษมาก่อน โทษจึงรอลงอาญา 2 ปี พร้อมให้ลงคำพิพากษา นสพ.3 ฉบับ จำนวน 3 วัน
วันนี้ (13 ธ.ค.) ที่ห้องพิจารณา 906 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมิ่นประมาท ที่ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ฟ้อง นายการุณ หรือ เก่ง โหสกุล ส.ส.เขตดอนเมือง พรรคเพื่อไทย เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
โดยโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 23 เม.ย.51 ระบุความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 2 เม.ย.51 จำเลยได้ทำร้ายร่างกายโจทก์ด้วยการใช้เท้าถีบท้องน้อยโจทก์อย่างแรง เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ ที่รัฐสภา ต่อมาวันที่ 3 เม.ย.54 จำเลยได้ให้สัมภาษณ์หมิ่นประมาทโจทก์ต่อบุคคลที่สาม ทางสถานีวิทยุคลื่นเอฟเอ็ม ความถี่ 90.5 เมกะเฮิรตซ์ และรายการสยามเช้านี้ ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 โดยใช้ถ้อยคำหยาบคายต่างๆ นานา ทำนองว่า “จำเลยไม่ควรค่าไปแลกด้วยกับไอ้สมเกียรติ ไอ้นี่มันนักปลุกระดมฆ่า แต่จำเลยเป็นเพชรที่ต้องเข้ามาทำงานเพื่อประชาชน ส่วนโจทก์มาจากพวกจ้องล้มล้างระบอบประชาธิปไตย มาจากการปฏิวัติ รัฐประหาร และข้อความอื่นซึ่งล้วนเป็นความเท็จ” โจทก์ในฐานะที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ขณะนั้น) และเป็นอาจารย์ ซึ่งเป็นที่รู้จักนับหน้าถือตาของคนในสังคมต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง ทำให้ได้รับความเสียหาย จึงนำคดีมาฟ้องขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย
จำเลยให้การปฏิเสธ อ้างว่า ติชมโจทก์ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ต้องการให้รู้สำนึกหน้าที่ความเป็น ส.ส.คดีนี้หลังจากศาลไต่สวนมูลฟ้องโจทก์แล้วเห็นว่าคดีมีมูลให้ประทับรับฟ้องไว้พิจารณาเป็นคดีดำ อ.1462/2551 และสืบพยานโจทก์-จำเลยเรื่อยมาจนแล้วเสร็จ
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยสมควรกล่าวถ้อยคำต่างๆ ตามความรู้สึกที่ดีของบุคคลทั่วไป มิใช่แกล้งเสียดสี ยั่วยุ่ มุ่งหมายให้เกิดความโกรธ เข้าใจ หรือใช้ถ้อยคำหยาบคาย ซึ่งมิได้ติชมด้วยความบริสุทธิ์ใจดังที่จำเลยต่อสู้ที่ไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 328 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมรวม 2 กระทง ให้จำคุกกระทงละ 6 เดือน รวม 12 เดือน และปรับกระทงละ 20,000 บาท รวม 40,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน และเมื่อคำนึงถึงอาชีพและสภาพความผิดแล้ว มีเหตุอันควรปรานี โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ทั้งให้จำเลยโฆษณาคำพิพากษาโดยย่อใน นสพ.เดลินิวส์ ไทยรัฐ และ มติชน เป็นเวลา 3 วัน โดยให้จำเลยเป็นผู้ชำระค่าโฆษณา
วันนี้ (13 ธ.ค.) ที่ห้องพิจารณา 906 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมิ่นประมาท ที่ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ฟ้อง นายการุณ หรือ เก่ง โหสกุล ส.ส.เขตดอนเมือง พรรคเพื่อไทย เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
โดยโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 23 เม.ย.51 ระบุความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 2 เม.ย.51 จำเลยได้ทำร้ายร่างกายโจทก์ด้วยการใช้เท้าถีบท้องน้อยโจทก์อย่างแรง เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ ที่รัฐสภา ต่อมาวันที่ 3 เม.ย.54 จำเลยได้ให้สัมภาษณ์หมิ่นประมาทโจทก์ต่อบุคคลที่สาม ทางสถานีวิทยุคลื่นเอฟเอ็ม ความถี่ 90.5 เมกะเฮิรตซ์ และรายการสยามเช้านี้ ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 โดยใช้ถ้อยคำหยาบคายต่างๆ นานา ทำนองว่า “จำเลยไม่ควรค่าไปแลกด้วยกับไอ้สมเกียรติ ไอ้นี่มันนักปลุกระดมฆ่า แต่จำเลยเป็นเพชรที่ต้องเข้ามาทำงานเพื่อประชาชน ส่วนโจทก์มาจากพวกจ้องล้มล้างระบอบประชาธิปไตย มาจากการปฏิวัติ รัฐประหาร และข้อความอื่นซึ่งล้วนเป็นความเท็จ” โจทก์ในฐานะที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ขณะนั้น) และเป็นอาจารย์ ซึ่งเป็นที่รู้จักนับหน้าถือตาของคนในสังคมต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง ทำให้ได้รับความเสียหาย จึงนำคดีมาฟ้องขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย
จำเลยให้การปฏิเสธ อ้างว่า ติชมโจทก์ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ต้องการให้รู้สำนึกหน้าที่ความเป็น ส.ส.คดีนี้หลังจากศาลไต่สวนมูลฟ้องโจทก์แล้วเห็นว่าคดีมีมูลให้ประทับรับฟ้องไว้พิจารณาเป็นคดีดำ อ.1462/2551 และสืบพยานโจทก์-จำเลยเรื่อยมาจนแล้วเสร็จ
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยสมควรกล่าวถ้อยคำต่างๆ ตามความรู้สึกที่ดีของบุคคลทั่วไป มิใช่แกล้งเสียดสี ยั่วยุ่ มุ่งหมายให้เกิดความโกรธ เข้าใจ หรือใช้ถ้อยคำหยาบคาย ซึ่งมิได้ติชมด้วยความบริสุทธิ์ใจดังที่จำเลยต่อสู้ที่ไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 328 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมรวม 2 กระทง ให้จำคุกกระทงละ 6 เดือน รวม 12 เดือน และปรับกระทงละ 20,000 บาท รวม 40,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน และเมื่อคำนึงถึงอาชีพและสภาพความผิดแล้ว มีเหตุอันควรปรานี โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ทั้งให้จำเลยโฆษณาคำพิพากษาโดยย่อใน นสพ.เดลินิวส์ ไทยรัฐ และ มติชน เป็นเวลา 3 วัน โดยให้จำเลยเป็นผู้ชำระค่าโฆษณา