ศาลสั่งจำคุก 2 ปี หนุ่มศรีสะเกษใช้แบงก์พันปลอมซื้อน้ำอัดลมกระป๋อง รับสารภาพลดโทษเหลือ 1 ปี ศาลชี้เป็นพฤติการณ์ร้ายแรงต่อระบบการเงินของประเทศ ไม่รอการลงโทษ
วันนี้ (16 ก.ย.) ที่ห้องพิจารณา 902 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.3399/53 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ฟ้องนายบรรจง ปานทอง อายุ 32 ปี ชาวจังหวัดศรีสะเกษ อาชีพรับจ้าง เป็นจำเลยในความผิดฐานมีไว้เพื่อนำออกมาใช้ซึ่งธนบัตรปลอม ซึ่งตนนั้นรู้อยู่แล้วว่าเป็นธนบัตรปลอม
คดีนี้โจทก์ฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 20 ส.ค.53 เวลาประมาณ 18.00 น. จำเลยได้ใช้ธนบัตรปลอมฉบับละ 1,000 บาท ซื้อน้ำอัดลม 1 กระป๋อง ราคา 14 บาท จากนางอรุณพร เรืองต่อศักดิ์ ผู้เสียหาย เจ้าของร้านชำปากซอย 10 หมู่บ้านสหกรณ์ 4 ถ.เสรีไทย แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม. โดยนางอรุณพรได้ทอนเงินจำนวน 986 บาทให้แก่จำเลยไป ภายหลังเมื่อผู้เสียหายตรวจสอบจนทราบความจริงจึงแจ้งให้พนักงานรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านจับตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.บึงกุ่มดำเนินคดี ซึ่งพบธนบัตรปลอมฉบับละ 1,000 บาทในตัวจำเลยอีก 1 ฉบับด้วย
ชั้นสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธ แต่ให้การรับสารภาพในชั้นศาล
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 244 พิพากษาจำคุก 2 ปี คำรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยไว้ 1 ปี อย่างไรก็ตาม เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์การสืบเสาะและพินิจสภาพครอบครัว การศึกษา แม้จำเลยจะไม่เคยกระทำผิดมาก่อน แต่การที่จำเลยมีไว้และใช้ธนบัตรปลอมซื้อสินค้า เป็นการสร้างความเสียหายต่อระบบการค้าและเงินตราของประเทศ ทำให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนส่วนรวม นับเป็นภัยร้ายแรงโทษจำคุกจึงไม่รอการลงโทษ