xs
xsm
sm
md
lg

จำคุก 18 ปี อดีตการเงินสภาพัฒน์ ยักยอกดอกเบี้ยรัฐ 5 หมื่น

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

(แฟ้มภาพ)
ศาลสั่งจำคุก 27 ปี อดีตพนักงานบัญชีสภาพัฒน์ ยักยอก-ทุจริตเบิกเงินจากบัญชีของกองทุนฯ หลวง กว่า 7 ล้าน เข้าบัญชีตัวเองแล้วถอนออกทยอยจ่ายให้แก่เจ้าหนี้ของรัฐ เพื่อกินเปล่าดอกเบี้ยที่ได้จากเงินฝากดังกล่าวกว่า 5 หมื่น ให้การเป็นประโยชน์ศาลปราณีลดเหลือ 18 ปี

วันนี้ (6 ธ.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลได้อ่านคำพิพากษาคดีทุจริตต่อหน้าที่ ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 2 เป็นโจทก์ฟ้อง นางอาภรณ์รัตน์ หรือ สลักจิต โชติวิทยพร อายุ 54 ปี อดีตนักวิชาการเงินและบัญชี 6 สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ เป็นจำเลยในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ จัดทำ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนเองหรือผู้อื่นโดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ

คดีนี้โจทก์ฟ้อง เมื่อวันที่ 23 พ.ย.53 ระบุว่า เมื่อระหว่างวันที่ 20 มี.ค.2539 -19 ส.ค.2540 ขณะจำเลยเป็นนักวิชาการเงินและบัญชี 5 ช่วยราชการสำนักงานเลขานุการคณะอนุกรรมการกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาค (สกจภ.) ได้ทุจริตปฏิบัติหน้าที่มิชอบด้วยการเบิกเงินจากบัญชีกองทุนฯ 6 โครงการ รวม 13 รายการ เป็นเงินจำนวน 7,174,462 บาท มาเก็บไว้เป็นของตนเอง โดยนำเงินจำนวนดังกล่าวเข้าฝากบัญชีธนาคารของจำเลย จากนั้นจึงค่อยถอนมาชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ อาทิ จ่ายค่าจ้างที่ปรึกษาบริษัทเอกชนต่างๆ, จ่ายค่าจ้างที่ปรึกษาการวางระบบดัชนีชี้วัดประเมินผลการกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาค, จ่ายค่าซ่อมแซมปรับปรุงวัสดุอุปกรณ์ และค่าวัสดุสำนักงาน และอื่นๆ จนเกิดดอกเบี้ยจำนวน 53,090 บาท อันเป็นการแสวงหาผลประโยชน์จากเงินดอกเบี้ยดังกล่าว เป็นของตนเองโดยทุจริต ต่อมาคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติเอกเอกฉันท์ 7 เสียง เห็นว่าจำเลยกระทำผิดจริง จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายแล้ว เห็นว่า การที่จำเลยเบิกเงินจากบัญชีของกองทุน แล้วไม่ยอมชำระให้แก่เจ้าหนี้ แต่กลับนำไปฝากเข้าบัญชีธนาคารตนเองทำให้เกิดดอกผล ซึ่งจำเลยย่อมทราบดี หากจำเลยมีเจตนาบริสุทธิ์ควรแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และส่งเงินดอกเบี้ยคืนกระทรวงการคลัง ทั้งจำเลยยังแก้ไขวันที่ ในใบเสร็จรับเงิน เพื่อให้บุคคลอื่นหลงเชื่อว่าได้จ่ายเงินให้แก่เจ้าหนี้แล้ว เพื่อปกปิดและป้องกันการตรวจพบจากสำนักตรวจเงินแผ่นดิน เป็นการส่อแสดงเจตนาโดยทุจริตและเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ แม้ภายหลังจำเลยจะนำเงินดอกผลมาคืนแก่รัฐ ก็คงยังต้องรับผิดอยู่ดี ข้อเท็จจริงจึงรับฟังโดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง

พิพากษา ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 157 และ 161 เป็นความผิดหลายกรรม ให้ลงโทษทุกกรรม ฐานเป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ 5 รวมกระทง จำคุกกระทงละ 5 ปี เป็น 25 ปี ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ 2 กระทง จำคุกกระทงละ 1 ปี เป็น 2 ปี รวม 27 ปี ทั้งนี้ ในชั้นพิจารณาคดี จำเลยให้การเป็นประโยชน์อยู่บ้าง จึงลดโทษให้ 1 ใน 3 เหลือจำคุก 18 ปี
กำลังโหลดความคิดเห็น