ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น จำคุก 9 ปี ปรับ 9 แสน “จ.ส.ต.” สน.สายไหมค้ายาบ้า 35 เม็ด ชี้พฤติการณ์หลักฐานมีน้ำหนักเพียงพอ ที่จำเลยอุทธรณ์ขอให้ศาลยกฟ้องฟังไม่ขึ้น จึงพิพากษายืน
วันนี้ (13 ต.ค.) ที่ห้องพิจารณา 909 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีดำ อย. 4107/51 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดียาเสพติด 1 เป็นโจทก์ฟ้อง จ.ส.ต.สายันต์ นวลใย อายุ 43 ปี ผบ.หมู่ปราบปราม สน.สายไหม เป็นจำเลยในความผิดฐานเป็นข้าราชการมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน หรือยาบ้า ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ตามฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.51 ระบุความผิดสรุปว่า
เมื่อวันที่ 4 ต.ค.50 เวลากลางคืน จำเลยขับรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ ทะเบียน 7606 กรุงเทพมหานครมา กับ น.ส.กาญจนา หรือปุ๋ม อยู่เกตุ ที่ศาลพิพากษาลงโทษแล้ว ได้จำหน่ายยาบ้าจำนวน 35 เม็ดให้แก่สายลับ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดุสิต ที่ปลอมตัวเข้าล่อซื้อราคา 14,500 บาท บริเวณปั๊มน้ำมันคาลเท็กซ์ ปากซอยพหลโยธิน 57 แขวงอนุสาวรีย์เขตบางเขน แต่เมื่อจำเลยตรวจนับเงินพบว่ายังขาดอีก และบางส่วนเป็นธนบัตรปลอม จึงให้ น.ส.กาญจนาลงจากรถไปทวงถาม เจ้าหน้าที่จึงเข้าจับกุมตัว ส่วนจำเลยได้ขับรถหนีไป สอบถาม น.ส.กาญจนาทราบว่า ยาบ้าเป็นของจำเลยโดยตนเองได้ค่าจ้าง 1,000 บาท ซึ่งจำเลยจะต้องไปเข้าเวรที่ สน.สายไหมเวลา 24.00 น. เจ้าหน้าที่จึงติดตามไปจับกุมจำเลย แต่ให้การปฏิเสธ อ้างว่าจะนำเงินไปให้เพื่อน น.ส.กาญจนากู้ที่ปั๊มน้ำมัน ไม่มีส่วนรู้เห็นการค้ายาเสพติด
คดีนี้ ศาลอาญามีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 27 มี.ค.52 ให้จำคุกจำเลย 12 ปี ปรับ 1.2 ล้านบาท ทางพิจารณาเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาบ้างลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุกจำเลยไว้ 9 ปี ปรับ 9 แสนบาท จำเลยอุทธรณ์ ขอให้ศาลยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนระชุมปรึกษาหารือแล้วเห็นว่า เมื่อพิเคราะห์ถึงพฤติการณ์และพยานหลักฐานต่างๆ แล้วมีน้ำหนักเพียงพอชัดเจนที่จะลงโทษจำเลยได้โดยปราศจากข้อสงสัย ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษมานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์จำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน