xs
xsm
sm
md
lg

สืบจากโทรศัพท์! รวบ “เสธ.ร้อยศพ” ฆ่าเปลือยอดีตเจ้าของบาร์ญี่ปุ่น

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ใกล้จะครบสามเดือนรอมร่อที่ น.ส.จริลทิพย์ หรือเต้ย สระทองอื้อ อายุ 42 ปี ได้หายตัวไปจากบ้านพักเลขที่ 359/92 ซ.ลาดพร้าว 94 ถ.ลาดพร้าว แขวงและเขตวังทองหลาง อย่างไร้ร่องรอย หลังโทรศัพท์ขาดการติดต่อตั้งแต่วันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา น.ส.กุศลิน สระทองอื้อ อายุ 37 ปี และนายสมชาย สระทองอื้อ อายุ 40 ปี น้องสาวและน้องชาย น.ส.จริลทิพย์ ต่างเป็นทุกข์ร้อน ออกตามหาพี่สาวจนแทบไม่เป็นอันกินอันนอน

หลังพี่สาวหายตัวไป 3 วัน ทั้งสองพี่น้องโร่เข้าแจ้งความพนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง เจ้าของพื้นที่ พร้อมทั้งตามหาพยานหลักฐานต่างๆ กระทั่งวันที่พี่สาวหาย พบคนร้ายนำบัตรเอทีเอ็มพี่สาวไปกดเงินจากตู้เอทีเอ็มย่านพุทธมณฑล สาย 4 รวมเป็นเงินกว่า 30,000 บาท จึงประสานธนาคารเจ้าของบัตรขอภาพผู้ต้องสงสัย พบเป็นชายร่างท้วมสวมหมวกกันน็อกสีดำยืนกดเงิน นอกจากนี้ สองพี่น้องยังประสานขอข้อมูลการใช้โทรศัพท์ของพี่สาว พบเบอร์ต้องสงสัยติดต่อพี่สาวหลายครั้งก่อนโทรศัพท์จะขาดการติดต่อ

เมื่อได้หลักฐานชิ้นสำคัญแล้ว สองพี่น้องวิ่งหน้าตาตื่นด้วยความดีใจนำหลักฐานไปให้ตำรวจท้องที่ที่ไปแจ้งความคนหายเพื่อสืบสวนหาตัวพี่สาว แต่เจ้าหน้าที่แค่รับปาก รับคำ แต่กลับไม่ดำเนินการใดๆ เลย ความหวังที่จะพบเบาะแสพี่สาวกลับดับวูบลงทันที

ในขณะที่สองพี่น้องกำลังสิ้นหวัง ไม่ทราบชะตากรรมของพี่สาวเป็นตายร้ายดีอย่างไร ถึงแม้จะเสียชีวิตไปแล้วก็ขอให้เจอศพเพื่อจะได้นำมาทำพิธีทางศาสนาต่อไป

แต่แล้วความหวังที่กำลังดับมอดกลับสว่างโรจน์ขึ้นมาทันที เมื่อเช้าวันที่ 13 กันยายน ชาวบ้านพบศพหญิงสาวถูกห่อด้วยผ้าคลุมรถสีบรอนซ์ ลอยน้ำมาติดเรือชาวบ้านในแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้วัดพลับสุทธาวาส หมู่ 5 ถ.สามโคกสายใน ต.เชียงรากน้อย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี เมื่อเปิดผ้าคลุมออกพบศพสภาพเปลือยกายผิวขาว สูงประมาณ 150-155 ซม. ย้อมผมบรอนซ์ทองหยักโศกถึงกลางหลัง ทาเล็บมือและเท้าสีทองส้ม บริเวณหลังเหนือหัวไหล่ขวามีรอยสักรูปมังกรตัวเล็ก 1 ตัว ที่ข้อมือถูกมัดด้วยสายรัดเคเบิลไทร์สีขาวและสีดำ ร้อยเป็นวงจากข้อมือลงมาที่ข้อเท้าอย่างแน่นหนา

ส่วนสภาพศพถูกมัดด้วยเชือกสีแดงรอบๆ ตัว ภายในถูกห่อด้วยผ้าขนหนู ผืนแรกสีขาวปักอักษรภาษาอังกฤษ คำว่า STREAMLINE และผืนที่สองปักตัวหนังสือภาษาอังกฤษคำว่า SCHWARZKOPF & HENKEL สีส้ม บริเวณขามีเชือกรัดกระสอบปุ๋ยสีขาวถูกถ่วงด้วยหินขนาดใหญ่ 3 ก้อน เป็นหินฝาท่อ 1 ก้อน หินอิฐบล็อก 1 ก้อน และปูนผสมเสร็จ 1 ก้อน

เมื่อทราบข่าวสองพี่น้องรีบไปดูศพ แล้วถึงกับเข่าทรุดเมื่อเห็นรอยสักลายมังกร เล็บมือ เล็บเท้าสีทองส้ม จมูกและคางที่ศัลยกรรมมา เชื่อว่าน่าจะเป็นพี่สาว ถึงแม้ศพจะขึ้นอืดเพราะเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 3-4 วัน จึงให้เจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์ตรวจดีเอ็นเอเพื่อยืนยันอีกครั้ง ระหว่างนั้นก็เข้าร้องทุกข์ให้ตำรวจกองปราบปราม ที่พึ่งสุดท้ายของประชาชนช่วยคลี่คลายคดีอีกแรง

จากนั้น พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผู้บังคับการกองปราบปราม ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ณัฐกร ประภายนต์ ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ท.วราวุธ เจริญชนม์ รอง ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ท.ต่อศักดิ์ ปานกลิ่นพุฒ ร.ต.อ.กริช วรทัต สว.กก.2 บก.ป.เร่งออกติดตามหาเบาะแสและล่าตัวคนร้าย

นอกจากนี้ สองพี่น้องได้นำหลักฐานที่เคยมอบให้ตำรวจท้องที่มาให้ชุดสืบสวนอีกครั้ง กระทั่งทราบชื่อผู้ต้องสงสัย คือ นายฉัตรชัย สารประดิษฐ์ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 111/181 หมู่บ้านมนวดี หมู่ 4 ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นคนสุดท้ายที่โทรศัพท์หาผู้ตายก่อนหายตัวไป

สำหรับประวัติของ นายฉัตรชัย พบว่ามีอาชีพขายไส้กรอกตามตลาดนัด มีภรรยาสองคน คนแรกอยู่กินกันมาหลายปีจนมีลูกด้วยกัน 3 คน ส่วนคนที่ 2 เพิ่งตั้งท้องได้เดือนกว่าๆ ทั้งนี้เจ้าตัวได้ตั้งฉายาตัวเองว่า “เสธ.ร้อยศพ” ในเฟซบุ๊ก และชอบคบหาหญิงสาวหลายคน โดยมี น.ส.จริลทิพย์ อดีตเจ้าของบาร์ญี่ปุ่น ย่านธนิยะรวมอยู่ด้วย ทั้งสองคบหากันมาได้ประมาณปีกว่าๆ โดยที่สามีชาวญี่ปุ่นของ น.ส.จริลทิพย์ที่อยู่กินกันมาเกือบ 10 ปี ไม่ได้ระแคะระคาย นอกจากนี้ นายฉัตรชัยมักไปซื้อบริการหญิงค้าประเวณีบริเวณคลองหลอด แยกคอกวัว และสนามหลวง โดยชอบคุยโวโอ้อวดว่าเป็น เสธ.ทหารบ้าง หรือมาเฟียบ้าง

ต่อมาชุดสืบสวนอีกชุดได้ไปสอบสวนภรรยาคนที่ 2 ของนายฉัตรชัย พบโทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกีย รุ่น N 82 สีดำ และนาฬิกายี่ห้อ CPS สีเงินขลิบทอง โดยเมียน้อยนายฉัตรชัยรับว่า สามีเป็นคนให้มาใช้ เมื่อนำมาให้ น.ส.กุศลินดูก็ยืนยันว่าทรัพย์สินทั้งสองเป็นของพี่สาว

จากนั้นพนักงานสอบสวนนำหมายค้นศาลเข้าตรวจค้นบ้าน นายฉัตรชัย ในวันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา พบรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า ซิตี้ สีเทา ทะเบียน ฌส 362 กทม. คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กยี่ห้อเอชพี 1 เครื่อง และโทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโมบาย รุ่น TV .658 จึงนำไปให้สองพี่น้องดู ทั้งสองถึงกับเข่าทรุดยิ่งกว่าตอนเจอศพเสียอีก โดยยืนยันว่าทรัพย์สินทั้งหมดเป็นของพี่สาวตัวเอง

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังพบเครื่องช็อตไฟฟ้าสีดำ 1 เครื่อง ถุงปุ๋ยสีขาว 3 ใบ สายรัดเคเบิลไทร์ สีดำ 60 เส้น สีขาว 5 เส้น เชือกสีขาว 5 เส้น สีแดง 1 ม้วน ซุกซ่อนในบ้านนายฉัตรชัย จึงนำมาเปรียบเทียบกับหลักฐานที่พบในตัวผู้ตายพบว่าเชือกสีแดงตรงกัน แถมยังผูกเงื่อนเหมือนกันอีก ถุงปุ๋ยก็ยี่ห้อเดียวกัน สายรัดเคเบิลก็ตรงกัน และบริเวณในบ้านพบร่องรอยเพิ่งก่อปูนอีกด้วย

ชุดสืบสวนจึงนำตัวนายฉัตรชัยมาเค้นสอบ แต่เจ้าตัวอ้างว่าซื้อรถเก๋งฮอนด้า ซิตี้ มาจากนายต๋องที่สนามหลวง ในราคา 50,000 บาท โดยนายต๋องบอกว่าเป็นรถหนีไฟแนนซ์ ส่วนทรัพย์สินอื่นๆ ของผู้ตายติดมากับรถ เจ้าหน้าที่พยายามเค้นสอบ นายฉัตรชัย อย่างหนักถึงเรื่องเชือก ถุงปุ๋ยสายรัดเคเบิล และพยานหลักฐานต่างๆ ที่พบในบ้าน แต่นายฉัตรชัยยังคงปากแข็ง อ้างว่าเอาไว้มัดไส้กรอก และแต่งเรื่องใส่ร้ายนายต๋องหาว่านายต๋องเป็นเอเยนต์กะเทยรายใหญ่ย่านคลองหลอด และสนามหลวง น่าจะเป็นคนร้ายที่ฆ่า น.ส.จริลทิพย์

ระหว่างที่รอผลตรวจดีเอ็นเอ เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายฉัตรชัยไปตามหานายต๋องที่สนามหลวง เพื่อประวิงเวลา พร้อมทั้งประสานพนักงานสอบสวน สภ.สามโคก ให้รีบขอหมายจับ แต่ถูกปฏิเสธและปัดให้ประสาน สน.วังทองหลาง ที่ญาติแจ้งความคนหายขอหมายจับแทน

ต่อมาผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ยืนยันว่าเป็นศพของ น.ส.จริลทิพย์ ที่หายตัวไปจริงๆ นอกจากนี้ผลการตรวจชันสูตรออกมาว่าไม่มีอาหารอยู่ในกระเพาะ และในกระเพาะปัสสาวะไม่มีน้ำ คาดว่าน่าจะถูกกักขังตัวไว้จนอดน้ำอดอาหารตายอย่างน่าเวทนา

จากการประมวลเหตุการณ์ชุดสืบสวนพบว่า วันที่ 17 มิถุนายน นายฉัตรชัยได้โทรศัพท์ลวงให้ผู้ตายมาพบที่ห้างเมเจอร์ ปิ่นเกล้า ก่อนนำตัวไปกักขังยังสถานที่แห่งหนึ่งใน จ.นนทบุรี ต่อมาวันที่ 3-7 ก.ย.ได้พาภรรยาคนที่ 2 ที่กำลังตั้งท้องเดือนกว่าๆ ไปเยี่ยมแม่ยายที่ จ.หนองคาย กลับมาบ้านวันที่ 8 ก.ย.และวันที่ 9 ก.ย.ได้ไปหา น.ส.จริลทิพย์ที่กักขังไว้ แต่ปรากฏว่าได้อดน้ำอดอาหารตายไปแล้ว กระทั่งเช้ามืดวันที่ 10 ก.ย.ได้นำศพคลุมผ้าแล้วถ่วงหินก่อนนำไปทิ้งลงแม่น้ำเจ้าพระยา ใน อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา กระทั่งลอยอืดมาทวงหาความยุติธรรมในวันที่ 13 กันยายน

จากนั้น เจ้าหน้าที่ก็ได้รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ก่อนขออนุมัติหมายจับจากศาล กระทั่งศาลอาญาได้ออกหมายจับ ที่ 1550/2554 ลงวันที่ 20 กันยายน 2554 ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา จึงควบคุมตัวดำเนินคดี ทั้งนี้ชุดสืบสวนเชื่อว่าน่าจะมีผู้กระทำความผิดมากกว่า 1 คน ซึ่งอยู่ระหว่างสืบสวนขยายผล จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.สามโคก รับไว้ดำเนินคดี

ส่วนสาเหตุการสังหารโหดครั้งนี้น่าจะมาจากเรื่องชู้สาว หรือเป็นการฆ่าชิงทรัพย์ เนื่องจากผู้ตายมีทรัพย์สินอยู่เป็นจำนวนมาก และนายฉัตรชัย ผู้ต้องหาก็มีหนี้สินล้นพ้นตัวเช่นกัน

“รู้สึกดีใจมากที่ตำรวจกองปราบปรามสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่ฆ่าพี่สาวได้ ซึ่งก่อนหน้านี้หลังจากที่พี่สาวหายตัวไป ฉันและพี่ชายได้เข้าแจ้งความคนหายไว้ที่ สน.วังหลองหลาง แต่คดีไม่คืบ จากนั้นมีข่าวพบศพหญิงสาวนิรนามในพื้นที่ สภ.สามโคก จ.ปทุมธานี จึงเข้าไปตรวจสอบศพ เมื่อเห็นรอยสักและลักษณะการทำคางและจมูกแล้ว เชื่อว่าน่าจะเป็นศพพี่สาว จึงเข้าแจ้งความให้ตำรวจกองปราบปรามช่วยติดตามคดีให้ เพราะท้องที่ไม่ดำเนินการใดๆ เลย ” น.ส.กุศลิน กล่าวพร้อมสะอื้น

ถือเป็นผลงานชิ้นโบแดงของกองปราบปราม ที่ใช้เวลาเพียงแค่ 3 วัน ในการติดตามจับกุมคนร้าย ใจโหดหินทมิฬชาติฆ่าคนอย่างเลือดเย็นมาชดใช้กรรมที่ก่อ ตบหน้าหน่วยงานอื่นที่กลับวางเฉยเห็นทุกข์ร้อนของประชาชนเป็นเรื่องธุระไม่ใช่...!
เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนายฉัตรชัย สารประดิษฐ์ อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาทำแผน
นายฉัตรชัย สารประดิษฐ์ อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาฆ่าคนตาย
น.ส.กุศลิน สระทองอื้อ น้องสาวโชว์รูปน.ส.จริลทิพย์ หรือเต้ย สระทองอื้อ อายุ 42 ปี ผู้ตาย
กำลังโหลดความคิดเห็น